ตำนาน “เจ้าฟ้าลา” ใครเป่าขลุ่ยหน้าวังโดนเฆี่ยน ใครชักว่าวท่านจะมาเล่นด้วย

ประตูวัง เจ้าฟ้ากรมหลวงจักรเจษฎา หรือ เจ้าฟ้าลา
ประตูวังกรมหลวงจักรเจษฎา ราว พ.ศ. 2550 บริเวณใกล้กับป้อมพระสุเมรุ (ภาพจาก ศิลปวัฒนธรรม, เมษายน 2550)

ตำนาน “เจ้าฟ้าลา” ใครเป่าขลุ่ยหน้าวังโดนเฆี่ยน ใครชักว่าวท่านจะมาเล่นด้วย

ในหนังสือ วังหน้าพระยาเสือ ของผู้เขียน มีรูปประตูวังใหญ่โตของ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงจักรเจษฎา หรือ “เจ้าฟ้าลา” มีคนถามว่า เจ้าพระองค์นี้มีวังใหญ่ (อยู่แถวป้อมพระสุเมรุ-กอง บก.) แต่ทำไมปล่อยให้ร้างโรยรา

เหตุที่เป็นเช่นนั้นเชื่อกันว่า พระภูมิเจ้าที่ประจำวังร้ายแรงมาก จนไม่มีเจ้านายพระองค์อื่นไปประทับ และบรรดาหม่อมเจ้าที่เป็นโอรสธิดาก็ไม่เข้มแข็ง ปล่อยให้วังทรุดโทรมเหลือเพียงประตูวัง ซึ่งต่อมามีผู้สร้างศาลพระภูมิไว้กราบไหว้บูชา

Advertisement

ตามพระประวัติกล่าวว่า เจ้าฟ้ากรมหลวงจักรเจษฎา มีพระนามเดิมว่า “ลา” ทรงเป็นพระโอรสพระองค์น้อยของสมเด็จพระปฐมบรมมหาชนก (ทองดี) ประสูติปีมะโรง พ.ศ. 2303

เมื่อกรุงศรีอยุธยาเสียแก่พม่า ได้ติดตามพระชนกไปกับเจ้าจอมมารดามา ขึ้นไปอยู่เมืองพิษณุโลก ครั้นพระชนกเสด็จสวรรคตได้ปลงพระศพแล้ว เชิญพระอัฐิมาถวายพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกฯ มีความดีความชอบได้รับสถาปนาเป็นเจ้าฟ้ากรมหลวงจักรเจษฎา สิ้นพระชนม์ในรัชกาลที่ 1 เมื่อเดือน 7 ปีเถาะ พ.ศ. 2350 เป็นต้นสกุลเจษฎางกูร

มีเรื่องเล่าถึงพระประวัติครั้งทรงพระเยาว์ อยู่ในชุดหนังสือ อภินิหารบรรพบุรุษ ฉบับพิมพ์ดีด ไม่เคยพิมพ์เผยแพร่มาก่อน

ตามเรื่องว่า ครั้งทรงพระเยาว์นั้นดุร้ายเก่งกาจคะนองยิ่งนัก ชอบพระทัยเล่นทอยกองขว้างหลุมแลว่าวต่างๆ ถ้าได้เล่นสิ่งใดๆ แล้วก็เพลิดเพลินจนลืมเวลาเสวย คุณมา ซึ่งเป็นมารดา หรือผู้หนึ่งผู้ใดจะเชิญเสด็จในเวลาเล่นอยู่ ต้องพูดล่อว่า “จะให้เป็นเจ้า” จึงรีบเสด็จมาโดยเร็ว โดยพระทัยผูกพันอยากเป็นเจ้าเป็นที่ยิ่ง

วันหนึ่งคุณมาร้องเรียกเด็กที่เล่นอยู่ด้วยกรมหลวงจักรเจษฎาเพื่อลองพระทัยดู ได้หยิบเบี้ยใส่โถลงไว้ 10 เบี้ย (250 เบี้ยต่อเฟื้อง) แล้วจึงว่าแก่เด็กที่เล่นอยู่นั้นให้ไปซื้อน้ำปลา “ใครรีบมาก่อนจะให้เป็นเจ้า”

กรมหลวงจักรเจษฎาก็รีบมาโดยเร็ว ฉวยได้โถออกไปหน้าบ้าน ด้วยร้านชำตั้งอยู่ที่หน้าบ้านนั้น (ใกล้กับป้อมเพชร) ผู้ที่ขายน้ำปลาเห็นก็นึกแปลกใจว่า วันนี้เหตุใดบุตรท่านพระอักษรสุนทรศาสตร์ จึงออกมาซื้อน้ำปลาด้วยตนเอง

เจ้าของน้ำปลาก็ตักให้มากกว่าที่เคยขายมาแต่ก่อน คุณลาหรือกรมหลวงจักรเจษฎาก็รีบถือโถน้ำปลามาส่งให้คุณมาผู้มารดา

คุณมาเห็นดังนั้นจึงแสร้งพูดว่า ถ้าอยากเป็นเจ้าก็จงซดน้ำปลานี้ให้หมด คุณลาก็ซดจนหมดโถ แสดงว่าอยากเป็นเจ้าจริงๆ

ครั้นต่อมาเมื่อท่านเป็น “เจ้าฟ้าลา” พระทัยก็เหี้ยมหาญดุร้าย แต่ยังไม่สิ้นคะนอง ถ้าผู้ใดเดินลอยชายผ่านหน้าวังไป หรือขึ้นไปเล่นบนกำแพงพระนครด้านคลองรอบกรุงหน้าวังของท่าน หรือผู้ใดไปเป่าขลุ่ย ก็จะให้ข้าในกรมไปจับตัวมาเฆี่ยน 30 ที แต่ถ้ามีใครมาชักว่าวที่หน้าวัง เจ้าฟ้าลาก็จะเสด็จออกมาชักเล่นด้วยไม่กริ้วกราดแต่อย่างใด พลอยเล่นสนุกไปด้วย

ถ้าเข้าวังทรงพระเสลี่ยงผ่านตลาดมา อยากเสวยสิ่งใดก็รับสั่งร้องขอชาวตลาดลงมา ชาวร้านก็ดีใจด้วยอยากได้หน้าได้ตา ต้องประสงค์สิ่งใดก็ถวายขึ้นไปบนพระเสลี่ยง ท่านก็นั่งเสวยมาตามทาง พอพระทัยเสวยกล้วยละว้ามากกว่าสิ่งอื่นๆ เสวยได้จนหมดหวี

ถ้าปวดลงพระบังคนหนักก็รับสั่งร้องบอกคนหามพระเสลี่ยงให้รอไว้ แล้วท่านก็กระโดดลงมานั่งผินพระขนองเข้ากำแพงเมืองหรือกำแพงพระราชวัง ผินพระพักตร์ออกมาทางถนน มหาดเล็กที่เชิญพระกลดก็กั้นถวายจนเสร็จ แล้วเสด็จขึ้นพระเสลี่ยงต่อไป

จบเรื่องครั้งทรงพระเยาว์แต่เพียงนี้

อ่านเพิ่มเติม :

สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่ 


หมายเหตุ : คัดจากบทความ “จิปาถะ (๑) เจ้าฟ้าลา” โดย ส.พลายน้อย เผยแพร่ในนิตยสารศิลปวัฒนธรรม ฉบับเมษายน 2550


เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 22 กุมภาพันธ์ 2565