อียิปต์โบราณ ใช้ปัสสาวะรดเมล็ดข้าว การทดสอบตั้งครรภ์เก่าแก่ที่สุดในโลก

ภาพสลัก ข้าวบาร์เลย์ อียิปต์
ภาพสลักข้าวบาร์เลย์ อายุราว 1,300 ปี ก่อนคริสต์ศักราช ตรงกับสมัยราชวงศ์ที่ 18 ของอียิปต์ (ภาพจาก The Metropolitan Museum of Art)

หากผู้หญิงมีอาการประจำเดือนขาด, คัดเต้านม, คลื่นไส้, อาเจียน, ฯลฯ นี่อาจเป็นสัญญาณที่บ่งชี้ว่าเธอกำลังตั้งครรภ์ ทว่า มนุษย์ไม่เพียงสังเกตจากสัญญาณเหล่านี้ แต่ได้คิดค้นวิธีทดสอบการตั้งครรภ์ขึ้น เมื่อราว 3,000 ปีที่แล้ว โดยชาวอียิปต์โบราณ ซึ่งคาดว่าเป็น การทดสอบการตั้งครรภ์ ที่เก่าแก่ที่สุดในโลกที่มีบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษร

การทดสอบการตั้งครรภ์ พบในเอกสารอียิปต์โบราณที่ทำจากต้นปาปิรุส ที่มีอายุราว 1,400 ปีก่อนคริสต์ศักราช ระบุให้ใช้ปัสสาวะรดเมล็ดข้าวสาลีและข้าวบาร์เลย์เป็นเวลาหลายวัน หากข้าวบาร์เลย์งอกก่อน แสดงว่าเป็นเด็กในครรภ์เป็นผู้ชาย หากข้าวสาลีงอกก่อน แสดงว่าเป็นเด็กในครรภ์เป็นผู้หญิง หากเมล็ดข้าวทั้งสองชนิดไม่งอก แสดงว่าไม่ได้ตั้งครรภ์

เรื่องนี้มีความเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน? ในปี 1963 นักวิทยาศาสตร์ศึกษาทดลองวิธีทดสอบการตั้งครรภ์ของชาวอียิปต์โบราณ พบว่าการใช้ปัสสาวะรดเมล็ดข้าวนี้มีความแม่นยำกว่า 70% แต่การทดสอบไม่สามารถทำนายเพศของเด็กได้อย่างแม่นยำ ทั้งนี้ ปัสสาวะของหญิงตั้งครรภ์มีส่วนช่วยส่งเสริมการเจริญเติบโตของเมล็ดข้าว ในขณะที่ปัสสาวะของหญิงที่ไม่ได้ตั้งครรภ์ และปัสสาวะของผู้ชาย ไม่อาจทำให้เมล็ดข้าวเติบโต

นักวิชาการระบุว่านี่อาจเป็นการทดสอบครั้งแรกเพื่อตรวจหาสารพิเศษในปัสสาวะของหญิงตั้งครรภ์ และคาดว่าระดับฮอร์โมนเอสโตรเจน (estrogen) ในปัสสาวะของหญิงตั้งครรภ์ที่สูงมากอาจส่งเสริมการเจริญเติบโตของเมล็ดข้าว

ทั้งนี้ การทดสอบการตั้งครรภ์สมัยใหม่มีขึ้นเมื่อปลายทศวรรษที่ 1920 โดยใช้ปัสสาวะของหญิงมีครรภ์ฉีดเข้าไปในสัตว์ทดลอง (เช่น หนู กระต่าย กบ) และสังเกตว่าปัสสาวะของหญิงมีครรภ์ทำให้พวกมันตกไข่หรือไม่ และนับตั้งแต่มีการคิดค้นการทดสอบวิธีนี้ การทดสอบการตั้งครรภ์สมัยใหม่ทั้งหมดจึงมุ่งเน้นไปที่การตรวจหาฮอร์โมนที่เรียกว่า “hCG”

โดยเมื่อไข่ของผู้หญิงได้รับการปฏิสนธิโดยสเปิร์มของผู้ชาย ไข่ที่ปฏิสนธินี้จะเริ่มเติบโตเป็นตัวอ่อนและปล่อยฮอร์โมน hCG (human chorionic gonadotropin) ฮอร์โมนนี้มีหน้าที่คือ การส่งสัญญาณบอกให้มดลูกหยุดรอบเดือนปกติของผู้หญิง และเตรียมพร้อมสำหรับการตั้งครรภ์ หลังจาก hCG ส่งสัญญาณเสร็จแล้ว ก็จะถูกขับออกทางปัสสาวะ ปัสสาวะของหญิงมีครรภ์จึงมีส่วนผสมของ hCG ซึ่งถูกนำมาใช้เป็นตัวทดสอบการตั้งครรภ์

ทุกวันนี้ ผู้หญิงสามารถรู้ได้ว่าตนเองตั้งครรภ์หรือไม่ราว 10 วันหลังการปฏิสนธิ หรือสองสามวันก่อนประจำเดือนขาด โดยใช้การทดสอบที่หาซื้อได้ในร้านขายยาทั่วไป แต่ในช่วงทศวรรษที่ 1930 ผู้หญิงต้องรออย่างน้อยหนึ่งเดือนหลังจากการปฏิสนธิ ไปพบแพทย์ ส่งปัสสาวะไปตรวจที่ห้องแล็บ จากนั้นรออย่างน้อยอีก 1 สัปดาห์เพื่อทราบผลการทดสอบ

ปัจจุบัน การทดสอบการตั้งครรภ์ที่ง่ายและสะดวกที่สุดก็ยังใช้ “ปัสสาวะ” สะท้อนให้เห็นว่าชาวอียิปต์โบราณรู้จักเรียนรู้ธรรมชาติของมนุษย์ จนคิดค้นการทดสอบการตั้งครรภ์ที่เป็นภูมิปัญญาเก่าแก่กว่า ที่ทิ้งร่องรอยไว้หลายพันปีต่อมา

อ่านเพิ่มเติม :

สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่


อ้างอิง :

Kelsey Tyssowski. Pee is for Pregnant: The history and science of urine-based pregnancy tests. Access 16 January 2023, from https://sitn.hms.harvard.edu/flash/2018/pee-pregnant-history-science-urine-based-pregnancy-tests/

Jason Daley. Egyptian Papyrus Reveals This Old Wives’ Tale Is Very Old Indeed. Access 16 January 2023, from https://www.smithsonianmag.com/smart-news/egyptian-papyrus-reveals-old-wives-tale-very-very-old-indeed-180970066/

National institute of Health. The History of the Pregnancy Test. Access 16 January 2023, from https://history.nih.gov/display/history/Pregnancy+Test+Timeline

Jesslyn Shields. Ancient Egyptian Pregnancy Test Survived Millennia Because It Worked. Access 16 January 2023, from https://science.howstuffworks.com/life/biology-fields/ancient-egyptian-pregnancy-test-survived-millenia-because-it-worked.htm


เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 17 มกราคม 2566