ที่มาชื่อวัดชนะสงคราม และเรื่องเล่า “วังหน้าพระยาเสือ” ถวายเสื้อยันต์บูชาพระ

วัดชนะสงคราม ภาพมุมสูง เมือง
ภาพถ่ายทางอากาศ แสดงบริเวณ วัดชนะสงครามเมื่อ พ.ศ. 2489 (ภาพจาก หนังสือประวัติวัดชนะสงคราม)

วัดชนะสงคราม หรือ วัดชนะสงครามราชวรมหาวิหาร เป็นวัดที่ วังหน้าพระยาเสือ ทรงให้การอุปถัมภ์ และเป็นวัดหนึ่งในธรรมเนียม ไหว้พระ 9 วัด ในปัจจุบัน เพราะยึดเอาชื่อของวัดที่เรียกว่า “ชนะสงคราม” เป็นความหมายมงคลให้ผู้ไปกราบไหว้ “ชนะ” หรืออย่างน้อยผ่านเรื่องต่างๆ ไปด้วยดี ซึ่งเป็นนามที่พระราชทานภายหลังชนะศึกสงคราม

วัดชนะสงครามราชวรวิหาร เป็นวัดเก่าแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา เรียกกันว่า “วัดกลางนา” สมัยกรุงธนบุรีเปลี่ยนชื่อเป็น “วัดตองปุ” สันนิษฐานว่าเลียนแบบชื่อวัดของพระสงฆ์รามัญในสมัยอยุธยา สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท ทรงให้การอุปถัมภ์วัดตองปุ และได้สถาปนาพระอารามขึ้นใหม่ทั้งพระอาราม

ชื่อ “วัดชนะสงคราม” รัชกาลที่ 1 พระราชทานเพื่อเป็นอนุสรณ์แด่สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท (หรือ วังหน้าพระยาเสือ) สมเด็จพระอนุชาธิราชเจ้า ที่ทรงชนะศึกกับพม่าถึง 3 ครั้ง ซึ่งในจำนวนนั้นคือศึกใหญ่กับพม่าที่เรียกว่า “สงครามเก้าทัพ”

เมื่อได้ชัยชนะศึกดังกล่าวกลับมา สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท และแม่ทัพนายกองในทัพของพระองค์ ได้ถวาย “เสื้อยันต์” ที่สวมออกศึก แก่พระพุทธรูปภายในพระอุโบสถเป็นพุทธบูชา ดังที่สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงพระนิพนธ์ไว้ว่า (จัดย่อหน้าใหม่และเน้นคำโดยผู้เขียน)

“เดิมนั้น ทั้งองค์พระ[พระประธาน-พระพุทธนรสีห์ฯ ] และฐานพระประธานมีขนาดเล็ก ภายหลังได้ซ่อมแซมให้สูงขึ้นอีกดังที่ปรากฏทุกวันนี้ ด้านหน้ามีพระอัครสาวกซ้ายขวา 2 องค์ เป็นพระปูนปั้นเช่นกัน เดิมนั่งประนมมือ มาเปลี่ยนภายหลังให้ยืนประนมมือ และรอบๆ พระประธานมีพระพุทธรูปปูนปั้นปางมารวิชัย 15 องค์ หันหน้าไปทางทิศตะวันออก 5 องค์ ทิศตะวันตก 4 องค์ ทิศเหนือ 3 องค์ ทิศใต้ 3 องค์ เหนือพระประธานมีฉัตร 7 ชั้นกางกั้นอยู่ อันหมายถึงพระสัตปฎลเศวตฉัตรของกรมพระราชวังบวรสถานมงคล ด้านหลังพระประธานประดิษฐานพระสังกัจจายน์ 1 องค์

พระประธาน 16 องค์ภายในพระอุโบสถวัดชนะสงคราม ภาพถ่ายเมื่อ พ.ศ. 2506 (ภาพจาก หนังสือประวัติวัดชนะสงคราม)

คติพระประธาน 16 องค์นี้สันนิษฐานว่า สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท ทรงนําแบบอย่างมาจากวัดชุมพลนิกายาราม จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ตามคติโบราณนับถือกันมาก ถือว่าทรงพระคุณในการประสิทธิประสาทชัยชนะเหนือศัตรู ถึงกับบัญญัติอักษรย่อขึ้นแทนพระนามเรียกว่าหัวใจคือ นะมะนะอะ นอกอนะกะ กอออ นอกะ นะอะกะอัง ผูกเป็นยันต์เรียกว่า ยันต์พระเจ้า 16 พระองค์

ด้านหลังพระประธานมีพระพุทธรูปอยู่ในคูหา 4 ช่อง เป็นพระพุทธรูปปางห้ามญาติ 2 องค์ ปางห้ามญาติทรงเครื่อง 2 องค์ รวมเป็น 4 องค์ เป็นพระพุทธรูปปูนปั้นลงรักปิดทอง

ในเรื่องของพระประธานนี้มีเรื่องกล่าวกันว่า สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท หลังจากเสด็จกลับจากศึกสงครามเก้าทัพครั้งนั้นได้ทรงเปลี่ยนฉลองพระองค์ ทรงถวายฉลองพระองค์ลงยันต์ (เสื้อยันต์) คลุมองค์พระประธาน และโปรดให้แม่ทัพนายกองทําเช่นนั้นเหมือนกัน เพื่อถวายเป็นพุทธบูชา

แล้วโปรดเกล้าฯ ให้โบกปูนทับอีกชั้นหนึ่งทําให้พระองค์ใหญ่ขึ้น ต่อมาในสมัยสมเด็จพระมหาธีราจารย์ เป็นเจ้าอาวาสได้พอกปูนเพิ่มปรับองค์พระองค์ให้งดงามและใหญ่โตยิ่งกว่าเดิม แล้วยกฐานชุกชีให้สูงขึ้นดังเช่นปัจจุบันนี้”

ด้วยชื่อวัดที่เป็นมงคล คือ “วัดชนะสงคราม” ทำให้เป็นหนึ่งในวัดที่ผู้คนนิยมในกิจกรรมไหว้พระ 9 วัด นั่นเอง

อ่่านเพิ่มเติม :

สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่ 


ข้อมูลจาก :

สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ. ตำนานพระพุทธรูปสำคัญ, นางสาวอุไร คนึงสุขเกษม พิมพ์ถวายเป็นมุทิตาสักการะ ในวโรกาสพระราชพิธีศุภมงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวาคม 2555 พระราชวิมล (กฤช กิตฺติวํโส น.ธ.เอก ป.ธ.3) เจ้าอาวาสวัดชนะสงครามราชวรมหาวิหาร ได้รับพระมหากรุณาธิคุณ โปรดแต่งตั้งสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นเทพในราชทินนามที่ พระเทพวิมลมุนี ศีลาจารโสภณ โกศลวิหารกิจ มหาคณิสสร บวรสังฆารามคามวาสี

พระมหาปกรณ์ กิตฺติธโร ป.ธ.9. ประวัติวัดชนะสงครามราชวรวิหาร, บมจ. มติชน จัดพิมพ์ถวายเป็นมุทิตาสักการะ ในวโรกาสพระราชพิธีศุภมงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวาคม 2553 พระมหาฤทธิ์หิรัญ ฐิตสาโร ป.ธ.9 ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดชนะสงคราม ได้รับพระมหากรุณาธิคุณ โปรดแต่งตั้งสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญในราชทินามที่ พระศรีภัททิยบดี, สำนักพิมพ์มติชน


เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 25 มีนาคม 2564