พระสันตะปาปาเออร์บานที่ 2 : รบเพื่อศาสนาในดินแดนศักสิทธิ์จะได้รับการไถ่บาป

ยุทธการมองต์กิซาร์ด (Battle of Montgisard) ระหว่างกษัตริย์บอลด์วินที่ 4 และสุลต่าลซอลาฮุดดีน หนึ่งในเหตุการณ์ครั้งสำคัญของสงครามครูเสด, วาดโดย Charles-Philippe Larivière

สงครามครูเสด (Crusades War) สงครามศาสนาหรือสงครามศักดิ์สิทธิ์เพื่อชิงนครยูรูซาเลมระหว่างชาวคริสต์จากยุโรปและชาวมุสลิม เริ่มขึ้นเมื่อพระสันตะปาปาเออร์บานที่ 2 (Urban II) เป็นผู้ประกาศระดมพลในการประชุมที่เมืองเคลมองต์ (Clemont) เมืองทางตะวันตกเฉียงใต้ของฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน ค.ศ. 1095 งานประชุมนี้เต็มไปด้วยเหล่าพระคาร์ดินัล อาร์ชบิชอป บิชอป นักบวชคาทอลิก อัศวินจากทั่วฝรั่งเศส อิตาลี เยอรมัน และชาวบ้านที่มารวมตัวกันเป็นมวลชนจำนวนมหาศาล

ที่เคลมองต์พระสันตะปาปามีรับสั่งถึงการคุกคามดินแดนของชาวคริสต์ทางตะวันออกจากพวกมุสลิม กล่าวถึงความประสงค์ของจักรพรรดิอเล็กซิอุส (Alexius) แห่งจักรวรรดิไบเซนไทน์ที่ต้องการความช่วยเหลือจากพระองค์ให้รวบรวมกองทัพชาติคาทอลิกทั้งปวงมาช่วยกอบกู้ดินแดนที่สูญเสียให้แก่อนารยชนนอกศาสนาหรือพวกมุสลิม

พระสันตะปาปาเองทรงมองเห็นประโยชน์ที่พระองค์และคริสจักรคาทอลิกแห่งกรุงโรมจะได้จากการประกาศสงครามศักดิ์สิทธิ์นี้ ประการแรก ศาสนจักรคาทอลิกกับศาสนจักรออโธดอกซ์แห่งกรุงคอนสแตนติโนเปิล เมืองหลวงของจักรวรรดิไบเซนไทน์ไม่ได้ขึ้นตรงต่อกัน เป็นคริสต์ต่างนิกายที่ต่างมีอำนาจเหนือดินแดนและผู้คนแยกส่วนกันชัดเจน คือศาสนจักรคอทอลิกแห่งกรุงโรมมีอิทธิพลต่อดินแดนยุโรปตะวันตก ส่วนศาสนจักรออโธดออกซ์แห่งกรุงคอนสแตนติโนเปิลมีอิทธิพลต่อดินแดนของจักรวรรดิไบเซนไทน์และพื้นที่ยุโรปตะวันออก ดังนั้น การให้ความช่วยเหลือจักรวรรดิไบเซนไทน์จะถือเป็นการแผ่ขยายอำนาจของพระสันตะปาปาไปยังนิกายตะวันออกไปในตัวด้วย

ประการที่สอง ณ ห้วงเวลานั้นพระราชอำนาจของพระสันตะปาปากำลังถูกท้าทายจากจักรพรรดิของจักรวรรดิโรมันแห่งเยอรมัน (จักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์) จากกรณีที่จักรพรรดิไฮน์ริชที่ 4 (Henry IV) ได้เข้ามาควบคุมกรุงโรมและตั้งพระสันตะปาปาหุ่นเชิด (Antipope) คือ พระสันตะปาปาคลีเมนต์ที่ 3 (Clement III) ตั้งแต่ ค.ศ. 1080 เพื่อประโยชน์ในการควบคุมคริสตจักรแห่งกรุงโรม เป็นเหตุให้พระสันตะปาปาเออร์บานที่ 2 ต้องเสด็จลี้ภัยจากอิตาลีไปยังฝรั่งเศสก่อนการมาเยือนของทูตจากจักรวรรดิไบเซนไทน์ที่จะมาขอความช่วยเหลือ

คณะทูตแห่งจักรวรรดิไบเซนไทน์ตั้งหมุดหมายการขอความช่วยเหลือมายังพระสันตะปาปาเออร์บานที่ 2 ซึ่งขณะนั้นไม่ได้ประทับอยู่ที่กรุงโรม แต่แปรพระราชฐานอยู่ในดินแดนฝรั่งเศส การการตัดสินใจของจักรพรรดิอเล็กซิอุสซึ่งเลือกที่จะเมินจักรพรรดิเยอรมันและพระสันตะปาปาคลีเมนต์ที่ 3 ที่กรุงโรม จึงเป็นการยืนยันสถานะว่าพระสันตะปาปาเออร์บานที่ 2 คือ “ของจริง” ซึ่งสร้างความพอพระทัยแก่พระองค์อยู่ไม่น้อย

พระสันตะปาปาเออร์บานที่ 2 (ตรงกลาง) (ภาพจาก Wikimedia Commons)

ด้วยเหตุนี้ การประชุมที่เคลมองต์จึงถูกจัดขึ้นอย่างเปิดเผยให้เป็นที่รับรู้อย่างกว้างขวางที่สุด แม้การประชุมนี้จะไม่มีกษัตริย์หรือจักรพรรดิคาทอลิกมาร่วมก็ตาม พระสันตะปาปาทรงเน้นย้ำเรื่องการช่วยเหลือจักรพรรดิอเล็กซิอุสแห่งจักรวรรดิไบเซนไทน์กอบกู้ดินแดน และยังเผยพระประสงค์ที่จะกอบกู้นครเยรูซาเลมจากการปกครองของพวกมุสลิมด้วย อนึ่ง ดินแดนที่จักรวรรดิไบเซนไทน์ต้องการทวงคืนนั้นอยู่บริเวณคาบสมุทรอนาโตเลียหรือเอเชียไมเนอร์ ไม่ใช่ภูมิภาคเลอวองค์อันเป็นที่ตั้งของนครเยรูซาเลมแต่อย่างใด การประชุมที่เคลมองต์จึงเผยเจตนารมณ์ 2 ประการที่ควบคู่กันอยู่

พระสันตะปาปายังอ้างถึงปัญหาการปิดกั้นเส้นทางแสวงบุญ การเอารัดเอาเปรียบ ข่มเหง และสังหารชาวคริสต์ของพวกมุสลิมจนทำให้ผู้ชุมนมแห่งเคลมองต์สะเทือนใจอย่างยิ่ง ทั้งนี้ คำกล่าวอ้างนี้ยังเป็นที่ถกเถียงว่าค่อนข้างเกินจริง เพราะการปกครองดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของชาวมุสลิมอาหรับนั่นเป็นที่ทราบกันว่าค่อนข้างเปิดกว้างและให้เสรีภาพแก่ชนต่างศาสนามากพอสมควร

กระทั่งกลางคริสต์ศตวรรษที่ 11 การเข้ามาของพวกมุสลิมเผ่า “เซลจุค” (Seljuks) ซึ่งเป็นพวกเติร์กกลุ่มหนึ่งจากเอเชียกลาง เซลจุคเติร์กที่มีอำนาจเหนือดินแดนศักดิ์สิทธิ์นโยบายปิดกั้นการแสวงบุญและคุกคามชนต่างศาสนา ชื่อเสียงด้านความโหดเหี้ยมของชาวมุสลิมจึงค่อย ๆ ถูกพูดถึงอย่างกว้างขวางตั้งแต่นั้น

ทันทีที่เรื่องราวความป่าเถื่อนที่อนารยชนต่างศาสนากระทำต่อชาวคริสต์ถูกป่าวประกาศโดยพระสันตะปาปา เสียงร่ำไห้และการก่นด่าสาปแช่งดังระงมทั่วลานชุมนุมนั้น พระองค์ถือโอกาสสร้างความฮึกเฮิมโดยประกาศว่า ผู้ใดก็ตามที่เข้าร่วมสงครามกอบกู้จักรวรรดิไบเซนไทน์และทวงคืนดินแดนศักดิ์สิทธิ์ นับเป็นผู้ฟื้นฟูพระสันติสุขแห่งพระเจ้า (Peace of God) และจะได้รับการละเว้นความผิดทั้งปวงจากโลกและสรวงสวรรค์ หรือ “The remission of all penance for sins” แปลว่า “การอภัยโทษจากบาปทั้งปวง” หรือแปลให้ชัดว่า พ้นจากความผิดบาปทางศาสนาและความผิดทางกฎหมาย

ระหว่างนั้นเอง มีเสียงปริศนาท่ามกลางกลุ่มผู้ชุมนุมตะโกนเป็นภาษาละตินว่า “Deus Vult !” หรือ God Will it ที่แปลว่า “พระเจ้าปรารถนา” จากนั้นผู้ชุมนุมทั้งหมดต่างพร้อมใจกันตะโกนคำนี้ซ้ำ ๆ จนดังกึกก้องไปทั่ว เจตนารมณ์ขององค์พระสันตะปาปาในการทำสงครามศาสนาเพื่อขับไล่พวกมุสลิมไปจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์จึง “จุดติด” ทันที

พระสันตะปาปา, นักบวช, อัศวิน และมวลชนในการชุมนุมที่เคลมองต์ (ภาพจาก Wikimedia Commons)

พระสันตะปาปาทรงมีบัญชาไปยังเหล่าขุนนางและนักบวชที่อยู่ในงานประชุมให้กลับไปแจ้งผู้คนในดินแดนของตนว่าถึงการอภัยโทษจากบาปทั้งปวงในการร่วมสงครามศักดิ์สิทธิ์ คำกล่าวนี้เป็นดังประกาศิตที่กระจายไปทั่วยุโรป ชักนำประชาชนทุกชนชั้นตั้งแต่ขอทาน ผู้ยากไร้ ชาวนา พ่อค้า ขุนนาง อัศวิน และลอร์ดทั้งหลายให้พร้อมใจกันติดสัญลักษณ์ไม้กางเขนแห่งพระคริสต์เพื่อไปทำสงครามศักดิ์สิทธิ์กับพวกนอกศาสนา ทั้งยังมีเหล่าโจรหรือ อาชญกรหลบหนีคดีที่ตอบรับคำเชื้อเชิญของพระสันตะปาปาเพื่อปลดปล่อยตัวเองให้เป็นไทจากความผิดเก่าของตน

สงครามครูเสดครั้งที่ 1 จึงมีทั้งกองทัพอัศวิน ขุนนาง และเจ้าผู้ครองดินแดน กับกองทัพประชาชน (และอดีตโจร) โดยแบ่งเป็น 2 กลุ่ม เคลื่อนทัพจากยุโรปตะวันตกไปยังจักรวรรดิไบเซนไทน์ มีบันทึกว่ากองกำลังทั้ง 2 กลุ่มนี้มีจำนวนผู้เข้าร่วมเป็นประชาชนและนักรบมากกว่าแสนคนเลยทีเดียว

สงครามครูเสดครั้งที่ 1 จึงเป็นทั้งข้อพิสูจน์อำนาจของศาสนจักรคาทอลิกแห่งกรุงโรมว่ามีอิทธิพลต่อผู้คนในยุโรปอย่างมากมายเพียงใด และการประกาศระดมพลของพระสันตะปาปาเออร์บานที่ 2 ได้เป็นการจุดประกายสงครามศาสนาที่นำความสูญเสีย การทำลายล้าง และความขัดแย้งที่จะดำเนินต่อไปอีกกว่า 200 ปี

สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่


อ้างอิง : 

ภาสพันธ์ ปานสีดา. (2563). ครูเสด มหาสงครามแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์. กรุงเทพฯ : ยิปซี

Alfons Becker, Encyclopedia Britannica : Urban II

Encyclopedia Britannica : Council of Clermont, European history

FORDHAM UNIVERSITY, Medieval Sourcebook: Urban II (1088-1099): Speech at Council of Clermont, 1095, Five versions of the Speech

History Channel : Crusades, The First Crusade (1096-1099)


เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 30 กันยายน 2565