ผู้เขียน | กองบรรณาธิการศิลปวัฒนธรรม |
---|---|
เผยแพร่ |
ประวัติศาสตร์ทันตกรรมไทย ตั้ง “โรงเรียนทันตแพทย์” ในไทยสำเร็จ เพราะ จอมพล ป. นายกฯ ปวดฟัน !?
ปวดฟัน แม้จะไม่ใช่การเจ็บป่วยรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตโดยตรง แต่ถ้าใครเคยปวดฟัน ย่อมรู้ซึ้งว่ามันทรมาน และน่ารำคาญเพียงใด แล้วในอดีตที่ยังไม่มีหรือไม่ค่อยมีทันตแพทย์หรือหมอฟัน ไม่มีแผนกทันตกรรม ไม่มีคลินิกหมอฟัน ปวดฟันขึ้นมาจะเป็นอย่างไร
มีเรื่องเล่าลือว่า โรงเรียนทันตแพทย์ แห่งแรกของไทยสามารถก่อตั้งได้ก็เพราะ จอมพล ป. พิบูลสงครามนายกรัฐมนตรีปวดฟัน!
เรื่องราวนี้บันทึกอยู่ในหนังสือ “ปกิณกคดี 100 ปี การสาธารณสุขไทย” ดังนี้
ในยุคที่ทันตกรรมสมัยใหม่ยังไม่เจริญมากนัก การรักษาโรคฟันและการทำฟันปลอม เพื่อทดแทนฟันแท้ที่หายไปเป็นหน้าที่ของช่างทำฟัน ซึ่งสันนิษฐานกันว่ามีมาตั้งแต่สมัยอยุธยาแล้ว ช่างทำฟันเหล่านี้ส่วนมากจะเป็นชาวต่างชาติ โดยเฉพาะชาวจีนและญี่ปุ่น จากหลักฐานบันทึกถึงการใช้ฟันปลอมอย่างชัดเจนในวรรณกรรมสมัยรัชกาลที่ 3 วิชาช่างที่เกี่ยวกับการทำฟันปลอมนี้ได้สืบทอดมาอย่างต่อเนื่อง และขยายเป็นการรักษาด้านอื่นที่เกี่ยวกับฟันด้วย
ร้านทำฟันของชาวจีนในย่านถนนเจริญกรุงสมัยก่อนมักจะมีการนำฟันที่ถอนออกมา ฟันปลอมชุดต่างๆ รวมทั้งครอบฟันทองที่ประดิษฐ์สำเร็จรูปแล้ว ตั้งแสดงไว้เพื่อชักชวนให้ผู้พบเห็นเกิดความเชื่อถือ นอกจากนั้นบางครั้งก็จะมีโอกาสได้พบเห็นการตีฆ้องร้องป่าวประกาศแสดงการถอนฟันในที่สาธารณะ แต่ภายหลังการประกาศใช้พระราชบัญญัติการแพทย์ฉบับแรก เมื่อ พ.ศ. 2466 ช่างทำฟันเหล่านี้ก็ค่อยๆ หมดบทบาทไป เพราะการรักษาโรคเกี่ยวกับทันตกรรมกลายเป็นหน้าที่ของทันตแพทย์ไปแล้ว ส่วนช่างทำฟันที่หลงเหลืออยู่ก็อาจรับจ้างทำฟันให้กับผู้คน โดยถือว่าเป็นเรื่องผิดกฎหมาย
คณะทันตแพทยศาสตร์ในประเทศไทยที่พัฒนามาเป็นสถาบันสำหรับฝึกสอนทันตแพทย์อย่างในปัจจุบันนี้ เริ่มต้นมาได้โดยมี ศาสตราจารย์พันเอก หลวงวาจวิทยาวัฑฒน์ (วาด แย้มประยูร) เป็นผู้บุกเบิก
ท่านเป็นนักเรียนทุนเล่าเรียนหลวงในสมัยรัชกาลที่ 6 ได้ไปศึกษาวิชาแพทยศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยสิราคิวส์ (Syracuse University) สหรัฐอเมริกาจนสำเร็จการศึกษา และเป็นนักเรียนไทยคนแรกที่ได้ไปศึกษาต่อในสาขาวิชาทันตแพทย์ จนสำเร็จปริญญาทันตแพทยศาสตรบัณฑิต (D.D.S.) จาก โรงเรียนทันตแพทย์ มหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย (University of Pennsylvania) ก่อนจะกลับมารับราชการเป็นอาจารย์ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์และศิริราชพยาบาล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ใน พ.ศ. 2469 โดยท่านได้จัดหาเก้าอี้ทำฟันที่ทันสมัย และเครื่องเอ็กซเรย์ฟันมาใช้ในโรงพยาบาลศิริราชด้วย
ในสมัยนั้น ประเทศสยามยังไม่มีโรงเรียนทันตแพทย์อย่างเป็นทางการ มีเพียงโรงเรียนทันตแพทย์ทหารบกซึ่งอยู่ในโรงเรียนแพทย์ทหารบก ทำหน้าที่ผลิตบุคลากรทันตแพทย์สำหรับการทหาร ดำเนินการโดยทหารเสนารักษ์ที่ไปช่วยรบในสงครามโลกครั้งที่ 1 ในยุโรป และมีโอกาสได้รับการอบรมดูงานทันตกรรมระหว่างสงคราม แต่โรงเรียนทันตแพทย์ทหารบกผลิตทันตแพทย์ได้รุ่นเดียวราว 10 คน ก็ล้มเลิกไป
หลวงวาจวิทยาวัฑฒน์ซึ่งเรียนจบทันตแพทย์มา ได้มองเห็นความจำเป็นที่จะต้องมีการสร้างโรงเรียนสำหรับฝึกสอนทันตแพทย์ จึงมีความพยายามที่จะผลักดันให้มีโรงเรียนทันตแพทย์ขึ้น ในจุฬากรณ์มหาวิทยาลัยใน พ.ศ. 2471 แต่ไม่ได้รับการตอบสนองแต่อย่างใด
หลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 ได้มีการปรับปรุงเรื่องสายการแพทย์ในกองทัพบก หลวงวาจวิทยาวัฑฒน์จึงถูกขอตัวจากคณะแพทยศาสตร์ฯ ไปรับราชการกับกองทัพบก ในตำแหน่งหัวหน้าอายุรแพทย์กองเสนารักษ์ จังหวัดทหารบกกรุงเทพฯ และได้เลื่อนตำแหน่งจนเป็นหัวหน้าอายุรแพทย์กองเสนารักษ์ มณฑลทหารบกที่ 1 ใน พ.ศ. 2476 และเป็นผู้บังคับกองเสนารักษ์ มณฑลทหารบกที่ 1 ใน พ.ศ. 2478 ได้เลื่อนยศเป็นพันเอก
ในช่วงนี้ เริ่มมีนักเรียนที่จบทันตแพทย์จากต่างประเทศที่ได้เข้ามารับราชการในกองเสนารักษ์ ได้แก่นายแพทย์สี สิริสิงห ซึ่งได้ทุนจากเจ้าฟ้ามหิดลอดุลยเดช กรมหลวงสงขลานครินทร์ (พระยศในขณะนั้น) ไปศึกษาวิชาทันตแพทย์จากมหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย เช่นเดียวกับหลวงวาจฯ มารับราชการ เป็นพลทหารในตำแหน่งทันตแพทย์ เมื่อ พ.ศ. 2476 และ ร.อ. ภักดี ศรลัมภ์ ซึ่งจบทันตแพทย์จากประเทศฟิลิปปินส์เข้ามารับราชการใน พ.ศ. 2479
ความพยายามที่จะผลักดันให้มีโรงเรียนทันตแพทย์ก็ยังไม่หมดไป ใน พ.ศ. 2475 และ พ.ศ. 2479 หลวงวาจวิทยาวัฑฒน์ได้ติดต่อกับศาสตราจารย์ นายแพทย์ เอ.จี. เอลลิส (A.G. Elis) อธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อการจัดตั้งโรงเรียน ทันตแพทย์ขึ้นในมหาวิทยาลัยแต่ก็ไม่เป็นผลสำเร็จทั้งสองครั้ง
จนกระทั่ง พ.ศ. 2481 ในรัฐบาลจอมพล ป. พิบูลสงคราม พันเอกหลวงวาจวิทยาวัฑฒน์จึงได้เสนอโครงการจัดตั้งโรงเรียนทันตแพทย์สำหรับราชการทหารขึ้นไป และครั้งนี้ก็ได้รับอนุมัติให้ดำเนินการได้ในกรมแพทย์ทหารบก
ผู้ใหญ่ในคณะทันตแพทย์เล่ากันมาว่า สาเหตุที่จอมพล ป. พิบูลสงคราม เห็นชอบที่จะให้ตั้งโรงเรียนทันตแพทย์นั้น มีเหตุเนื่องมาจากจอมพล ป. เกิดปวดฟันขึ้นมาอย่างหนักจนไม่สามารถจะทำอะไรได้
พันเอก หลวงวาจวิทยาวัฑฒน์จึงตามนายแพทย์สี สิริสิงห (ขณะนั้นมียศชั้นนายสิบ) มาช่วยผ่าฟันคุดให้จอมพล ป. เมื่อหายจากอาการปวดแล้วก็เห็นความสำคัญของสุขภาพฟันในหมู่ทหาร จึงยอมอนุมัติเรื่องการสร้างโรงเรียนทันตแพทย์ในกรมแพทย์ทหารบก ส่วนนายแพทย์สีได้เลื่อนยศเป็นนายร้อย
เพื่อให้การศึกษาวิชาทางทันตกรรมไม่ได้จำกัดวงอยู่ในกองทัพเพียงอย่างเดียว พันเอกหลวง วาจวิทยาวัฑฒน์ จึงได้ร่วมกับพระยาอารีดรุณพรรค ผู้ช่วยคณบดีคณะแพทยศาสตร์และศิริราชพยาบาล สนับสนุนให้มีแผนกอิสระทันตแพทยศาสตร์ขึ้น
จอมพล ป. พิบูลสงคราม ซึ่งเป็นอธิการบดีของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยก็ได้อนุมัติให้ตั้งแผนกทันตแพทย์ศาสตร์ขึ้นในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยให้พันเอกหลวงวาจวิทยาวัฑฒน์เป็นคณบดีคนแรกของแผนก และได้เปิดอย่างเป็นทางการในวันที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2483 นับเป็นจุดเริ่มต้นของคณะทันตแพทยศาสตร์ในประเทศไทย
อ่านเพิ่มเติม :
- ชาวสยามเชื่อ “ฟันดำ” ถึงจะดี เพราะอะไรถึงเปลี่ยนรสนิยมเป็นฟันขาว?
- ดูวิธีอุดฟัน, ถอนฟัน และฝังโลหะกับฟัน เมื่อ 2,000 ปีแล้ว จากหลักฐานที่ปางมะผ้า
ข้อมูลจาก :
โกมาตร จึงเสถียรทรัพย์ บรรณาธิการ. ปกิณกคดี 100 ปี การสาธารณสุขไทย, หอจดหมายเหตุสาธารณสุขแห่งชาติ, เมษายน 2561
เผยแพร่ในระบบออนไลน์เมื่อครั้งแรก 27 ธันวาคม 2562