วัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมาราม วัดที่ ร.4 ทรงสร้างเพื่อเป็น “ที่มั่น” ของคณะสงฆ์ธรรมยุติ

ภาพพิมพ์ลายเส้น THE ROYAL GARDEN,SIAM พระราชอุทยานสราญรมย์ วัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมาราม พระหารหลวง ปาสาณเจดีย์ พระปรางค์เขมร ตำหนัก สมเด็จพระสังฆราช
ภาพพิมพ์ลายเส้นฝีมือชาวตะวันสมัยรัชกาลที่ 5 “THE ROYAL GARDEN,SIAM” หรือพระราชอุทยานสราญรมย์ ในภาพจะเห็นวัดราชประดิษฐติดกับพระราชอุทยานฯ ทางด้านทิศใต้ปรากฏพระหารหลวง ปาสาณเจดีย์ พระปรางค์เขมร ตำหนักสมเด็จพระสังฆราช (สา ปุสฺสเทโว) และหมู่กุฏิของวัด (ภาพจาก The Living Rules of Mankind 1902, p. 244)

ในบรรดาพระมหากษัตริย์ของไทย พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ทรงผนวชยาวนานที่สุดคือ 27 พรรษา (พ.ศ. 2367-94) และใน พ.ศ. 2373 ทรงสถาปนาคณะสงฆ์ “ธรรมยุต” ขึ้น พระองค์จึงทรงมีพระสงฆ์หลายรูปเป็น “สหาย”, “ลูกศิษย์” ฯลฯ และทรงมีความผูกพันกับศาสนจักรอยู่มาก ปลายรัชกาลจึงทรงซื้อที่ดินแปลงหนึ่งสำหรับสร้าง วัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมาราม

เรื่องราวการสร้าง “วัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร” นี้ พิญชา สุ่มจินดา เขียนไว้ใน “ราชประดิษฐพิพิธทรรศนา” ซึ่งมีทั้งเบื้องลึกเบื้องหลังอย่างครบถ้วน จึงขอนำบางช่วงบางตอนมาเสนอแก่ท่านผู้อ่าน

เริ่มจากทรงซื้อที่ดินสร้างวัด ว่ากันตามจริง เมื่อพระองค์ทรงเป็น “พระเจ้าแผ่นดิน” ทรงเป็นประธานของที่ดินทั่วพระราชอาณาจักร หากมีพระราชประสงค์ที่ดินใดมาใช้สอย ย่อมสามารถใช้พระราชอำนาจ “เวนคืน” ได้

แต่พระองค์ทรงเห็นว่า ทรัพยสิทธิของแผ่นดินเป็นของกลาง ไม่ใช่ของส่วนพระองค์ ไม่ควรจะยกมาเป็นประโยชน์ต่อคณะสงฆ์ “ธรรมยุต” โดยพลการให้เสียประโยชน์ของส่วนรวม จึงทรงใช้พระราชทรัพย์ส่วนพระองค์จำนวน 1,098 บาท ซื้อที่ดิน 2 ไร่ 298 ตารางวา บริเวณทิศเหนือของพระราชวังสราญรมย์ ซึ่งเคยเป็นสวนกาแฟในสมัยรัชกาลที่ 3

แล้วทำไมพระองค์ต้องทรงสร้างวัดขึ้นใหม่

ภาพพิมพ์ลายเส้นฝีมือชาวตะวันสมัยรัชกาลที่ 5 “THE ROYAL GARDEN,SIAM” หรือพระราชอุทยานสราญรมย์ ในภาพจะเห็นวัดราชประดิษฐฯ ติดกับพระราชอุทยานฯ ทางด้านทิศใต้ปรากฏพระหารหลวง ปาสาณเจดีย์ พระปรางค์เขมร ตำหนักสมเด็จพระสังฆราช (สา ปุสฺสเทโว) และหมู่กุฏิของวัด (ภาพจาก The Living Rules of Mankind 1902, p. 244)

ด้วยทรงมีพระราชประสงค์ให้ วัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมาราม ที่จะสร้างขึ้นใหม่ เป็น “ที่มั่น” ของคณะสงฆ์ธรรมยุต ด้วยวัดหลวงธรรมยุตส่วนใหญ่เคยเป็นพระอารามหลวงมหานิกายมาก่อน ทรงห่วงใย “ศิษย์หลวงเดิม” หรือบรรดาพระสงฆ์ธรรมยุตที่พระองค์ทรงสอนมาจะไม่มีที่อาศัย

เพราะเมื่อทรงครองราชสมบัติแล้ว ศิษย์หลวงเดิมยังมิได้รับพระราชทานส่วนพระราชทรัพย์ เหมือนข้าหลวงเดิมที่เคยรับใช้เมื่อยังทรงดำรงสมณเพศ ด้วยทรงเกรงว่า หากมีการนำเงินที่ได้สึกออกไปมีภรรยา ซื้อสุรา เล่นพนัน ฯลฯ เป็นการเสื่อมเสียพระราชศรัทธา จึงพระราชทานที่ดินที่ทรงซื้อด้วยพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ ให้เป็นวิสุงคามสีมาวัดราชประดิษฐฯ เพื่อเป็น “ที่มั่น” ของคณะสงฆ์ธรรมยุต

ที่ดินผืนนี้ไม่ทรงยินยอมให้สงฆ์ที่มิใช่ธรรมยุตเข้ามาอาศัยเป็นเจ้าของ แม้แต่สงฆ์ธรรมยุตเองหากกลับใจไม่เดินตามแนวทางธรรมยุต หรือเปลี่ยนศาสนา ก็ไม่ทรงยินยอมให้อาศัยในวัดราชประดิษฐฯ เช่นกัน หากไม่มีคณะสงฆ์ธรรมยุตในโลกนี้ ก็ทรงยกที่ดินของวัดราชประดิษฐฯ ให้เป็นของพระพุทธองค์ที่เสด็จดับขันธปรินิพพาน

หรือหากในอนาคตพระเจ้าแผ่นดินองค์ใดทรงมีพระราชประสงค์ดิน วัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมาราม หรือจะให้คณะสงฆ์อื่นที่ไม่ใช่ “ธรรมยุต” มาอาศัย จะต้องทรงซื้อที่ดินพื้นที่เท่ากันหรือใหญ่กว่าในราคาไม่น้อยกว่าที่พระองค์ทรงซื้อ (อยู่ในบริเวณที่ชุมชนรังเกียจ) มาแลกกับที่ดินของวัดราชประดิษฐฯ มิเช่นนั้นจะทรงเป็น “ปสัยหาวหารอทินนาทาน” โจรกรรมโดยใช้อำนาจกรรโชกหรือลักทรัพย์

ด้วยทำเลของ วัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมาราม อยู่ใกล้พระบรมมหาราชวัง เมื่อวัดสร้างเรียบร้อย หากพระองค์ทรงว่างจากพระราชกิจจะเสด็จทรงพระแคร่คนหามมาวัดราชประดิษฐฯ เมื่อทรงสนทนาธรรมกับสมเด็จพระสังฆราช (สา ปุสฺสเทโว) อยู่ที่กุฏิท่านครั้งละนานๆ จนบางคราวถึงลงบรรทมคว่ำคุยกัน

อ่านเพิ่มเติม : 

สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่


ข้อมูลจาก :

พิชญา สุ่มจินดา. ราชประดิษฐพิพิธทรรศนา, วัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมาราม. ตุลาคม 2555


เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 24 กุมภาพันธ์ 2563