พเยาว์ พูลธรัตน์ นักชกโอลิมปิกคนแรกของไทย

พเยาว์ พูลธรัตน์ นักมวย เหรียญรางวัล โอลิมปิก
พเยาว์ พูลธรัตน์ นักมวยเหรียญรางวัลโอลิมปิก

พเยาว์ พูลธรัตน์ นักชกโอลิมปิกคนแรกของไทย

พเยาว์ พูลธรัตน์ (พ.ศ. 2499-2549) มีชื่อเรียกเล่นๆ ว่า “จ้อน” เป็นบุตรของนายเยื้อน และนางพิมพ์ พูลธรัตน์ เกิดเมื่อ 15 ตุลาคม 2499 ที่อำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จังหวัดที่เคยมีแชมป์โลกคนแรกขวัญใจชาวไทยมาแล้วคนหนึ่งก็คือ “โผน กิ่งเพชร”

ปี 2517 พเยาว์เดินทางเข้ามาในกรุงเทพฯ เพื่อเรียนต่อ และตั้งใจอย่างแน่วแน่ว่าจะต้องชกมวย เพื่อหาเงินเป็นค่าเล่าเรียนด้วย ญาติจึงนำไปฝากให้หัดมวยกับ ออมทรัพย์ แหลมฟ้าผ่า อดีตแชมป์เปียนมวยสากลแห่งภาคตะวันออกไกล รุ่นไลท์เวท

Advertisement

หลังจากที่ได้ฝึกหัดวิชามวยจนช่ำชองดีแล้ว ครูออมทรัพย์ก็ส่งพเยาว์ขึ้นสู่สังเวียนแบบมวยไทย โดยให้ใช้ชื่อว่า เพชรพเยาว์ ศิษย์ครูทัศน์ ชื่อและสังกัดนี้ ครูออมทรัพย์เป็นผู้ตั้งให้โดยใช้ชื่อของพเยาว์เอง ส่วนชื่อสังกัด เพื่อเป็นความหมายถึงบรมครู มล. สุทัศน์ สุประดิษฐ์ ณ อยุธยา หัวหน้าคณะแหลมฟ้าผ่าในอดีต

พเยาว์ขึ้นสังเวียนครั้งแรกในแบบมวยไทย กับรุ่งสมุทร ลูกสิทธิชัย ก็สามารถเอาชนะได้เป็นประเดิมอย่างสวยงาม ในขณะนั้นพเยาว์ได้เข้าเป็นนักเรียนการช่างวัดราชสิทธาราม และได้ขึ้นชกมวยไทยอีกหลายครั้ง ต่อมาพเยาว์ได้เบนเข็มไปชกมวยสมัครเล่น ซึ่งขณะนั้นมีการแข่งขันกันอยู่บ่อยๆ ทั้งแบบนักเรียน และประชาชน เขาจึงกลายเป็นนักชกสมัครเล่นแต่บัดนั้น โดยมีสถิติการชกถึง 31 ครั้ง มีแพ้เพียง 4 ครั้งเท่านั้น

เมื่อปี 2519 หลังจากที่ได้มีการแข่งขันกีฬาชกมวยคิงส์คัพราวเดือนมีนาคมแล้ว ทางสมาคมมวยสมัครเล่นแห่งประเทศไทย ได้คัดเอาผู้ชนะเลิศไว้เป็นทีมชาติ 5 คน คือ สมชาย พุทธาภิบาล, วีระชาติ สเทิงรัมภ์, พินิจ บุญจวง, ณรงค์ พิมพาวรรณ และพเยาว์ พูลธรัตน์ โดยมี พ.อ. สุธี พรหมใจรักษ์ เป็นผู้ควบคุมทีม ออมทรัพย์ แหลมฟ้าผ่า เป็นโค้ชประจำทีมเพื่อส่งไปร่วมการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกที่มอลทรีล ประเทศแคนาดา ราวเดือนกรกฎาคม ปี 2519

หากพเยาว์เป็นเพียงคนเดียวที่เข้าชกถึงรอบรองสุดท้าย โดยครั้งแรกชนะคะแนนนักชกจากรัสเซีย แล้วชนะคะแนนนักชกจากโรมาเนีย และฮังการี จนเข้าถึงรอบสุดท้ายตัดเชือกกับนักชกเกาหลี แพ้แตกในยกที่ 2 บาดแผลต้องเย็บถึง 6 เข็ม พลาดโอกาสเข้าชิงเหรียญทองอย่างน่าเสียดาย แต่ก็ได้รับรางวัลเหรียญทองแดงไป ซึ่งนับเป็นที่ชื่นชมของชาวไทยอย่างยิ่ง เพราะก่อนหน้านี้ประเทศไทยไม่เคยส่งนักกีฬาเข้าร่วมแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเลย และนักชกชุดนี้เป็นชุดแรกที่ส่งไปแข่งขันก็สามารถคว้ารางวัลกลับมาทั้งได้ผลที่เกินความคาดหมาย

การได้รับรางวัลแม้จะเป็นเหรียญทองแดงกีฬาโอลิมปิกปี 2519 นั้นนับได้ว่า พเยาว์เป็นคนแรกแห่งประวัติศาสตร์วงการกีฬาไทยที่ต้องจารึกไว้ในเกียรติประวัติอันสูงของวงการมวยในเมืองไทย

ปี 2521 พเยาว์เดินทางไปชกมวยสมัครเล่นชิงแชมป์โลกที่นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ได้รับรางวัลเหรียญเงินรองชนะเลิศ ปี 2522 เดินทางไปชกมวยสมัครเล่นที่สนามมวยชั่วคราว หอประชุมแห่งชาติกรุงไนโรบี ประเทศเคนยา ได้รับรางวัลชนะเลิศเหรียญทองโดยชนะคะแนน โรเบิร์ต แชนน่อน แห่งสหรัฐอเมริกา

หลังจากที่ผ่านการชกในรูปแบบของมวยสมัครเล่นมาหลายครั้งจนเป็นทีมชาติมีชื่อเสียงโด่งดัง และสมาคมมวยสมัครเล่นๆ ก็เคยให้คำมั่นสัญญาไว้หลังจากที่ได้รับเหรียญทองแดงจากโอลิมปิกมอลทรีลว่าจะชุบเลี้ยงอย่างดี ในระหว่างนี้พเยาว์ก็หันมาชกมวยไทยอีกประมาณ 10 ครั้ง ภายใต้การจัดการของนภา นาคปฐม โปรโมเตอร์แห่งเวทีมวยราชดำเนินเพื่อเป็นทุนรอนในการใช้จ่ายและศึกษา

พเยาว์สามารถเอาชนะนักมวยฝีมือดีหลายคน เช่น อภิเดชน้อย ศิษย์หิรัญ, ดุรงค์ อพอลโล, ขาวกระจ่าง ฤกษ์ชัย, อนันตชัย สิงห์บางแสน, บางทราย คงคาลัย, อรชุนน้อย ฮ. มหาชัย เป็นต้น ต่อมาพ่ายแพ้ต่อสิงห์ทอง ประสพชัย อย่างยับเยิน โดยถูกเตะซ้ายจนกระดูกแขนขวาแตกต้องพักรักษาตัวอยู่หลายเดือน แล้วมาแพ้โรจน์เดช โรจน์สงคราม อีกครั้ง

แต่การพ่ายแพ้ของพเยาว์ต่อสิงห์ทองและโรจน์เดชนี้เป็นการพ่ายแพ้ที่สมศักดิ์ศรี เพราะขณะเมื่อชกกันนั้นทั้งสิงห์ทองและโรจน์เดชกำลังครองแชมป์มวยไทยอยู่

การพ่ายแพ้ในแบบมวยไทยทำให้พเยาว์หมดกำลังใจที่จะเอาดีทางชกมวยไทยต่อไป และไม่อาจทนรอคำมั่นสัญญาที่มองไม่เห็นอนาคตว่าจะเป็นจริงได้เมื่อใดของสมาคมมวยสมัครเล่นๆ จึงเบนเข็มหันมาชกมวยสากลอาชีพซึ่งขณะนั้น กุศล ประสาน กับสมภพ ศรีสมวงศ์ ได้ร่วมกันก่อตั้งบริษัทเพื่อทำธุรกิจการชกมวยขึ้น เพื่อสร้างคนไทยไปสู่แชมป์โลกขึ้น ให้ชื่อว่า บริษัทเวอร์ทิช จำกัด

วันอาทิตย์ที่ 4 ตุลาคม 2524 บริษัทเวอร์ทิช จำกัด ตัดสินใจให้พเยาว์ขึ้นชกมวยสากลอาชีพครั้งแรกกับตีโต้ อเบลล่า อดีตรองแชมป์โลกชาวฟิลิปปินส์ ผลปรากฏว่าพเยาว์กระแทกตีโต้ อาเบลล่า พ่ายน็อคไปยกที่ 2 เป็นการประเดิมสังเวียนอาชีพแบบมวยสากลอย่างงดงาม บริษัทเวอร์ทิชก็มิได้นิ่งนอนใจพยายามหาคู่ชกที่เหมาะสมในการไต่เต้าไปสู่บัลลังก์โลกต่อไป

จนวันที่ 21 มีนาคม 2525 พเยาว์ได้เดินทางไปชกชนะจิมมี บอย รองแชมป์อันดับหนึ่งของฟิลิปปินส์ที่นครมนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ ปรากฏว่าพเยาว์ ถลุงจิมมี บอย พ่ายแพ้น็อคเอาท์ไปในยกที่ 4 เท่านั้น

จากชัยชนะอันงดงามทั้ง 2 ครั้งที่ผ่านมา ในที่สุดพเยาว์ก็ถูกผลักดันให้ขึ้นชิงแชมป์แห่งภาคตะวันออกไกล ในรุ่นจูเนียร์แบนตั้มเวทกับซุนซุนกวอน แห่งเกาหลี เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2525 แต่ในการชกชิงแชมป์ครั้งนี้เป็นไปอย่างกระทันหัน พเยาว์ต่อสู้กับซุนซุนกวอนอย่างดุเดือดโชกโชนผลก็คือ พเยาว์แพ้คะแนนอย่างใกล้เคียงในจำนวน 12 ยก การพ่ายแพ้ครั้งนี้ทำให้เกือบจะเสียกำลังใจต้องห่างสังเวียนการชกไปถึง 5 เดือน

ในที่สุดสมภพ ศรีสมวงศ์ ได้เรียกตัวพเยาว์เข้าค่ายซ้อมอีกครั้งและส่งให้พิสูจน์ฝีมือกับแดน พิศาลชัย แชมป์รุ่นฟลายเวทของเวทีราชดำเนิน ซึ่งแดนผู้นี้เป็นแชมป์เปี้ยนขึ้นคานมาเป็นเวลานานโดยให้ชกกันที่เวทีราชดำเนิน ในวันอาทิตย์ที่ 10 ตุลาคม 2525 ก่อนชกบรรดานักวิจารณ์ทั้งหลายต่างลงความเห็นว่า พเยาว์ไม่มีทางสู้แดนแน่ๆ บางคนถึงกับว่า คงไม่ครบยกแน่ แต่เมื่อได้ชกกันจริงๆ ปรากฏว่าพเยาว์กลับเป็นฝ่ายเก็บแดนอย่างหมดทางสู้ ที.เค.โอ. ในยกที่ 9

ชัยชนะครั้งนี้เป็นผลที่น่าพอใจของกลุ่มสนับสนุนพเยาว์เป็นอย่างดียิ่ง จึงสร้างสรรค์พเยาว์ต่อไปโดยส่งพเยาว์ขึ้นชกกับฮวางซุ๊คลี รองแชมป์อันดับ 6 ของเกาหลีในวันอาทิตย์ที่ 26 พฤศจิกายน 525 เมื่อประหมัดกันปรากฏว่า ในยกที่ 2 พเยาว์พลาดท่าโดยโดนหมัดขวาที่คิ้วขวาถึงกับมีบาดแผลและทรุดให้กรรมการนับถึง 9 แต่พเยาว์ก็สวมหัวใจสิงห์ลุกขึ้นสู้ต่อไปจนยก 4 พเยาว์ก็กระแทกฮวางซุ๊คลี ถึงนับ 9 บ้าง แล้วกลางยก 5 นั้นเอง พเยาว์ก็เก็บฮวางซุ๊กลีนอนให้กรรมการนับ 10 พ่ายน็อคไป

เมื่อได้รับชัยชนะอย่างสวยงามเช่นนี้ทางสมภพ ศรีสมวงศ์ ก็มิได้นิ่งนอนใจเร่งหาคู่ชกให้พเยาว์ต่อไปจนเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 10 กุมภาพันธ์ 2526 พเยาว์ก็ได้ขึ้นชกที่เวทีราชดำเนินกำหนด 10 ยก กับอลองโซ สตองค์โบว์ อดีตรองแชมป์ โลกจากลอสแองเจลีส คราวนี้ปรากฏว่า พเยาว์สามารถเอาชนะแต้มได้อย่างขาวสะอาด

จากชัยชนะของพเยาว์ทำให้คณะผู้สร้างมองเห็นทางสู่บัลลังก์โลกใกล้เข้ามาแล้ว จึงสั่งมวยรองแชมป์โลกเข้ามาเพื่อให้พเยาว์ไต่อันดับทันที ถึงวันพุธที่ 2 มีนาคม 2526 พเยาว์ได้ขึ้นถล่มกับฮวนเดียซ รองแชมป์โลกอันดับ 2 ของสภามวยโลก มีกำหนด 10 ยก ที่เวทีราชดำเนิน คราวนี้พเยาว์ไล่ถลุงฮวนเดียซจนพ่ายคะแนนไปอย่างบอบช้ำยับเยินทำให้พเยาว์มีชื่อติดอันดับรองแชมป์อันดับ 10 ของสภามวยโลกในรุ่นซุปเปอร์ฟลายเวททันที

เมื่อพเยาว์ได้เป็นรองแชมป์โลกคณะผู้จัดสร้างก็เร่งหาทางติดต่อประสานงาน เพื่อผลักดันพเยาว์ขึ้นชิงแชมป์โลกต่อไปอย่างมิหยุดยั้ง จึงให้พเยาว์เคลื่อนไหวเพื่อไต่อันดับให้สูง ยิ่งขึ้นกับเออร์เนสโต้ เกียวาร่า รองแชมป์โลกอันดับ 10 รุ่นฟลายเวท จากเม็กซิโก ที่เวทีราชดำเนินในวันพุธที่ 6 กรกฎาคม 2526

ปรากฏว่ากำหนด 10 ยก พเยาว์ได้โชว์ฟอร์มกระแทกเออร์เนสโต้ เกียวาร่า พ่ายน็อคไปในยกที่ 5 เป็นผลให้พเยาว์ได้เลื่อนเป็นรองแชมป์โลกอันดับ 7 ทันที คณะผู้สร้างพเยาว์อันมี สมภพ ศรีสมวงศ์ เป็นแกนนำ ได้ประสานงานกับสภามวยโลกส่งพเยาว์ขึ้นชิงแชมป์โลกรุ่นซุปเปอร์ฟลายเวท (115 ปอนด์) จากราฟาเอล โอโรโน่ แห่งเวเนซุเอล่า เจ้าของตำแหน่งในวันที่ 27 พฤศจิกายน 2526 ที่เวทีชั่วคราว ณ โรงแรมแกรนด์พาเลซ พัทยา ชลบุรี

ก่อนชกบรรดาผู้สันทัดในวงการมวยพากันวิจารณ์กันอย่างกว้างขวางว่าพเยาว์คงจะสู้โอโรโน่ไม่ได้แน่ บ้างก็ว่าพเยาว์หมัดหนักเหมือนโผน แต่ความว่องไวเหมือนชาติชาย บ้างก็ว่ามีบางคนเอาจุดอ่อนของพเยาว์ไปบอกกับฝ่ายโอโรโน่ แต่ประชาชนชาวไทยส่วนใหญ่ต่างให้การหนุนช่วยด้านกำลังใจแก่พเยาว์ และมั่นใจว่าพเยาว์ต้องได้ครองแชมป์โลกแน่นอน เพราะเชื่อในความตั้งใจและฝีมือซึ่งเคยผ่านสังเวียนสมัครเล่นของพเยาว์มาหลายครั้ง โดยเฉพาะการที่เขาได้เหรียญทองแดงจากกีฬาโอลิมปิก

ในที่สุดวันที่ทุกคนรอคอยกันก็มาถึงอย่างปลื้มปิติกันทุกถ้วนหน้า เพราะพเยาว์สามารถเอาชนะแก่โอโรโน่ด้วย คะแนนอย่างสวยงาม ช่วงชิงแชมป์โลกมาครอบครองเป็นของขวัญแก่ชาวไทย และเป็นแชมป์โลกคนที่ 3 ของชาวไทย

น่าเสียดายว่า เวลานั้นครูออมทรัพย์ แหลมฟ้าผ่า ผู้สร้างพเยาว์ขึ้นมาตั้งแต่เขายังไม่มีชื่อเสียงได้ถึงแก่กรรมไปแล้ว และไม่มีโอกาสได้ชื่นชมกับความสามารถของศิษย์ พเยาว์เองก็รำลึกถึงพระคุณของครูของเขาท่านนี้อยู่เสมอ

หลังจากที่พเยาว์ได้ครองแชมป์เปี้ยนโลกแล้วได้ขึ้นมาอุ่นเครื่องชนะน็อคตะพานหิน บุญเสรฐ แล้วป้องกันแชมป์ครั้งแรกกับกุตตี้ เอสปาดาส ที่เวทีราชดำเนิน เมื่อ 28 มีนาคม 2527 พเยาว์ก็เอาชนะได้อย่างตื่นเต้นในยกที่ 10

การชิงแชมป์โลกของนักชกชาวไทยแต่ครั้งอดีตมีหลายครั้งที่ผ่านมามักจะมีการร้องเพลงเชียร์ เพื่อเป็นกำลังใจ เช่น เมื่อครั้งจำเริญ ทรงกิตรัตน์, โผน กิ่งเพชร, พันธ์ทิพย์ แก้วสุริยะ ฯลฯ

ก่อนที่พเยาว์จะขึ้นชิงแชมป์โลกจากราฟาเอล โอโรโน่ มีการแต่งเพลงเชียร์อีกเช่นกัน เพื่อให้ำลังใจพเยาว์ในการขึ้นชิงแชมป์โลกรุ่นซุปเปอร์ฟลายเวท ขับร้องโดยดอน สนอระเบียบ เนื้อร้องทำนองโดยหนุ่ม ชิงชัย, ใหญ่ ยิ่งยง เรียบเรียงเสียงประสานโดยประสิทธิ์ ชำนาญไพร ที่ตอนหนึ่งร้องว่า

“ตื่นเถิดพวกเรา ช่วยเชียร์พเยาวเด็กไทย ชาติเสือต้องไว้ลาย ชาติไทยต้องไว้ชื่อ ให้เขายำเกรง ราฟาเอล โอโรโน่ จะถูกโม่ด้วยหมัดคนไทย ตื่นเถิดพวกเรา ช่วยเชียร์พเยาว์เถิดไทย ศึกเหนือทั้งเสือใต้ มวยไทยสร้างชื่อไว้ สะท้านโลกกันต์จะเป็นเหล็กไหล…”

อ่านเพิ่มเติม : 

สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่


หมายเหตุ : เนื้อหานี้คัดย่อจากบทความ “พเยาว์ พูลธรัตน์ นักชกโอลิมปิก คนแรกของไทย” โดย สมพงษ์ แจ้งเร็ว ใน โอลิมปิก : กีฬา และสงคราม. สำนักพิมพ์เจ้าพระยา, พิมพ์ครั้งแรกเมื่อกรกฎาคม 2527


เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 18 กุมภาพันธ์ 2565