ผู้เขียน | กัญญารัตน์ อรน้อม |
---|---|
เผยแพร่ |
สุสานหิ่งห้อย เป็นภาพยนตร์การ์ตูนแอนิเมชันสุดคลาสสิกของประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเผยให้เห็นถึงโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นจาก สงครามโลกครั้งที่ 2 ออกฉายใน พ.ศ. 2531 โดยเนื้อเรื่องดัดแปลงจากเรื่องจริงของนักเขียนที่ชื่อว่า อะคิยูกิ โนซากะ ที่ได้สูญเสียคนในครอบครัวในสงครามโลกครั้งที่ 2 ช่วง พ.ศ. 2488 และน้องสาวเสียชีวิตจากโรคขาดสารอาหาร จุดประกายให้เขาเขียนเรื่องนี้ขึ้นมาเพื่อเล่าความโหดร้ายของสงครามโลกครั้งที่ 2
เรื่องจริงของสุสานหิ่งห้อย
อะคิยูกิ โนซากะ (野坂 昭如, Nosaka Akiyuki) เกิดเมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2473 ที่เมืองคามะคุระ จังหวัดคานะงะวะ ประเทศญี่ปุ่น เขามีผลงานที่โดดเด่นคือ นิวยายเรื่อง สุสานหิ่งห้อย ที่ถูกนำมาทำเป็นหนังแอนิเมชัน โดยสตูดิโอจิบลิ กำกับโดยผู้กำกับ อิซาโอะ ทะคะฮาตะ หนังสือเรื่องนี้ถูกแปลออกไปหลายภาษาทำให้โด่งดังไปทั่วโลก เขาเสียชีวิตในวัย 85 ปี เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2558
ภาพถ่าย “อะคิยูกิ โนซากะ แบกร่างน้องสาวที่ไร้วิญญาณ” โดยช่างภาพชาวอเมริกันที่ชื่อ Joe O’Donnell เป็นภาพที่สะเทือนใจยิ่ง โดย Joe O’Donnell ได้ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับรูปนี้ว่า
“ผมเห็นเด็กชายอายุประมาณสิบขวบเดินผ่านมา เขาแบกทารกไว้บนหลัง ซึ่งในญี่ปุ่นสมัยนั้น เรามักจะเห็นเด็กๆ เล่นโดยมีน้องชายหรือน้องสาวเล็กๆ อยู่บนหลัง แต่เด็กชายคนนี้แตกต่างออกไปอย่างเห็นได้ชัด ผมเห็นว่าเขามาที่นี่ด้วยสายตาแข็งแกร่ง ไม่สวมรองเท้า ศีรษะเล็กๆ ของน้องสาวของเขา ถูกเอนไปด้านหลังราวกับว่าหลับสนิท เขายืนอยู่ตรงนั้นประมาณห้าหรือสิบนาที จากนั้นมีชายสวมหน้ากากสีขาวเดินเข้ามาหาเขาและเริ่มถอดเชือกที่รัดน้องสาวของเขาออกอย่างเงียบๆ นั้นทำให้ผมรู้เลยว่าน้องสาวของเขาได้เสียชีวิตแล้ว
ชายดังกล่าวได้อุ้มศพน้องสาว จัดวางมือและเท้าไว้บนกองไฟ เด็กชายยืนอยู่กับที่ประมาณ 5-10 นาที มองดูเปลวเพลิง เขากัดริมฝีปากล่างอย่างแรงจนเลือดไหลทำให้รู้เลยว่าเขาได้อดกลั้นเพื่อไม่ให้น้ำตาไหลออกมา เปลวเพลิงลุกโพลงเหมือนพระอาทิตย์กำลังจะตกดิน ไม่นานเขาหันหลังกลับและเดินจากไปอย่างเงียบๆ”
ภาพยนตร์สุสานหิ่งห้อย
เนื้อเรื่องของ สุสานหิ่งห้อย กล่าวถึงช่วงยุค สงครามโลกครั้งที่ 2 เมืองโกเบ ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งในเรื่องเล่าถึงสองพี่น้อง โดยมีพี่ชายชื่อว่า เซตะ อายุ 14 ปี และ เซซึโกะ ผู้เป็นน้องสาวอายุ 4 ขวบ ทั้งสองกำลังขนเสบียงลงหลุมเพื่อรอจนกว่าสงครามสงบ
เซตะบอกให้แม่ของเขาไปที่หลุมหลบภัยก่อน เพราะแม่ของเขาเป็นโรคหัวใจ แต่ขณะนั้นเครื่องบินของทหารอเมริกาทิ้งระเบิดลงมา ทำให้เซตะและเซซึโกะพลัดหลงกับแม่ เซตะต้องพาน้องสาวไปหลบภัยอยู่หลังเนินถนนสูงเป็นกำแพงหินริมทะเล ภายหลังพวกเขาพบว่าบ้านของพวกเขาถูกไฟไหม้หมดทั้งหลัง และรอบๆ บริเวณนั้นถูกทำลายทั้งหมดเมื่อมีการทิ้งระเบิดครั้งที่รุนแรงกว่าที่ผ่านมา ทำให้แม่ของเซตะเสียชีวิตจากสงครามนี้
จากนั้นทั้งสองได้ถูกรับไปเลี้ยงโดยป้าของพวกเขา แต่ก็ไม่สามารถทนอยู่กับนิสัยของป้าได้ เพราะโดนเอารัดเอาเปรียบ อีกทั้งพวกเขาก็ไม่ได้ทำงานเพื่อหาเลี้ยงตัวเอง พวกเขาจึงตัดสินใจย้ายไปอยู่ที่เหมืองแร่เก่าๆ
เมื่อเวลาผ่านไปอาหารที่ประทังชีวิตก็เริ่มหมดลงเรื่อยๆ เซซึโกะเกิดภาวะขาดสารอาหารอย่างหนักจนเสียชีวิตลงในเวลาต่อมา เมื่อเซตะทราบว่าน้องสาวเสียชีวิตก็ตรงดิ่งไปหาน้องสาว จากนั้นก็กอดและอุ้มร่างไร้วิญญาณของเซซึโกะเพื่อนำไปเผาบนกองไฟ ท้ายที่สุดก็เสียชีวิตตามน้องสาวไปในเวลาต่อมา ด้วยภาวะขาดสารอาหารเช่นเดียวกันกับน้องสาว
อะคิยูกิ โนซากะ ได้เขียนเปรียบเทียบชีวิตของเด็กๆ ในช่วงสงครามกับหิ่งห้อย เพราะหิ่งห้อยเป็นสัตว์ที่ตายง่าย เมื่อไรที่หิ่งห้อยตาย แสงสว่างก็ได้ดับลง เสมือนความหวังของเด็กๆ ได้ดับลงไปเช่นกัน
ภาพยนตร์เรื่องนี้นับเป็นตำนานอีกเรื่องของโลกที่เล่าเหตุการณ์ความโหดร้ายและการสูญเสียที่เกิดขึ้นในช่วงสงคราม ทำให้ผู้ที่รับชมได้ก่อเกิดคำถามขึ้นมากมายว่า สงครามสร้างประโยชน์อะไรบ้าง นอกจากเกิดความสูญเสียแก่ผู้บริสุทธิ์ที่เป็นแม้กระทั่งเด็ก ผู้ป่วย และผู้สูงอายุ ที่ไม่มีแม้แต่แรงสู้และโอกาสหนีจากสงคราม
อ่านเพิ่มเติม :
- “Perfect Blue” ภาพสะท้อนต่อสตอล์กเกอร์ และการพังทลายของความคาดหวัง
- ผ่าโลกอนิเมะญี่ปุ่น จากเครื่องมือรัฐยุคสงคราม ถึงยุคทอง และการต่อสู้เพื่อพื้นที่ยืน
สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่
เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 17 มกราคม 2566