ตำนาน “ซูสีไทเฮา” ฝึกกามายุทธ์ที่หอนางโลม ควบคุม “หูรูด” เรียนรู้ “กโลบายแสร้งโง่”

ซูสีไทเฮา และ นางกำนัล บน เรือ
ซูสีไทเฮา (นั่ง) ที่จงหนานไห่ ราชอุทยานในกรุงปังกิ่ง ภาพถ่ายราวทศวรรษ 1900

ซูสีไทเฮา ในช่วงก่อนที่จะถวายตัวรับใช้ฮ่องเต้เสียนเฟิงนั้น นางได้ศึกษาเล่าเรียนวิถีสตรีนางใน ฝึกวิทยายุทธ์ และเคล็ดลับต่าง ๆ เพื่อใช้เป็นฐานรากไต่เต้าสู่อำนาจเคียงข้างบัลลังก์มังกร

นอกจาก ซูสีไทเฮา จะศึกษาวิทยายุทธ์จากหนังสือ “ความฝันในหอแดง” และ “บุปผาในกุณฑีทอง” ก่อนถวายงานแล้ว นางยังได้ศึกษาและฝึกฝนกับ “บ้านดอกบัวงาม” อีกด้วย ซึ่งน่าจะหมายถึง “หอนางโลม” นั่นเอง

เสถียร จันทิมาธร อธิบายเหตุการณ์ดังกล่าวไว้ในหนังสือ “วิถีแห่งอำนาจ ซูสีไทเฮา” (สำนักพิมพ์มติชน, 2560) ดังนี้

กลเม็ดระบำพัด…

เรา [หมายถึง ซูสีไทเฮา] นั่งอยู่ในห้องนอนที่ใหญ่ที่สุด เตียงหลังใหญ่เสาสูงจรดเพดาน ทำจากไม้แดงสลักเป็นลายดอกโบตั๋น มะเขือยาว มะเขือเทศ กล้วย และลูกเชอร์รี ทำให้นึกถึงรูปร่างอวัยวะเพศของทั้งหญิงและชาย

ม่านซักจนขาวสะอาดใส่น้ำหอมจนหอมฟุ้ง กำแพงด้านข้างมีรูปปั้นจำลองวางโชว์อยู่บนชั้นเป็นภาพเทพเจ้าแสดงลีลา วาดลวดลายวิจิตรกามา บางรูปเป็นนางฟ้าอิงซบบนตักเทพ ทำตาพริ้มด้วยความสุข

“ข้าจะสอนกลเม็ดที่เรียกว่าระบำพัดเพื่อมัดใจชายให้” นางเปิดหีบหยิบหมอนกลมสีชมพูใบเล็ก เงินกระดาษ 1 ปีก และ ไข่ 1 โหล วางบนถาดไม้ไผ่แล้วบอก

“ข้าจะวางของพวกนี้เรียงซ้อนกัน เงินกระดาษอยู่ล่างสุด หมอนอยู่ตรงกลาง ไข่อยู่บนสุด แล้วเจ้านั่งลงบนกองนั้น ภายใน 1 นาทีเจ้าต้องทำให้ปีกเงินคลี่ออกมาเป็นรูปพัดให้ได้โดยที่ไข่ไม่แตก”

นางดีดนิ้ว ดรุณีวัยกำดัด 2 นางเดินออกจากประตูด้านข้าง สวมใส่อาภรณ์ด้วยชุดดิ้นบาง ถ่มเม็ดดอกทานตะวันลงบนพื้นแล้วปีนขึ้นเตียง กางขานั่งยอง ๆ เหมือนแม่ไก่กำลังกกไข่ เจ้าของบ้านดีดนิ้วอีกครั้ง 2 ดรุณีวัยกำดัดก็เริ่มบิดบ้ายส่ายก้น

ฉันถามว่าทำอย่างนี้ไปเพื่ออะไร คำตอบจากหญิงเจ้าของบ้านคือ “มันจะทำให้เจ้ามีกำลังที่จะควบคุมร่างกายของเจ้า มันจะช่วยให้มีความไวที่หูรูดของเจ้า”

“หูรูด”

“ทำตามที่ข้าแนะนำแล้วเจ้าจะเข้าใจเอง เมื่อเจ้าฝึกฝนจนชำนาญ เจ้าจะทำให้ชายมาหมอบที่แทบเท้าของเจ้า เขาจะจดจำชื่อเจ้าไว้ไม่มีวันลืม”…

“ทุกวันเจ้าจะต้องนั่งท่ายอง ๆ บนไข่แล้วหัดโยกสะโพก หลังจากที่เจ้าฝึกได้ 3 เดือน ที่หูรูดก็จะหนาขึ้น อูมขึ้นกว่าผู้หญิงทั่วไป นั่นแหละเจ้าจะทำให้พวกผู้ชายคลั่งไคล้เจ้าเวลามีอะไรกัน พวกเขาจะยอมตายเพื่อเจ้า”…

“ไปดูผลงานที่พวกนางทำไว้สิ” นางหยิบเอาไข่กับหมอนออก สิ่งที่เห็นตรงหน้านั้นคือ รูปพัดซึ่งคลี่ออกอย่างสวยงาม กองเงินตั้งนั้นได้เปลี่ยนเป็นรูปพัดอันคลี่อย่างเต็มที่ตามต้องการ “เอาละ ลองทำดูด้วยตัวเอง”

ฉันตัวแข็งทื่อ สาว ๆ อาสามาช่วยฉันถอดเสื้อผ้า ฉันรู้สึกเหมือนกับตัวเองเป็นคนโง่เง่า ร่างกายเกร็งไปหมด

“อนาคตของเจ้าขึ้นอยู่กับการกระทำของเจ้า” เสียงของนางราบเรียบ “เจ้าจะต้องทำให้ผู้ชายเห็นว่า เจ้าเป็นของวิเศษ มิเช่นนั้นแล้วเขาก็จะไม่กลับมา”

ซูสีไทเฮา และราชสำนักฝ่ายใน รวมถึงขันที

นางพาฉันไปที่เตียงแล้วจัดให้อยู่ในท่านั่งยอง ๆ …เริ่มจาก ฉันนั่งท่ายอง ๆ เหมือนไก่ เป็นท่าอันดูทุลักทุเลมากจน 2 ขาเริ่มรู้สึกปวดเมื่อยขึ้นมาทันที ฉันขยับบิดสะโพกเป็นวงกลม แต่เมื่อเรือนร่างสัมผัสกับไข่ทำให้เกิดความรู้สึกแปลก ๆ พยายามบังคับมิให้เข่าและข้อเท้าสั่น

“ทำต่อไป” เจ้าสำนัก “บ้านดอกบัวงาม” เอื้อมมือไปจับถาดไข่ซึ่งวางอยู่ใต้ก้นฉันเพื่อไม่ให้มันขยับขับเคลื่อน พลางสำทับ “จะให้เก่งต้องฝึกบ่อย ๆ”

“ข้าไม่มีเวลา” โยกสะโพกไปมาและเริ่มรู้สึกเหนื่อย “ข้ามีเวลาแค่ 10 วัน”

“เจ้าจะต้องเสียสติแน่ที่คิดว่าจะฝึกให้สำเร็จภายใน 10 วัน” “ถ้าข้าไม่บ้าก็คงไม่มาที่นี่หรอก”

“ข้าเข้าใจ แต่ข้าต้องทำให้เสร็จก่อน” ก่อนจบประโยค นางก็หยุดเพราะได้ยินเสียง “แคร็ก” มาจากบั้นท้ายของฉัน ไข่นั่นเอง ฉันทำมันแตก

เจ้าสำนัก “บ้านดอกบัวงาม” หยิบผ้ามาเช็ดก่อนไข่แดงจะหกเลอะเทอะ แล้วรีบหยิบไข่ใบใหม่เข้าเปลี่ยนแทน ฉันกลับมานั่งในท่าเดิม ใช้ 2 มือช่วยประคองการทรงตัว มีความรู้สึกว่าร่างกายเหมือนเป็นวัตถุแปลก ๆ ชิ้นหนึ่ง เริ่มโยกตัว ฝืนทนอาการปวดกล้ามเนื้อที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น

“เวลา 10 วันก็คือการทรมานตัวเราดี ๆ นี่เอง” นางชื่นชมความเข้มแข็งของฉัน “เจ้าต้องพักผ่อน เจ้าคงไม่อยากจะทำไข่แตกอีกเป็นแน่”…

นี่เป็นหนึ่งในวิทยายุทธ์ที่ซูสีไทเฮาได้เรียนรู้จากสตรีนางหนึ่งจากหอนางโลม ซึ่งน่าจะเป็นเจ้าสำนักแห่งนี้ เจ้าสำนักยังสอนอีกว่า 

“อย่าไปสนใจหน้าตาหรือนิสัย ไม่ต้องใส่ใจเรื่องมารยาท จงเตรียมตัวให้พร้อม คือว่าเขาอาจจะมีรูปร่างใหญ่กำยำเหมือนหมีหรือมีกลิ่นเหม็นสาบ น้องชายของเขาอาจมีขนาดเล็กเท่าผลลูกนัต หรือจะมีขนาดใหญ่โตมโหฬารเท่าแครอต พวกเขาก็ต้องการที่จะได้รับการปรนเปรอ เอาอกเอาใจ ก่อนที่จะถึงซึ่งความพอใจ

สิ่งที่เจ้าต้องทำก็คือ ให้ความสนใจกับอารมณ์ความรู้สึกของเขา จดจำภาพวาดในนี้ให้ดี มันจะช่วยทำให้เกิดความอัศจรรย์ ดูภาพที่ชายคนนั้นเคล้าคลึงหน้าอกสาวราวกับมันเป็นลูกท้ออันแสนหวานเอาไว้ กรอกเสียงหวานชื่นชมเขาที่ 2 หูข้าง ๆ ไม่ต้องพูดแค่ทำเสียงให้เขารู้ว่าเขานั้นสุดแสนวิเศษนักก็เพียงพอแล้ว”

และวิทยายุทธ์ที่เจ้าสำนักหอนางโลมบอกซูสีไทเฮาอีกเรื่องคือ “กโลบายแสร้งโง่”

ยังมีอีก ยังมี “เคล็ดวิชา” ที่เจ้าสำนักเปิดเผยให้ นั่นก็คือ “ผู้หญิงที่พยายามจะแสดงว่าตัวเองฉลาดมีมันสมองล่ะก็ ร้อยทั้งร้อยถูกทิ้งแน่ ไม่มีการยกเว้น”

“ทำไม”

“ทำไมนะเหรอ ก็ผู้ชายเกลียดการท้าทาย มันทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองด้อยค่า”

ถ้าอย่างนั้นข้าก็ควรทำเป็นโง่”

เรื่องราวทั้งหมดเหล่านี้ที่ เสถียร จันทิมาธร ยกมาไว้ในหนังสือ “วิถีแห่งอำนาจ ซูสีไทเฮา” มีที่มาจากหนังสือ “Empress Orchid” หรือชื่อไทยคือ “ซูสีไทเฮา ราชินีดอกกล้วยไม้” เป็นนวนิยายอิงประวัติศาสตร์สะท้อนชีวิตของซูสีไทเฮา ตีแผ่เรื่องฉาวในราชสำนัก และการต่อสู้เชือดเฉือนเพื่อไต่เต้าสู่อำนาจ ประพันธ์โดย อันฉี หมิน (Anchee Min)

แม้ในนวนิยายจะบอกเล่าเรื่องราวเป็นฉาก ๆ จนดูจะมีความเป็นจริงอยู่น้อยมากก็ตาม แต่น่าเชื่อว่าวิทยายุทธ์ที่ซูสีไทเฮาต้องมีติดตัวไว้เฉกเช่นเดียวกับสตรีในราชสำนักก็คือ การปรนนิบัติเอาใจหรือการยกย่องบุรุษ กโลบายแสร้งโง่ จึงไม่หนีจากความเป็นจริงนัก

อ่านเพิ่มเติม :

สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่


เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 29 ตุลาคม 2564