“เจียร์ พระตะบอง” สิ้นชีพจากการต่อสู้บนสังเวียน มูลเหตุเลิกชกมวยคาดเชือก

ภาพประกอบเนื้อหา - นายแพ เลี้ยงประเสริฐ (ซ้าย) กับ นายสมถวิล โชคอำนวย (ขวา) มวยจากสุราษฎร์ธานี (ภาพจาก ศิลปวัฒนธรรม ฉบับมีนาคม 2564)

มูลเหตุของการยกเลิกชกมวยคาดเชือกมาจากการต่อสู้ระหว่าง นายแพ เลี้ยงประเสริฐ กับนายเจียร์ พระตะบอง หรือที่เรียกกันว่า เจียร์ แขกเขมร

“พันเมือง” เขียนไว้ใน “เล่าเรื่องพี่น้องสกุลเลี้ยงประเสริฐฯ” ว่า

“แพ เลี้ยงประเสริฐ เปนคนที่มีร่างกายสูงใหญ่กำยำกว่าพี่น้องทุกคนในสกุลเดียวกับเขา ฉะนั้นแพจึงได้คู่ชกบ่อยที่สุดกับนักมวยฝีมือดีในรุ่นหนักด้วยกัน แต่แพพ่ายแพ้ยาก มีแต่คว้าชัยชนะมาไว้เกือบทุกครั้ง…ชื่อเสียงของแพ เลี้ยงประเสริฐ จึงเลื่องลือไปไกลถึงเมืองพระตะบอง ประเทศเขมร เจียร์ แขกขะแม ครูมวยเขมรครัว อยากจะลองดีแพ เลี้ยงประเสริฐ จึงด้นดั้นเดินทางมาจากเมืองเขมร ขอเปรียบคู่ชกกับแพแบบท้าทายกันทีเดียว…

คุณพระชลัมจึงเปิดโอกาสจัดมวยคู่นี้ให้พบกันในรายการวันเสาร์ที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2471 อย่างกระชั้นชิด โดยจัดให้คุณหลวงพิพัฒพลกายเปนกรรมการห้ามมวยบนเวที และการชกได้ดำเนินมาโดยนักมวยเขมรชกมีชั้นเชิงสูงกว่าในยกต้น ๆ ยกสามแพป้อนหมัดเข้ากกหูเจียร์เขมรครัว แล้วเตะตามด้วยอาวุธเท้างาม ๆ หลายครั้ง เจียร์จึงกลับเปนรองเรื่อยมา

ในยกสี่ แพประจงหมัดใส่ถูกที่ซอกคอ นักมวยเขมรเซซุนไม่เปนขบวน ตามเตะเข้าอีกสองสามครั้งที่บริเวณเหนือท้องน้อย เจียร์ถูกเตะหนักทนไม่ไหว ล้มลงนับสิบให้พี่เลี้ยงนำลงเปลหามกันลงไป แต่เจียร์บอบช้ำนัก และอาการกลับทรุดลงมาก จึงต้องนำตัวส่งโรงพยาบาลในคืนวันนั้น พอรุ่งขึ้นเช้าก็ได้ข่าวแพร่สบัดไปทั่วกรุงว่า เจียร์ตายเสียแล้ว เพราะถูกเตะจนกระเพาะปัสสาวะแตก”

อย่างไรก็ตาม เรื่องนายเจียร์ตายเพราะถูกเตะจนกระเพาะปัสสาวะแตกนั้น ไม่ตรงกับคำให้การของนายแพ โดยเมื่อครั้งที่ พ.ต.ท. สมพงษ์ แจ้งเร็ว ขึ้นไปครอบครูและหัดมวยกับนายแพ และนายโพล้ง เลี้ยงประเสริฐ ผู้เป็นพี่ชายนั้น ทั้งสองร่วมกันเล่าให้ฟังถึงเรื่องราวของเหตุการณ์ในครั้งนั้นว่า

นายแพเป็นรองตั้งแต่รูปร่าง นายเจียร์นั้นใหญ่กว่านายแพมาก ชนิดนิ้วโป้งกับนิ้วก้อย บนเวทีคราวหนึ่งนายเจียร์รุกเป็นการใหญ่ จนนายแพไปติดเชือกกั้นเวทีตรงมุม นายโพล้งเห็นได้จังหวะจึงตะโกนบอกนายแพว่า “หนุมานถวายแหวน” อันเป็นไม้ตายของสำนัก พอนายเจียร์โถมเข้ามา นายแพก็ถีบเข้าที่ท้องน้อยจนนายเจียร์ตัวงอมาข้างหน้า นายแพจึงใช้หมัดคู่เสยเข้าซอกคอ (ที่เรียกว่า “หนุมานถวายแหวน”) ทำให้นายเจียร์ชะงัก จากนั้นนายแพก็ใช้มือซ้ายเหนี่ยวคอนายเจียร์เข้ามาพร้อมกับชกด้วยหมัดขวาอัดเข้าที่อกอีกหลายหมัด จนนายเจียร์ทรุดลง

ดังนั้น นายเจียร์ไม่ได้ถูกเตะจนพ่ายชกถึงตาย แต่ถูกหมัดคู่ “หนุมานถวายแหวน” จน “Knock out” หมดสติหน้าคว่ำลงกับพื้นเวที ผู้ตัดสินนับถึง 10 และชูมือนายแพให้เป็นผู้ชนะ

เมื่อปรากฏว่านายเจียร์ตาย วันรุ่งขึ้นตำรวจก็มาจับนายแพเข้าห้องขัง ฝ่ายตำรวจนครบาลพยายามดำเนินคดีนายแพให้ถึงที่สุด ทำรายงานผลการสอบสวนเตรียมยื่นฟ้องต่อศาล แต่สมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระนครสวรรค์วรพินิต เสนาบดีกระทรวงมหาดไทย ได้ตรวจรายงานนั้นและรับสั่งระงับคดีไว้ เพราะการกระทำของนายแพไม่ส่อถึงการเจตนา และได้กระทำไปตามวิถีทางของการต่อสู้

ต่อมา นายแพถูกปล่อยตัวให้เป็นอิสระพ้นจากข้อหาฆ่าคนตาย และนายแพได้รับรางวัลการชกเพียงหนึ่งร้อยบาทเท่านั้น เหตุการณ์นี้นับเป็นเรื่องเกรียวกราวที่สุดในประวัติศาสตร์การชกมวยของยุค

จากการที่นายแพชกนายเจียร์จนตายนี้เอง กระทรวงมหาดไทยเห็นว่า การชกแบบคาดเชือกเป็นการโหดร้ายรุงแรงมากเกินไป จึงออกประกาศห้ามไม่ให้มีการชกแบบคาดเชือกอีกต่อไป และให้มาสวมนวมแบบมวยฝรั่งแทน

อาจถือได้ว่า วันที่ 24 พฤศจิกายน 2471 เป็นวันสุดท้ายของการชกมวยคาดเชือก

อ่านเพิ่มเติม :

สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่


อ้างอิง :

สมพงษ์ แจ้งเร็ว. “นักมวยเก่าเล่าขานตำนานมวย คณะเลี้ยงประเสริฐ บ้านท่าเสา,” ใน ศิลปวัฒนธรรม. ฉบับมีนาคม 2564, น. 124-127


เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 19 ตุลาคม 2565