“สะพานปรีดี-ธำรง” สะพานกู้กรุงศรีฯ ของปรีดี พนมยงค์ ที่นำคนอยุธยากลับสู่เกาะเมือง

สะพานปรีดี-ธำรง โดย ปรีดี พนมยงค์ นำไปสู่ เกาะเมืองอยุธยา

“สะพานปรีดี-ธำรง” สะพานกู้กรุงศรีฯ ของ ปรีดี พนมยงค์ ที่นำคนอยุธยากลับสู่ เกาะเมืองอยุธยา

หลังจากกรุงแตกไปเมื่อปี 2310 กรุงศรีอยุธยาก็ตกเป็นสภาพเมืองร้างมาอย่างยาวนานเกือบ 200 ปี

จนถึงสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ 4 รัชกาลที่ 5 และ รัชกาลที่ 6 ก็ได้พยายามที่จะ “บูรณะ” กรุงเก่าเท่าที่จะเป็นไปได้ โดยเฉพาะหัวแรงสําคัญคือ พระยาโบราณราชธานินทร์ ได้สำรวจกรุงเก่าโดยละเอียด และบูรณะวัดสำคัญ ๆ ไว้หลายแห่ง แต่ก็ยังไม่เพียงพอที่จะพลิกฟื้นกรุงเก่าให้กลับมามีชีวิตขึ้นอีกครั้ง

กรุงศรีอยุธยาหลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง มีสภาพเป็นเมืองร้าง ประชาชนส่วนใหญ่ยังคงอาศัยอยู่ตามลำน้ำรอบเกาะเมือง การอยู่อาศัย การค้าขาย และการคมนาคม ยังคงยึดลําน้ำเป็นหลัก ภาพภายในกำแพงเมืองจึงรกร้าง เปลี่ยว เต็มไปด้วยสัตว์ป่า โจรผู้ร้าย ดังจะเห็นได้จากแผนที่ของพระยาโบราณราช ธานินทร์ และภาพถ่ายทางอากาศปี 2496

แผนที่ กรุงศรีอยุธยา โดย พระยาโบราณราชธานินทร์ พ.ศ. 2469 เกาะเมืองอยุธยา
แผนที่กรุงศรีอยุธยา โดยพระยาโบราณราชธานินทร์ พ.ศ. 2469

การพลิกฟื้นอดีตของกรุงเก่าครั้งสําคัญนี้ เกิดขึ้นโดยนาย ปรีดี พนมยงค์ ในฐานะเป็นชาวอยุธยาโดยกำเนิด ซึ่งแนวความคิดที่ว่า ต้องย้ายคนจากลำน้ำเข้าสู่ เกาะเมืองอยุธยา ให้ได้ เริ่มต้นด้วยการออกพระราชบัญญัติโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินที่เป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดิน และที่วัดร้างภายในกำแพงเมืองปี 2481 ซึ่งแต่เดิม รัชกาลที่ 5 ได้โปรดเกล้าฯ ให้สงวนที่ดินในเกาะเมืองไว้ห้ามมิให้ผู้ใดเข้ามาถือครอง มาเป็นของกระทรวงการคลัง

โดยในขณะนั้น นายปรีดีเป็นรัฐมนตรีว่าการอยู่ในรัฐบาลของจอมพล ป.พิบูลสงคราม แล้วขายที่ดินให้กับราษฎร เพื่อจูงใจให้เข้ามาตั้งบ้านเรือนในเกาะเมือง งานทั้งหมดนี้ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล เพราะสอดคล้องกับการรณรงค์เรื่องวัฒนธรรมของชาติอยู่พอดี

และตั้งแต่รัชกาลที่ 4 เป็นต้นมา การปรับปรุงพัฒนาบ้านเมืองมักมี “ถนน” เป็นตัวแปรสำคัญ ตลาดบกเริ่มมาแทนที่ตลาดน้ำ ในเกาะเมืองกรุงเก่าก็เช่นกัน มีการสร้างถนนเพิ่มขึ้น ติดตามมาด้วยหัวใจสำคัญของแผนคืนชีวิตให้กับกรุงศรีอยุธยาก็คือ สะพานปรีดี-ธำรง ถือเป็นการเปลี่ยนวิถีชีวิตของคนกรุงเก่า จากที่เคยเดินทางขนส่งสินค้าทางเรือจากจังหวัดต่าง ๆ มาสู่การใช้ถนน ซึ่งสะดวกรวดเร็วกว่า

วัดพระศรีสรรเพชญ์ พระราชวังหลวง กรุงศรีอยุธยา
ซากโบราณสถานวัดพระศรีสรรเพชญ์ ภายในพระราชวังหลวงกรุงศรีอยุธยา
สะพานปรีดี-ธำรง โดย ปรีดี พนมยงค์
สะพานปรีดี-ธำรง

นอกจากนี้ยังมีการสร้างถนนเชื่อมต่อกับถนนพหลโยธิน ซึ่งเท่ากับว่าเป็นการเชื่อมต่อกับกรุงเทพฯ โดยตรง รวมถึงการสร้างศาลากลางจังหวัดให้อยู่กึ่งกลางของเกาะเมือง ตรงดิ่งจากตัวสะพาน การจัดสร้างสาธารณูปโภค และอาคารพาณิชย์ให้เช่า แทบจะเรียกได้ว่าเป็นเมืองสำเร็จรูปในยุคนั้นทีเดียว ประชาชนจึงค่อย ๆ ขยับขยายเข้าสู่ภายในเกาะเมืองมากขึ้น

การก่อสร้างสะพานปรีดี-ธำรง เริ่มในปี 2483 เสร็จในปี 2486 และตั้งชื่อตามชาวอยุธยาในคณะรัฐมนตรี 2 ท่าน คือ นายปรีดี พนมยงค์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และหลวงธํารงนาวาสวัสดิ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม

หากพิจารณาจากจุดที่สร้างสะพานคือบริเวณวัดพิชัยสงคราม ก็เป็นจุดเดียวกับที่พระเจ้ากรุงธนบุรีรวบรวมไพร่พลตีฝ่าวงล้อมพม่าก่อนปักหลักที่บ้านโพธิ์สามหาว จะเป็นความบังเอิญหรือความตั้งใจก็แล้วแต่ ที่สำคัญจุดนี้คือจุดเริ่มต้นในการกู้กรุงศรีอยุธยา และประสบความสำเร็จทุกครั้ง

แต่อย่างไรก็ตาม แม้ความปรารถนาดีนี้จะส่งผลให้กรุงศรีอยุธยากลับมามีชีวิตอีกครั้ง แต่การพัฒนาที่ไร้ทิศทางทำให้เราพบความผิดเพี้ยนของการบูรณะ และการบุกรุกโบราณสถาน จนเกิดภาพเศร้าใจทุกครั้งที่เห็น

ต้องไม่ลืมกลับไปดูแผนที่ของพระยาโบราณราชธานินทร์ ว่าเราสูญเสียวัดไปเท่าไหร่ในการตัดถนน และสร้างเมืองในครั้งนี้ และต้องไม่ลืมกลับไปดูการสำรวจของ น. ณ ปากน้ำ กลางซากอิฐซากปูนว่าเราสูญเสียอะไรไปบ้างหลังจากสร้างเมืองแล้ว

สะพานปรีดี-ธำรง โดย ปรีดี พนมยงค์
สะพานปรีดี-ธำรง

อ่านเพิ่มเติม : 

สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่ 


หมายเหตุ : บทความในนิตยสารชื่อ สะพานปรีดี-ธำรง แผนกู้กรุงศรีอยุธยาของปรีดี พนมยงค์


เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 17 มกราคม 2563