ผู้เขียน | กองบรรณาธิการศิลปวัฒนธรรม |
---|---|
เผยแพร่ |
กลุ่่มผู้ก่อการเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 ที่เรียกกันว่า “คณะราษฎร” มีผู้จัดทำบันทึกเนื้อหารวบรวมข้อมูลประวัติของสมาชิกไว้มากมาย แต่ปฏิเสธได้ยากว่า คนที่ต้องการเสาะหาข้อมูลของผู้ล่วงลับบางส่วนเพิ่มเติมต้องไปหาจากแหล่งข้อมูลประเภท “อนุสรณ์งานศพ” สำหรับบุคคลในคณะราษฎรแล้ว แหล่งข้อมูลเหล่านี้ได้บ่งชี้ที่มาของ “ซอยทองหล่อ” ที่ปรากฏมาถึงปัจจุบันด้วย แต่อีกด้านหนึ่ง ก็มีข้อมูลจากอนุสรณ์งานศพนักธุรกิจสายอสังหาริมทรัพย์ในช่วงยุคเดียวกันว่า ชื่อทองหล่อมาจากนามของนักธุรกิจผู้นั้น
ในที่นี้จะต้องกล่าวถึงข้อมูลผู้ร่วมก่อการโดยรวมเสียก่อน ข้อมูลรายนามของผู้ร่วมก่อการนี้ปรากฏในหลายแหล่งโดยผู้รวบรวมที่หลากหลาย นริศ จรัสจรรยาวงศ์ ผู้ศึกษาเกี่ยวกับอนุสรณ์งานศพสมาชิกคณะราษฎร อธิบายว่า ตัวเลขที่พบมักอยู่ระหว่าง 90 ปลายๆ จนถึงเกือบ 120 ท่าน และเชื่อว่ามีมากกว่านี้ที่ยังคงนิรนาม
ตัวอย่างการงานรวบรวมรายนามชิ้นหนึ่งคือ รายนามในหนังสือ “2475 การปฏิวัติสยาม” โดย ชาญวิทย์ เกษตรศิริ และภาคผนวก : เอกสารประวัติศาสตร์ ที่รวบรวมโดย ธำรงศักดิ์ เพชรเลิศอนันต์ ซึ่งวิเคราะห์อย่างละเอียดในภาคผนวกที่ 52 โดยเทียบเคียงรายนามจาก 4 แหล่ง และะสรุปยอดที่ได้เป็นจำนวน 102 ท่าน แบ่งเป็น 3 สาย คือ ทหารบก 34 ท่าน ทหารเรือ 18 ท่าน พลเรือน 50 ท่าน
สำหรับเนื้อหาเกี่ยวกับ “ทองหล่อ” ปรากฏในสายทหารเรือ โดยนริศ จรัสจรรยาวงศ์ เขียนอธิบายไว้ในบทความ “อนุสรณ์งานศพสมาชิกคณะราษฎร” ในนิตยสารศิลปวัฒนธรรม ฉบับมิถุนายน พ.ศ. 2560 ว่า อนุสรณ์งานศพสายทหารเรือมีเล่มเด่นที่ต้องอ่านคือ อนุสรณ์งานศพของหลวงสังวรยุทธกิจ (สังวร สุวรรณชีพ) ในอนุสรณ์งานศพของท่านปรากฏเรื่องเล่าในช่วงชีวิตของท่าน ข้อมูลไปสิ้นสุดที่ความล้มเหลวในความพยายามก่อการ “ขบวนการประชาธิปไตย 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2492” หรือเรียกกันอีกชื่อว่า “กบฏวังหลวง”
นอกจากนี้ยังมีเนื้อหาส่วนที่สำคัญอย่างยิ่งอีกส่วนคือ คำไว้อาลัยของ ปรีดี พนมยงค์ ซึ่งแทบจะไม่พบในอนุสรณ์งานศพสมาชิกรุ่นๆ เดียวกันท่านอื่นๆ (ปีนั้นท่านดำรงชีวิตในฝรั่งเศส) ย่อหน้าหนึ่งของเนื้อหาในนั้น อาจารย์ปรีดี อธิบายหลักการการทำงานของคณะราษฎรดังนี้ (จัดย่อหน้าใหม่ – กองบก.ออนไลน์)
“ข้าพเจ้ารู้จักอุดมคติเพื่อชาติของคุณหลวงสังวรก่อนที่รู้จักตัวท่านผู้นี้ในเช้าของวันที่ 24 มิถุนายน 2475 เพราะระเบียบและวินัยของคณะราษฎร์มีอยู่ว่า เฉพาะผู้รับผิดชอบในศูนย์กลางของคณะเท่านั้น จึงสามารถรู้ชื่อสมาชิกที่สำคัญของสายต่างๆ ได้
แม้กระนั้นเพื่อความปลอดภัยก็จะต้องไม่มีการพบปะกันตัวต่อตัว คงปล่อยให้เป็นหน้าที่หัวหน้าสายและหัวหน้าหน่วยที่จำแนกย่อยลงไปเป็นผู้ทำความรู้จักกันตัวต่อตัวโดยเฉพาะ งานของแต่ละหน่วยจึงไม่ก้าวก่ายกัน ไม่มีสมาชิกคนใดที่จะไปสอดรู้งานของหน่วยอื่น การประสานงานอยู่ที่ศูนย์กลางจำนวนน้อยเท่านั้น สายใหญ่มีสามสายคือ สายทหารบก สายทหารเรือ สายพลเรือน คุณหลวงสังวรฯ สังกัดสายทหารเรือ ซึ่งนาวาตรีหลวงสินธุ์สงครามชัยเป็นหัวหน้าสาย” [1]
เนื้อหาอีกส่วนหนึ่งยังบอกเล่าเหตุการณ์ในคืนวันที่ 23 มิถุนายน โดยแสดงถึงสิ่งยึดเหนี่ยวทางจิตใจของหนึ่งในผู้ก่อการ เนื้อหาส่วนหนึ่งดังนี้
“…พอตอนค่ำ 2 ทุ่ม (พูดกับน้องชายให้ช่วยดูแลทหารและนำเขาไปรวมพวกที่เรือตอนเช้ามืดด้วยแล้ว) เราก็ไปกราบพระขอสวัสดีมีชัยในห้องบิดา และกราบบิดาด้วย บิดามอบพระกริ่งให้ เรากราบท่านแล้วรับใส่กระเป๋า เข้าไปในห้องเก็บศพมารดาก้มกราบท่านแล้วใจคอเบิกบาน ออกมาสั่งเมียและจูบลูก ลงเรือจ้างนั่งใจลอยคิดอะไรมาเรื่อย รู้สึกเป็นห่วงกิจการด้านคุณกุหลาบ ทองหล่อ ผ่านทุกวัดตรงโบสถ์เรายกมือไหว้ขอพรพระ ขึ้นท่าช้างวังหน้าขึ้นรถเจ๊กมาลงเรือที่บางลำภู ระหว่างทางผ่านพระแก้วมรกตยกมือนมัสการขอพรท่าน…” [2]
นริศ จรัสจรรยาวงศ์ เขียนไว้ในบทความอีกว่า เมื่อกล่าวถึงหลวงสังวรฯ อีกหนึ่งคณะราษฎรที่ทำงานเคียงข้างดุจเงาตามตัว ก็คือ “ทองหล่อ (ทหาร) ขำหิรัญ” ในบทไว้อาลัยเล่มของหลวงสังวรยุทธกิจ (หลวงสังวรฯ มีศักดิ์เป็นน้าชาย) ทหาร ขำหิรัญ เขียนบทไว้อาลัยกล่าวถึงเหตุที่เข้าร่วมก่อการไว้ว่า
“คุณหลวงไปพบที่สนามฝึกทหารด้านหลังกรมทหารเรือ ปรารภถึงสถานการณ์ของบ้านเมืองชวนให้ร่วมมือทำการเปลี่ยนแปลงการปกครองแผ่นดิน ไปสู่ระบอบประชาธิปไตยมีกษัตริย์อยู่ใต้กฎหมาย พิจารณาคำชักชวนเห็นว่ามีเหตุผลข้าพเจ้าก็ปลงใจด้วย สรวงสวรรค์เป็นใจดลบันดาลให้การร้องขอรับพระราชทานรัฐธรรมนูญ เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2475 มีผลสำเร็จลงด้วยความเรียบร้อย ไม่มีอุปสรรคให้เกิดความเสียหายอย่างใด” [3]
นริศ จรัสจรรยาวงศ์ อธิบายเพิ่มเติมอีกว่า ชีวิตนายทหารร่างเล็กผู้นี้ถือว่ามีสีสันและยืนหยัดอยู่บนหลักการประชาธิปไตย ในการรัฐประหาร พ.ศ. 2490 ท่านเป็นผู้ช่วยเหลือปรีดีในการหลบภัยรัฐประหาร ณ สัตหีบ จนภายหลังจากนั้นตัวท่านเองก็ประสบมรสุมการเมืองในข้อหา “กบฏ” ตลอดช่วงยุคสมัยที่ 2 ของ จอมพล ป. แม้ล่วงเข้ายุคของ จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ ขณะท่านดำรงสถานะผู้แทนราษฎรครั้งเยือนจีน ยังโดนยัดเยียดข้อหา “คอมมิวนิสต์” จนต้องสิ้นอิสรภาพทันทีที่กลับมาเหยียบดอนเมือง!
เมื่อพ้นช่วงวิบาก ท่านได้รับเลือกตั้งเข้าสู่สภาหลายสมัย จวบกระทั่งเข้าสู่ปัจฉิมวัย พลเรือตรี ทหารสมาทานตนเป็นชาวพุทธที่เคร่งครัด “…นอกจากวันธรรมสวนะ ท่านยังเจียดเวลาไปเรียนธรรมที่วัดมหาธาตุฯ อย่างสม่ำเสมอ ท่านชอบศึกษาธรรมของท่านพุทธทาส…”
และท้ายสุดได้อุทิศร่างกายเป็น “อาจารย์ใหญ่” ให้กับโรงพยาบาลศิริราช จบชีวิตในวัย 81 ปี อนุสรณ์งานศพถูกจัดพิมพ์ร่วมกับผู้บริจาคร่างท่านอื่นๆ ตามธรรมเนียมของโรงพยาบาล
นามเดิมของผู้บัญชาการกรมนาวิกโยธินคนแรกนี้ “…ได้กลายมาเป็นชื่อ ‘ซอยทองหล่อ’ ถนนสุขุมวิท หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 สงบ เพราะย่านนี้ในสมัยสงครามเคยมีบาร์ญี่ปุ่นตั้งอยู่ในเส้นทางสายตะวันออก เขตรับผิดชอบของทหารเรือ” [4]
อย่างไรก็ตาม ยังมีข้อมูลอีกด้านซึ่งกล่าวถึงที่มาของชื่อ “ซอยทองหล่อ” อันเป็นข้อมูลที่เล่าแตกต่างจากข้อมูลข้างต้น โดยนริศ จรัสจรรยาวงศ์ เล่าไว้ระหว่างการให้สัมภาษณ์กับ The People ว่า หนังสืออนุสรณ์งานศพคุณทองหล่อ ทองบุญรอด เขียนไว้ว่า ชื่อซอยทองหล่อมาจากชื่อ “คุณทองหล่อ ทองบุญรอด” ซึ่งเกิดเมื่อพ.ศ. 2439 เสียชีวิตเมื่อ พ.ศ. 2515 มีชีวิตอยู่ในช่วงเวลาใกล้เคียงกับทหาร ขำหิรัญ (ทองหล่อ ขำหิรัญ) ข้อมูลส่วนนี้ปรากฏในอนุสรณ์งานศพว่า ท่านมาจัดสรรที่ดิน ทำอสังหาริมทรัพย์ จนใช้ชื่อผู้จัดสรรเรียกถนนชื่อ “ซอยทองหล่อ”
อ่านเพิ่มเติม :
- กำเนิด “ถนนข้าวสาร” จากคลองสู่ถนนชื่ออาหารหลักคนไทยได้อย่างไร
- ไขข้อข้องใจ ชื่อถนน “เพชรบุรีตัดใหม่” แล้วตัดเก่าอยู่ที่ไหน?
เชิงอรรถ :
[1] ปรีดี พนมยงค์ ระลึกถึงคุณหลวงสังวรยุทธกิจ (สังวร สุวรรณชีพ) 20 กุมภาพันธ์ 2516. อนุสรณ์งานพระราชทานเพลิงศพ พลเรือตรี หลวงสังวรยุทธกิจ ณ เมรุวัดธาตุทอง วันพฤหัสบดี 27 ธันวาคม 2516. น.(7).
[2] ดู อนุสรณ์งานศพหลวงสังวรยุทธกิจ, น. 55.
[3] อ้างแล้ว, น. (25).
[4] ชีวประวัติอย่างละเอียดของคณะราษฎรท่านนี้ โปรดดู เฉลิมวงษ์ มากนวล/ผศ. เฉลิม มากนวล. ด้วยเกียรติและศักดิ์ศรี พลเรือตรี ทหาร (ทองหล่อ) ขำหิรัญ. พิมพ์ครั้งที่ 1 พ.ศ. 2559, (อมรินทร์พริ้นติ้ง).
เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 7 เมษายน 2564