ผู้เขียน | ฉวี่กวังฮั่น |
---|---|
เผยแพร่ |
“จิ๋นซีฮ่องเต้” เป็นพระโอรสใน “ฉินจวงเซียงอ๋อง” กับ “พระนางจ้าวจี” หลังจากฉินจวงเซียงอ๋องสิ้นพระชนม์ จิ๋นซีฮ่องเต้ได้ครองแคว้นฉินสืบต่อ ส่วนพระนางจ้าวจีก็ต้องเป็นม่ายแต่ยังสาว เปล่าเปลี่ยวใจ จึงคิดกลับไปพัวพันคบหากับคนรักเก่าอย่าง “หลี่ว์ปู้เหวย”
หลี่ว์ปู้เหวย เป็นใคร?
หลี่ว์ปู้เหวย อดีตเป็นพ่อค้าแคว้นเว่ย ผันตัวมารับใช้ ช่วยเหลือ และผลักดันฉินจวงเซียงอ๋อง ซึ่งก่อนหน้านี้เป็นเพียงองค์ชายปลายแถวนาม “อี้เหริน” ที่ถูกนำไปเป็นองค์ประกันที่แคว้นจ้าว จนกระทั่งได้กลับคืนบ้านเกิดเมืองนอน ได้เป็นเจ้าแห่งแคว้นฉิน ส่วนหลี่ว์ปู้เหวยก็ได้รับตอบแทนความดีความชอบ เป็นอัครเสนาบดีของแคว้นฉิน
แต่เดิม พระนางจ้าวจีเป็นคนรักของหลี่ว์ปู้เหวย แต่หลี่ว์ปู้เหวยยกนางให้กับองค์ชายอี้เหริน ในยุคหลังจึงว่ากันว่า พระนางจ้าวจีทรงพระครรภ์กับหลี่ว์ปู้เหวยก่อนที่จะมาอยู่กินกับองค์ชายอี้เหรินเสียอีก แต่นักวิชาการคัดค้านเรื่องนี้ โดยให้เหตุผลว่า พระชาติกำเนิดของจิ๋นซีฮ่องเต้น่าจะเป็นการเสริมเติมแต่งของพวกสำนักคิดขงจื่อในสมัยฮั่น ที่พยายามทำให้จิ๋นซีฮ่องเต้เสื่อมเสีย โดยมุ่งให้มีภาพลักษณ์เป็นบุตรนอกสมรสของพ่อค้าไร้การศึกษา กับแม่ที่ไม่ต่างจากนางคณิกา
กลับมาที่พระนางจ้าวจี ครั้นหลี่ว์ปู้เหวยจะกลับไปคบหากับคนรักเก่าย่อมไม่เป็นการดี อำนาจที่มีอาจล่มสลายลงเพียงเพราะสตรีนางเดียว หลี่ว์ปู้เหวยจึงมองหาชายที่จะสามารถสนองงาน “ไทเฮาม่าย” ได้ จึงเลือก “เล่าไอ่” ให้มารับงานนี้
ว่ากันว่า เล่าไอ่เป็นชายมากรักที่มีพลังทางเพศสูง ในตำนานเล่าไว้อย่างพิสดารว่า อวัยวะเพศของเล่าไอ่นั้นแข็งแรงถึงขั้นสามารถสอดเข้าไปในดุมเกวียนเพื่อหมุนล้อเกวียนได้
หลี่ว์ปู้เหวยจัดแจงให้เล่าไอ่ปลอมตัวเป็นขันทีเข้าไปรับใช้พระนางจ้าวจีในวังหลวง ขณะที่เล่าไอ่ก็รับใช้สนองงานพระนางจ้าวจีได้อย่างดี ถึงกับมีลูกกับพระนางถึง 2 คน!!!
ในช่วงเวลานี้เองที่พระนางจ้าวจีทรงแปรพระราชฐานจากเมืองเสียนหยางไปเมืองยงเฉิง เมืองหลวงเก่าของแคว้นฉัน ทางหนึ่งเพื่อปกปิดเรื่องทรงพระครรภ์ ทางหนึ่งจะได้เสวยสุขกับเล่าไอ่ได้อย่างไกลหูไกลตาผู้คน
นับแต่นั้นมา เล่าไอ่กลายเป็นคนโปรดของพระนางจ้าวจี เขาจึงค่อย ๆ สั่งสมอำนาจบารมีมากขึ้น กระทั่งพระนางจ้าวจีทูลขอจิ๋นซีฮ่องเต้ให้แต่งตั้งเล่าไอ่เป็น “ฉางซิ่นโหว” (โหวเทียบได้กับเจ้าพระยา)
นานวันจิ๋นซีฮ่องเต้ก็ใกล้จะเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว (ขึ้นครองราชย์ขณะอายุ 13 พรรษา) มีสิทธิอันชอบธรรมที่จะบริหารบ้านเมืองด้วยพระองค์เอง ข่าวฉาวเกี่ยวกับเล่าไอ่และพระราชมารดาเข้าถึงหูพระองค์ จึงทรงให้คนแอบสืบความเคลื่อนไหวของเล่าไอ่ ฝ่ายเล่าไอ่เองก็เริ่มระแคะระคายถึงมหันตภัยที่กำลังจะมาถึงตัวเช่นกัน
ถึงปี 238 ก่อนคริสตกาล รัชศกฉินอ๋องเจิ้งปีที่ 9 จิ๋นซีฮ่องเต้มีพระชนมายุครบ 22 พรรษา ได้เข้าพิธีกวานลี่ [แปลตรงตัวว่า พิธีสวมหมวก เป็นพิธีโบราณของจีนที่แสดงถึงการบรรลุนิติภาวะของบุคคล] ผู้เข้าร่วมพิธีต้องมากันทุกฝ่ายอย่างพรั่งพร้อม ทั้งพระญาติวงศ์ และเหล่าขุนนางน้อยใหญ่ ต้องทิ้งเมืองเสียนหยางไปทำพิธีที่เมืองยงเฉิง
นี่เป็นจังหวะทองของเล่าไอ่ เขาจึงชิงลงมือก่อกบฏยึดเมืองเสียนหยาง ด้านจิ๋นซีฮ่องเต้ก็รีบส่งกองทัพยึดเมืองเสียนหยางคืน ทัพของเล่าไอ่พ่ายแพ้ เล่าไอ่หนีตายแต่ถูกตามจับกลับมารับโทษประหาร คนที่เข้าร่วมกับเล่าไอ่ถูกกำจัดจนสิ้นซาก แม้แต่ลูกสองคนของเล่าไอ่ที่เกิดกับพระนางจ้าวจีก็ถูกประหารด้วย
ข้างพระนางจ้าวจีก็ถูกลงโทษให้กักตัวอยู่ที่เมืองยงเฉิงนั่นเอง แต่ไม่นานก็ทรงให้รับกลับมาประทับที่เมืองเสียนหยาง แต่ก็อยู่อย่างเงียบเหงา เปล่าเปลี่ยวเดียวดาย จนสิ้นพระชนม์ในอีก 10 ปีต่อมา
ส่วนหลี่ว์ปู้เหวยนั้นมีส่วนพัวพันกับเรื่องอื้อฉาวของพระนางจ้าวจีและเล่าไอ่ จึงถูกปลดจากตำแหน่งอัครเสนาบดี แล้วให้กลับไปอยู่บ้านที่ตั้งอยู่ละแวกเมืองลั่วหยาง แต่หลี่ว์ปู้เหวยนั้นเป็นอัครเสนาบดีมาแล้วถึง 2 แผ่นดิน ย่อมมีอิทธิพลหลงเหลืออยู่ ยังมีผู้คนไปมาหาสู่ ดังนั้น จิ๋นซีฮ่องเต้จึงสั่งให้เขาย้ายออกไปไกลกว่านั้น โดยสั่งเนรเทศให้ไปยังแคว้นสู่ (เสฉวน)
ในระหว่างทาง หลี่ว์ปู้เหวยรู้ดีว่าอีกไม่นานภัยจะมาถึงตัวเป็นแน่ จะยอมถูกห้าม้าแยกร่างหรือจะตายอย่างมีศพครบบริบูรณ์ หลี่ว์ปู้เหวยเลือกอย่างหลัง กินยาพิษฆ่าตัวตาย
อ่านเพิ่มเติม :
- ดูสาเหตุจิ๋นซีฮ่องเต้ไม่มีฮองเฮา ที่ว่าสนมเยอะนั้นมีกี่คน ไขปริศนาที่หายจากบันทึก
- กำแพงเมืองจีน ไม่ใช่สร้างแค่ในสมัยจิ๋นซีฮ่องเต้ แต่สร้าง-ซ่อมในหลายราชวงศ์
- เปิดบันทึก “จิ๋นซีฮ่องเต้” สืบหาเซียน-ยาอายุวัฒนะ เผาตำราโบราณ จนเกิดกระแสต่อต้าน
อ้างอิง :
สมชาย จิว. (2563). พลิกสุสาน อ่านจิ๋นซี. กรุงเทพฯ : มติชน.
เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 7 มกราคม 2565