
ผู้เขียน | คนไกล วงนอก |
---|---|
เผยแพร่ |
ย้อนมองไปในประวัติศาสตร์ เมื่อกล่าวถึง “ผู้หญิงขี่ช้างออกศึก” ใครๆ ก็นึกถึง เรื่อง พระสุริโยทัย ที่พระราชพงศาวดารกรุงเก่า ฉบับหลวงประเสริฐอักษรนิติ์ บันทึกไว้ว่า “…สมเด็จพระองค์มหเสี และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอพระราชบุตรีนั้น ได้รบด้วยข้าเศึกเถิ่งสิ้นพระชนม์กับคอช้าง…”
การขี่ช้างออกศึกของผู้หญิงสมัยโบราณในยามศึกนั้น เป็นเรื่องที่พบเห็นได้ในอุษาคเนย์-ดินแดนที่หญิงมีอำนาจบารมีเทียบเคียงผู้ชาย ในดินแดนที่ขาดแคลนไพร่พลแรงงานอย่างยิ่งแ ต่ช้างมีอยู่มากมาย “ผู้หญิงขี่ช้างออกศึก” นอกเหนือจาก พระสุริโยทัย คือใคร
ประสาท พาศิริ ได้อธิบายเรื่องนี้ไว้ในบทความของเขาที่ชื่อว่า “ผู้หญิงขี่ช้างออกศึกไม่ธรรมดาที่ธรรมดา” (ศิลปวัฒนธรรม, พฤศจิกายน 2545) ไว้ดังนี้

ในชีวิตประจำวันผู้หญิงขี่ช้างเพื่อเดินทางบุกป่าฝ่าดงจึงเป็นเรื่องปกติ เพราะช้างเป็นพาหนะที่หาได้ง่ายในสมัยนั้นและขี่ง่ายกว่าขี่ม้ามากนัก
ขอยกเอาตอนหนึ่งของเรื่องท้าวฮุ่ง ท้าวเจือง ซึ่งเป็นโคลงดั้นลาว ตอน “ท้าวฮุ่งยกพลไปตีเมืองประกัน” มาใช้อ้างอิงประกอบ
ในตอน “ท้าวฮุ่งยกพลไปตีเมืองประกัน” นี้แล ที่มีผู้หญิงขี่ช้างออกมาทำศึกกับท้าวฮุ่งอย่างไม่กลัวตาย
…………..
เพื่อเป็นการปูพื้นความเข้าใจ ใคร่ขอคัดย่อเรื่องท้าวฮุ่ง ท้าวเจือง ช่วงก่อนเกิดศึกเมืองประกันมาพอสังเขป ดังนี้
ท้าวฮุ่ง หรือท้าวเจือง เป็นลูกของขุนจอมธรรม เจ้าเมืองสวนตาล หรือเมืองนาคอง เมื่อขุนจอมธรรมถึงแก่กรรมลง ผู้เป็นแม่ทัพพร้อมชาวเมืองสวนตาลจึงตั้งท้าวเจืองผู้เป็นพี่ของท้าวฮุ่งให้เป็นเจ้านครแทนพ่อ ส่วนท้าวฮุ่งให้เป็นอุปราช
วันหนึ่งท้าวฮุ่งขี่ช้างเดินทางไปยังที่ห่างไกล ได้เห็น นางง้อม ลูกสาวนางเม็ง ซึ่งเป็นเจ้าเมืองเชียงเครือ…ท้าวฮุ่งนึกรักนางง้อมจึงแต่งให้เถ้าแก่ไปขอ แต่ค่าสินสอดแพงมาก อันเป็นอุปสรรคขวางกั้นความรัก ท้าวฮุ่งจึงลักลอบเข้าหานางง้อมจนสมหวังในความรัก
ในเวลาเดียวกันนั้นยังมี ท้าวแองกา เป็นคนเชื้อชาติแกว อยู่เมืองคำวัง ท้าวแองกาเป็นหลานของท้าวกว่า ซึ่งเป็นเจ้าเมืองปะกัน ภายหลังที่พ่อถึงแก่กรรมแล้วท้าวแองกาได้เป็นเจ้าเมืองคำวัง และปรารถนาจะแต่งงานกับสาวงาม ท้าวทราบว่ามีสาวงามนางหนึ่งชื่อว่า นางอั้ว เป็นลูกสาวของขุนซึ่ม เจ้าเมืองเงินยาง จึงได้แต่งทูตไปขอ แต่ขุนซึ่มไม่ตกลง ทั้งยังบอกว่าจะให้นางอั้วแต่งงานกับท้าวฮุ่งผู้เป็นหลาน
ท้าวแองกาทราบข่าวจากทูตของตนแล้วก็รีบไปบอกท้าวกว่าผู้เป็นน้าที่เมืองปะกัน ท้าวกว่าโกรธมาก จึงแต่งให้ทูตกลับไปเจรจาอีก โดยสั่งว่า ถ้าไม่ยอมตกลงก็ให้ป้องกันเมืองไว้ดีๆ ต่อมาทั้งสองก็ยกกำลังมาตีเมืองเงินยางดังที่ลั่นวาจาไว้
กองทัพของท้าวซึ่มต้านทานกำลังของท้าวแองกาไม่ไหว จึงส่งสารไปเชิญท้าวฮุ่งผู้เป็นหลานชายให้นำกำลังมาช่วย ท้าวฮุ่งได้จัดกองทัพจากเมืองสวนตาลไปช่วย
ขณะเดียวกัน นางง้อมชู้ของท้าวฮุ่งอยู่เมืองเชียงเครือ ก็จัดกองทัพอันประกอบด้วยช้าง 20 ตัวไปช่วยเช่นกัน
เมื่อกองทัพของท้าวฮุ่งและกองทัพของนางง้อมไปถึงเมืองเงินยาง ได้บุกโจมตีกำลังของท้าวแองกาที่ล้อมเมืองอยู่ จนทัพฝ่ายหลังแตกกระจัดกระจาย
วันรุ่งขึ้นท้าวฮุ่งนำกำลังออกกวาดล้างศัตรูจนราบคาบ ท้าวกว่าเจ้าเมืองปะกันและแม่ทัพสำคัญๆ ของท้าวแองกาเสียชีวิตในสนามรบ ท้าวแองกาก็ถูกจับได้
………….
เช้าต่อมาท้าวฮุ่งก็ยกพลเข้าตีเชียงบาน เขตแดนของเชียงบานติดต่อกับแดนของศรีทน เขมร และห้อ (ลาวหนองแส) เชียงบานถูกตีแตกในตอนเช้าของวันนั้นเอง มีบางพวกที่หนีไปได้ได้ไปบอกเมียของท้าวกว่าที่เมืองปะกันว่า ท้าวกว่าผู้ผัวตายในการสงครามเสียแล้ว
เมื่อเมียท้าวกว่าทราบว่าผัวตายเสียแล้ว และท้าวฮุ่งกำลังยกพลมาตีเมืองปะกัน นางกว่าก็สั่งเรียกประชุมเพื่อจัดกำลังพลออกต้านทานกองทัพท้าวฮุ่งทันที
………….
ในขณะที่บรรดาเหล่ามุขมนตรี สนมกำนัล และญาติพี่น้อง ต่างพากันทัดทานว่า พวกท้าวฮุ้งนั้นเก่งกล้าเราหรือจะไปเอาชนะเขาได้ แม้แต่ท้าวกือเมือง ท้าวกว่าก็ยังสิ้นพระชนม์ไป…ทุกฝ่ายต่างพากันเหนี่ยวรั้งนางไว้
…………
นางกว่าได้ฟังแล้วแทนที่จะคล้อยตามกลับให้แค้นเคืองกล่าวว่า ผัวตายอยู่กลางทุ่งเชียงล้านทำไมจะมายอมจำนนไหว้วอน ยอมตกเป็นสินส่วยอย่างนั้นหรือ นางไม่เกรงจะต้องชนช้างแต่อย่างใด…
เราเกิดมาหนเดียวจะขอตายตามผัวไป ขอให้อยู่ดีทางนี้เถิดนางจะชนช้างสู้ แล้วนางก็สั่งลาญาติพี่น้อง ลูกหลาน และแม้นว่านางสิ้นชีพกลางสนามรบให้พากันไปเมืองตุมวาง พึ่ง “แมนเมืองล้าน” โน่น ว่าแล้วนางก็ให้เตรียมหมู่ช้างกำลังพลให้พร้อม
เมื่อนั้น นางกว่าให้คล้อยๆ คึดเคียด กำมือ
ผัวตายเต็งไฮ่นา เชียงล้าน
สังมา ยอมมือไห้ขอวาน สินส่วย สันนี้
ยินบ่หย้านชนช้าง ท่อใย
…………
รุ่งเช้านางจัดกระบวนทัพ บอกกับพวกไพร่พลว่า เราจักร่วมแรงร่วมใจกัน แม้นว่าฝูงผีฟ้าจะลงมาพร้อมกับท้าวฮุ่งก็จะใช้หอกทิ่มแทงให้ตาย แม้นว่าแถนลงมาช่วยก็จะไม่กลัวชนช้าง
นางเก็บเครื่องเซ่นไหว้ผัวแล้วก็แต่งองค์ทรงเครื่องก้าวขึ้นช้างที่ชื่อ “สิงห์ทอง” มีทหารเดินนำและตามหลังมากมายอยู่ทุกด้าน
เมื่อนั้น ผลควรแก้วเก็งญา นางกว่า
เมี้ยนเครื่องห้องเมือฟ้า สู่ผัว
สะพาดนิ้วสวยสอด สมมณี
แยงบัวปักปิ่นแหวน ประดับเกล้า
นางก็ ลีลาขึ้นสิงห์ทอง ทวนย่าง
พลมากเค้าหลังหน้า ซู่ภาย
………..
ฝ่ายท้าวฮุ่งนั้นเล่าก็ตั้งทัพรอท่า และเตือนให้ไพร่พลพร้อมระวังอยู่แล้ว
แล้วศึกเมืองปะกันก็เริ่มขึ้น เป็นการสู้รบที่ดุเดือด เมื่อนางกว่าเห็นว่าทหารของนางกำลังเพลี่ยงพล้ำนางก็ไสช้างออกช่วยชน
การสู้รบดำเนินไปอย่างพัลวันประจันหน้า ไพร่พลล้มตายเต็มทุ่ง เลือดนอง
คนตายเพียงคือขอน กลางไฮ่
คึ่งๆ พื้นนากว้าง ทุ่มนอง
เมื่อนางกว่านำช้างออกหน้าไพร่พล เถ้าจ่าซ้อน-แม่ทัพคนหนึ่งของท้าวฮุ่งเห็นได้ที ก็ไสช้างเขาต่อชนช้างสิงห์ทองของนางกว่า เสียงช้างร้องสนั่นไปทั่ว
เมื่อนั้น บุญกันแก้วเก็งญา นางกว่า
ย้ายหมู่ช้างเมือหน้า ข่มพล
เถ้าจ่าซ้อนเห็นง่าย ดูดี
ไสพลายโสมต่อชน ชูเข้า
งาฮีผู้สิงห์ทอง นางกว่า
ช้างเพรียกฮ่องสะเทียนท้น ทั่วนา
…………
การสู้รบดำเนินไปจนกระทั่งนางกว่าได้แทงถูกแขนเถ้าจ่าซ้อน แม่ทัพคนอื่นๆ ของฝ่ายท้าวฮุ่งจึงต้องเข้ามาช่วยรุม เป็นเหตุให้เกิดชุลมุนฝุ่นตลบมืดฟ้ามัวดิน มองไม่เห็นว่าใครเป็นใคร
สว่าๆ เบื้องเจืองฮุง ฮุมเอา
ขุนซาย กวนเก็งญาลวดเลย ตกช้าง
โสมเฉลาเมี่ยนมรณา ละดาบ
ไพร่พ่องง้างดูหน้า บ่ใช่ชาย
เขาจึ่ง เงือดดาบกล้าแยงแม่น ตัดคอ
มันนี้ นางเมืองหมายมุ่งจอม ใจกล้า
ทมๆ ฟ้อนยอหัว เหิมโห่
เวียงแตกพร้อมตะวันซ้าย ชั่วแลง
ด้วยเหตุคับขันพัลวันดังนี้ นางกว่าจึงเสียท่า พลัดตกช้างถึงแก่สิ้นชีวิต พวกไพร่พลของท้าวฮุ่งบางคนพลิกดูหน้าจึงรู้ว่าไม่ใช่ผู้ชาย
อย่างไรก็ตามดูเหมือนจะเป็นธรรมเนียมของการสู้ศึก ผู้แพ้จะถูกตัดศีรษะ ทหารของท้าวยุ่งจึงตัดศีรษะของนางไป
และแล้วเมืองปะกันก็แตกในเย็นวันนั้นนั่นเอง
นี่แหละคือเรื่องราววีรกรรมของนางกว่า ผู้หญิงที่ขี่ช้างออกศึกอีกคนหนึ่งในตำนานของอุษาคเนย์ อันน่าจะเป็นเรื่องไม่ธรรมดาที่ธรรมดา…
อ่านเพิ่มเติม :
เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 13 กันยายน 2565