“วังปารุสกวัน” ทำเนียบและที่พักแห่งแรกของนายกรัฐมนตรีไทย

วังปารุสกวัน
วังปารุสกวัน (ภาพจาก ศิลปวัฒนธรรม ฉบับตุลาคม 2535)

“วังปารุสกวัน” เป็นวังที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ทรงมีพระราชดำริให้สร้างเป็นที่ประทับของสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ 2 พระองค์ โดยโปรดให้สร้างขึ้นเมื่อปี 2446 มีตำหนัก 2 หลังสำคัญคือ พระตำหนักสวนจิตรลดา (ตั้งอยู่ทางทิศเหนือ) ให้เป็นที่ประทับของ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ สยามมกุฎราชกุมาร (รัชกาลที่ 6) และพระตำหนักสวนปารุสกวัน (ตั้งอยู่ทางทิศใต้) ให้เป็นที่ประทับของ สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าจักรพงษ์ภูวนาถฯ

สถาปนิกที่ร่วมกันสร้างวังปารุสกวันมี 3 คน คือ นายทามาโย นายสก็อตส์ และนายเบย์โรเลรี มีเพียงนายเบย์โรเลรีคนเดียวเท่านั้นที่รับผิดชอบการก่อสร้างจนแล้วเสร็จในปี 2448 ส่วนนายทามาโยป่วยอหิวาตกโรค ต้องเดินทางกลับยุโรปไปก่อน ส่วนนายสก็อตส์ป่วยเป็นไข้ทรพิษจนถึงแก่กรรม

ภายหลังจากรัชกาลที่ 6 เสด็จขึ้นครองราชย์ ทรงย้ายไปประทับที่อื่น จึงพระราชทานพระตำหนักสวนจิตรลดาและที่ดินโดยรอบให้แก่สมเด็จฯ เจ้าฟ้าจักรพงษ์ฯ แลกกับที่ดินบริเวณท่าวาสุกรี ดังนั้น สมเด็จฯ เจ้าฟ้าจักรพงษ์ฯ จึงได้ซ่อมแซมพระตำหนักใหม่ทั้งหมด โดยมีหม่อมแคทยา พระภรรยา เป็นผู้ช่วยดูแลการประดับตกแต่ง นอกจากนี้ ยังได้รื้อกำแพงที่แบ่งเขตพระตำหนักทั้ง 2 หลังออก รวมเป็นพื้นที่เดียวกันเรียกว่า วังปารุสกวัน และได้ประดับตราประจำพระองค์ คือ จักรและกระบอง ไว้ที่ประตูและกำแพงวังโดยรอบ

ชื่อของวังปารุสกวันได้มาจากชื่อสวนของพระอินทร์บนสวรรค์ อันประกอบด้วย สวนมิสกวัน สวนปารุสกวัน สวนจิตรลดาวัน และสวนนันทวัน

เมื่อสมเด็จฯ เจ้าฟ้าจักรพงษ์ฯ สิ้นพระชนม์ วังปารุสกวันได้กลับคืนเป็นของหลวง รัชกาลที่ 6 ทรงใช้วังปารุสกวันเป็นที่รับรองพระราชอาคันตุกะและจัดพระราชพิธีสำคัญ กระทั่งถึงหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองปี 2475 คณะราษฎรใช้วังปารุสกวันเป็นสถานที่ทำการของรัฐบาลหรือทำเนียบ และใช้เป็นที่พักของนายกรัฐมนตรี โดยพระตำหนักสวนจิตรลดาใช้เป็นที่อยู่ของคณะราษฎร ส่วนพระตำหนักสวนปารุสกวันใช้เป็นทำเนียบและที่พักของพระยามโนปกรณ์นิติธาดา นายกรัฐมนตรีคนแรก

วังปารุสกวันแห่งนี้เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์สำคัญหนึ่งของไทย นั่นคือ การประชุมเค้าโครงร่างเศรษฐกิจของหลวงประดิษฐ์มนูธรรม หรือ ปรีดี พนมยงค์ โดยได้จัดประชุมคณะกรรมานุการพิจารณาเค้าโครงเศรษฐกิจ ในวันที่ 12 มีนาคม ปี 2476 ณ วังแห่งนี้

อีกเหตุการณ์หนึ่งที่สำคัญไม่แพ้กัน แต่ไม่เป็นที่รู้กันมากนัก นั่นคือ แผนลอบสังหารผู้นำรัฐบาลคณะราษฎร ในเหตุการณ์ “กบฏบวรเดช” โดย “คณะกู้บ้านกู้เมือง” ได้ประสานงานกับกลุ่มต่อต้านรัฐบาลในกรุงเทพฯ วางแผนลอบสังหารแกนนำรัฐบาลที่วังปารุสกวัน โดยเฉพาะพระยาพหลพลพยุหเสนา กับหลวงพิบูลสงคราม (จอมพล ป. พิบูลสงคราม)

ฝ่ายต่อต้านรัฐบาลคาดการณ์ว่า รัฐบาลจะตื่นตระหนกเมื่อทราบข่าวว่า คณะกู้บ้านกู้เมืองยกทัพประชิดกรุงเทพฯ เมื่อแกนนำรัฐบาลเดินออกมาสั่งการเมื่อใด มือปืนที่แอบซุ่มอยู่ก็จะลงมือสังหารทันที แล้วจะใช้มือปืนชุดที่สองสังหารมือปืนชุดแรกอีกทีเพื่อเป็นการปิดปาก แผนการนี้เรียกว่า “แผนหลั่งเลือดที่วังปารุสก์” อย่างไรก็ตาม การยกทหารบุกกรุงเทพฯ ของคณะกู้บ้านกู้เมืองถูกเลื่อนออกไป 1 วัน ทำให้ฝ่ายต่อต้านรัฐบาลในกรุงเทพฯ ไม่สามารถปฏิบัติตาม “แผนหลั่งเลือดที่วังปารุสก์” ได้อย่างที่มุ่งหวัง

วังปารุสกวันได้ใช้เป็นทำเนียบและที่พักสืบต่อมาจนถึงสมัยพระพระยาพหลฯ เป็นนายกรัฐมนตรี ก่อนจะย้ายทำเนียบไปยังวังสวนกุหลาบในเวลาต่อมา ส่วนวังปารุสกวันยังคงใช้เป็นที่พักของพระพระยาพหลฯ จวบจนท่านถึงแก่อสัญกรรมในปี 2490

จากนั้นมา วังปารุสกวันได้ใช้เป็นที่ทำงานของหน่วยงานราชการหลายหน่วยงาน ทั้งกรมเลขาธิการคณะรัฐมนตรี, สถานที่พักของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่จะเข้าประชุมรัฐสภาที่พระที่นั่งอนันตสมาคม, และสำนักงานคณะกรรมการเศรษฐกิจเอเชียและตะวันออกไหล หรือ ECAFE

จวบจนถึงปี 2495 กรมตำรวจได้ใช้เป็นกองบัญชาการ และในปี 2518 กรมประมวลข่าวกลาง (สำนักข่าวกรองแห่งชาติ) ได้ใช้พระตำหนักสวนปารุสกวัน เป็นที่ทำการ ส่วนพระตำหนักสวนจิตรลดาได้ใช้เป็นพิพิธภัณฑ์ตำรวจวังปารุสกวัน มาตั้งแต่ปี 2533

อนึ่ง พระตำหนักสวนจิตรลดาในวังปารุสกวันนี้ มิใช่ พระตำหนักสวนจิตรลดา ซึ่งหมายถึง พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน ในพระราชวังดุสิต

อ่านเพิ่มเติม :

สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่


อ้างอิง :

ประวัติวังปารุสกวัน. (เมษายน-มิถุนายน, 2555). วารสารตำรวจ. ปีที่ 48 ฉบับที่ 431.

นริศรา จักรพงษ์ และไอลีน ฮันเตอร์. แคทยา และเจ้าฟ้าสยาม. (2539). แปลโดย พันขวัญ ทิพม่อม. พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพฯ : ริเวอร์ บุ๊คส์.


เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 2 ธันวาคม 2563