ผู้เขียน | อดิเทพ พันธ์ทอง |
---|---|
เผยแพร่ |
“การขายลูกเมียกิน” ของ “คนสยาม” ในสายตาฝรั่ง เปิดบันทึกสัญญาค้าขาย “ทาส” ในอดีต
ปัจจุบันการค้า “มนุษย์” ถือเป็นอาชญากรรมร่วมกันของมนุษยชาติ แต่ครั้งหนึ่ง มนุษย์เคยเป็นสินค้าที่สามารถซื้อขายเปลี่ยนมือได้โดยชอบ ซึ่งปรากฏอยู่ในหลายวัฒนธรรมไม่ว่าจะเป็นในตะวันตกหรือตะวันออก แม้จะมีลักษณะที่ต่างกันบ้างในรายละเอียด
เช่นเดียวกับสยามในอดีตที่กฎหมายยอมให้คนขายคนลงเป็น “ทาส” ได้ ดังที่กำหนดไว้ใน พระไอยการทาษ ประมวลกฎหมายตราสามดวง ที่ให้สิทธิแก่พ่อแม่ และผัว ในการขายลูกขายเมียแลกเงินได้ นอกเหนือไปจากการตกเป็นทาสในลักษณะอื่นๆ
เข้าสู่ศตวรรษที่ 19 ชาติตะวันตกที่ยกเลิกระบบทาสไปนานนับร้อยๆ ปี (ก่อนนำมาใช้อีกครั้งในดินแดนอาณานิคม แต่ก็ทยอยเลิกไปนับแต่ศตวรรษที่ 18 และหันมาต่อต้านการค้าทาสอย่างจริงจังนับแต่ต้นศตวรรษที่ 19) เมื่อมาเห็นว่า สยามประเทศยังคงมีการกดขี่ผู้คนลงเป็นทาสอยู่ก็มัก “ติเตียน” การรักษาระบบสังคมที่เอารัดเอาเปรียบเช่นนี้เอาไว้
อ็องรี มูโอต์ เป็นนักสำรวจชาวฝรั่งเศสในช่วงเวลาดังกล่าว ที่เข้ามาสำรวจพื้นที่ในแถบอุษาคเนย์ และเขาเป็นคนนึงที่มักตำหนิระบบทาสของสยามลงในบันทึกการเดินทางของตนเอง โดยอ้างว่า สยามในขณะนั้นมีทาสกว่า 1.5-1.8 ล้านคน คิดเป็นสัดส่วนถึง 1 ใน 3 ของประเทศ พร้อมยกตัวอย่างสัญญาซื้อขายทาสที่สังฆราชปาลเลอกัวเคยกล่าวถึงเอาไว้ในบันทึกของตน มีความว่า
“วันพุธที่ ๒๕ เดือน ๖ ทางจันทรคติ จุลศักราช ๑๒๑๑ ข้าพเจ้า ผู้เป็นผัว พร้อมนางกล ผู้เป็นเมีย นำลูกสาวชื่อ ‘มา’ มาขายให้กับคุณหลวงศรี เป็นเงิน ๘๐ ติกัล (๒๔๐ ฟรังก์) เพื่อให้ทำงานรับใช้นายท่านแทนดอกเบี้ย ถ้านานมาลูกสาวของเราหลบหนี ให้นายท่านกุมตัวข้าพเจ้า และบังคับให้ตามตัวนางมาส่งคืน
ข้าพเจ้า นายมีขอลงชื่อไว้เป็นพยาน”
สัญญาซื้อขายลูกตัวเองลงเป็นทาสฉบับนี้ ทำให้ชาวตะวันตกอย่างมูโอต์อดที่จะให้ความสนใจมิได้ เขายังกล่าวถึงการขายเมียตัวเองลงเป็นทาส โดยคนที่มีสถานะเป็นหัวหน้าครอบครัว ซึ่งเขาอ้างว่า “เป็นเรื่องทั่วไปในหมู่คนชั้นล่าง” และเป็นเรื่องที่ “เกิดขึ้นบ่อยและชวนสลดใจไม่มากก็น้อย”
นี่คือหนึ่งในเสียงวิจารณ์ของฝรั่งต่อสังคมสยามในอดีต ต่อ “การขายลูกเมียกิน” อย่างไรก็ดี สิ่งที่น่าแปลกใจก็คือ แม้ไทยจะได้เลิกทาสไปนานแล้ว แต่เมื่อคนไทยหลายคนในยุคปัจจุบันได้รับรู้ว่ามีชาวตะวันตก (ในอดีต) กล้ามาวิจารณ์เรื่องระบบทาสของสยาม (ในอดีต) ก็อดที่จะโต้ตอบไม่ได้ว่า “ทาสสยาม” มีความเป็นอยู่ที่ดีกว่า “ทาสตะวันตก”
แต่ข้ออ้างดังกล่าวก็เป็นข้อต่อสู้ที่ผิดกาลเทศะ เนื่องจากช่วงเวลาที่ฝรั่งวิจารณ์นั้น เขาได้เลิกการใช้ “ทาส” ไปแล้ว ประเด็นการถกเถียงในบริบทดังกล่าวจึงไม่ได้อยู่ที่ว่า ใครเลี้ยงดูทาสดีกว่ากัน แต่อยู่ที่ว่า เหตุใดสยาม (ในขณะนั้น) จึงยังคงระบบทาสเอาไว้ ซึ่งหากระบบทาสของสยามดีจริง ก็คงไม่มีประโยชน์อันใดที่สยามจะต้องเลิกทาส ตามคำวิจารณ์ของฝรั่งเขา
อ่านเพิ่มเติม :
- ทำไมสามีชาวยุโรปนิยม “ขายภรรยา” แทน “การหย่าร้าง” ในอดีต
- อ็องรี มูโอต์ นักสำรวจชาวฝรั่งเศสบันทึกประสบการณ์กิน “ทุเรียน” เมืองจันท์
เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 21 มีนาคม 2563