ดาบสั้นของหนึ่งในซามูไรรุ่นสุดท้าย ผู้ปรารถนาล้มระบอบโชกุนโผล่ที่สหรัฐฯ ได้อย่างไร

โยชิดะ โชอิน (Yoshida Shoin) ซามูไรรุ่นสุดท้าย

ดาบสั้นหรือ “tanto” ของโยชิดะ โชอิน (Yoshida Shoin) ซามูไรรุ่นสุดท้ายของญี่ปุ่น และปัญญาชนหัวก้าวหน้าซึ่งมีอิทธิผลต่อการปฏิรูปเมจิ ถูกพบแล้วที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ดินแดนที่เขาหวังจะไปเรียนรู้เพื่อนำเอาวิทยาการใหม่ๆ มาพัฒนาประเทศแต่ถูกขัดขวางโดยรัฐบาลระบอบเก่า

โชอิน เติบโตมาในยุคการปกครองของรัฐบาลโชกุนโตกุงาวะ ทำให้เขาได้เห็นความล้าหลังของระบอบเดิมเมื่อเทียบกับพัฒนาการของตะวันตก เขาจึงต้องการเห็นความเปลี่ยนแปลงในศูนย์กลางอำนาจของประเทศ

ด้วยความอยากเรียนรู้จากตะวันตก โชอินวางแผนที่จะแอบขึ้นเรือของ แมทธิว เพอร์รี ทหารเรืออเมริกัน ซึ่งเดินทางไปยังญี่ปุ่นในช่วงครึ่งหลังของศตวรรษที่ 19 และกำลังจะเดินทางกลับ แต่โชอิน ถูกเจ้าหน้าจับกุมตัวไว้ได้ก่อน

เมื่อพ้นโทษเขาได้ออกมาเป็นครูสอนวิชาทหารและการเมือง ก่อนถูกจับกุมอีกครั้งและถูกประหารด้วยวัย 29 ปี ด้วยข้อหาวางแผนลอบสังหารผู้แทนของโชกุนในเกียวโต ทำให้เขาไม่มีดโอกาสได้เห็นการล่มสลายของระบอบโชกุนในอีก 9 ปีให้หลัง

สำหรับที่มาที่ไปของดาบสั้นที่ไปโผล่ที่สหรัฐฯ นั้น Rocket News 24และสำนักข่าวอีกหลายแห่งในญี่ปุ่นรายงานว่า ก่อนที่ โชอินจะถูกประหารเขาได้มอบดาบสั้นไว้ให้กับ ฮิซะ (Hisa) น้องสาวซึ่งส่งต่อดาบดังกล่าวไปให้กับ เรียวอิจิโร อาราอิ (Ryoichiro Arai) พ่อค้าไหมผู้วางแผนที่จะเดินทางไปทำการค้าถึงสหรัฐฯ ด้วยหวังให้ดาบเล่มนี้ไปถึงสหรัฐฯ ดินแดนที่ โชอินใฝ่ฝัน

หลังจากนั้นก็ไม่มีใครรู้ว่าดาบเล่มนี้ไปตกอยู่ในความครอบครองของใคร จนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้ อากิระ ซากุราอิ (Akira Sakurai) นักสร้างภาพยนตร์ได้เดินทางไปยังสหรัฐฯ เพื่อพบกับ ทิม อาราอิ (Tim Arai) ชาวอเมริกันซึ่งสะสมดาบญี่ปุ่นไว้จำนวนหนึ่ง (ซึ่งไม่ปรากฏแน่ชัดว่ามีความสัมพันธ์กับ เรียวอิจิโร อาราอิ อย่างไร) และได้พบดาบเล่มหนึ่งที่อาจเป็นของโชอิน

ต่อมาในเดือนสิงหาคม 2016 ทิม อาราอิ ได้ส่งดาบสั้นเล่มดังกล่าวไปให้ผู้เชี่ยวชาญที่กุนมะตรวจสอบ ซึ่งจากทำการศึกษาอย่างถี่ถ้วนแล้ว บรรดาผู้เชี่ยวชาญต่างให้ความเห็นว่า ดาบสั้นเล่มดังกล่าวเป็นของโชอินจริง และเตรียมที่จะนำมาแสดงต่อสาธารณะ ณ ห้องบรรยายใน Maebashi Bundakukan ของกุนมะ ในวันที่ 31 มีนาคม (2017-กองบก.ออนไลน์)


เผยแพร่เนื้อหาในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 31 มีนาคม พ.ศ.2560