
ผู้เขียน | ศาสตร์ตรา จันทร์ผ่องศรี |
---|---|
เผยแพร่ |
เรื่องของสีฟัน ชาวสยามเชื่อ “ฟันดำ” ถึงจะดี เพราะอะไรถึงเปลี่ยนรสนิยมเป็น “ฟันขาว” ?
เรื่องสีฟันนั้น เมื่อก่อนชาวสยามเชื่อว่า “ฟันดำ” ถึงจะดี แต่เพราะอะไรถึงเปลี่ยนรสนิยมเป็น “ฟันขาว”?
“ฟัน” อาวุธคู่กายสำหรับเอาชีวิตรอดของมนุษย์ ใช้ได้ทั้งกัด (ต่อสู้) หรือบดเคี้ยวอาหาร (ดำรงชีวิต) ภาพลักษณ์ของฟันที่เราคุ้นเคยกันดี คือจะต้องเรียงสวยและมีสีขาว แต่ในอดีตทัศนคติเรื่องสีฟันของคนไทยต่างออกไป

ฟันดำ! ถึงจะดี?
ย้อนกลับไปในสมัยสมเด็จพระนารายณ์ ชาวสยามจะนิยมฟันสีดำ ชิงชังฟันสีขาว จากบันทึกของนิโกลาส แชรแวส ชาวฝรั่งเศสระบุว่า “สิ่งที่ผู้หญิงสยามไม่อาจทนดูพวกเราได้ ก็คือตรงที่พวกเรามีฟันขาว เพราะพวกนางเชื่อกันว่า ภูตผีปิศาจเท่านั้นมีฟันขาว และเป็นเรื่องที่น่าอับอายที่มนุษย์จะมีฟันขาวเหมือนสัตว์เดรัจฉาน”
ตั้งแต่ในวัยเด็กเป็นต้นมา ชาวสยามจึงขัดฟันให้มีสีดำสนิทโดยที่ไม่เป็นอันตรายต่อเคลือบฟันด้านหน้า มีลักษณะเหมือนชาวอินเดีย นอกจากนี้ การเคี้ยวหมากก็เป็นอีกวิธีที่ทำฟันเปลี่ยนเป็นสีดำหรือสีนิล เห็นได้จากจดหมายเหตุลาลูแบร์ เรื่องผลในการกินหมาก
“ครานี้เพราะหมากและพลูทำให้เขละ หรือน้ำหมากเป็นสีแดงเพราะมีปูนแดงป้ายไปในจีบพลูด้วย เมื่อเช่นนั้นก็ละยางและสีให้ติดริมฝีปากและฟันผู้เคี้ยว ที่ปากนั้นบ้วนน้ำหมากเลยออกมา และยางหมากจับก็ลอกได้ แต่ฟันนั้นจับกรังที่ละเล็กละน้อยจนเป็นสีดำ เพราะฉะนั้นคนที่พอใจสะอ้านกายก็ย้อมฟันให้ดำ โดยเหตุที่ถ้าไม่ทำเช่นนั้นเสียแล้ว น้ำหมากของหมากพลูที่ผสมปูนเขละอยู่ตามฟันขาว ทำให้ไม่น่าดู เหมือนคนสามัญ จับเฟอะอยู่”
ชาวสยามยุคนั้นเชื่อว่าการมีฟันดำ หรือฟันสีนิล เป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงความแข็งแรงและความสวยงามของฟัน เห็นได้จากกาพย์ห่อโคลงนิราศธารโศกของเจ้าฟ้ากุ้ง ที่ชมฟันผู้หญิงว่า “พิศฟันรันเรียงเรียบ เป็นระเบียบเปรียบแสงนิล” และบทชมโฉมนางสีดาที่ว่า “พิศทนต์ดังนิลอันเรียบราย”
จากข้อความของกาพย์ห่อโคลงนิราศธารโศก และบทชมโฉมนางสีจากเรื่องรามเกียรติ์ ชี้ให้เห็นว่า สีฟันที่งามในทรรศนะของผู้ประพันธ์นั้นต้องสีออกไปทางดำ
สมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งเป็นยุคแห่งการเปิดรับสิ่งใหม่ ด้วยสถานการณ์บ้านเมืองหลังการทำสนธิสัญญาเบาว์ริง ส่งผลให้ชาวต่างชาติเข้ามาในประเทศจำนวนมาก เป็นเหตุให้สยามต้องเปลี่ยนแปลงเพื่อให้เกิดความศิวิไลซ์ การรับวัฒนธรรมจากตะวันตกได้ส่งผลให้วิถีชีวิตของชาวสยามบางกลุ่มเริ่มเปลี่ยนไป เช่น กษัตริย์ ราชวงศ์ และชนชั้นสูง
หลังพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเสด็จเยือนยุโรปครั้งแรกในปีพุทธศักราช 2440 ทัศนคติเรื่องสีฟันของพระองค์ก็ได้เปลี่ยนไป

จุดเปลี่ยนแปลงของ “ฟัน” จาก ฟันดำ เป็น ฟันขาว
ดังปรากฏหลักฐานในพระราชหัตถเลขาของพระองค์เอง ที่ทรงมีถึงสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ เป็นฉบับแรก ( 7 เมษายน พุทธศักราช 2440)
“ได้ลงมือเอาถ่านถูฟัน มันเค็ม ๆ คลื่นไส้ ต้องเอาทั้งดุ้นเข้าถูพอบาง ๆ ออกไปได้ แลเห็นขาวซีกเดียว อยู่ข้างจะเบื่อเต็มที พรุ่งนี้หมอรับจะจัดการ ลืมตัวจะเรียกกินหมากร่ำไป ตั้งแต่แม่เล็กไปแล้ว ได้กิน 2 คำเท่านั้น”
ทรงกล่าวถึงการขัดพระทนต์อีกครั้ง ในวันรุ่งขึ้น
“พระการใหญ่ในเรื่องขัดฟัน ประดักประเดิดเต็มที วันนี้เกือบจะว่าถูกยังค่ำได้ ต้องสำเร็จกันด้วยมีด พอหินปูนหมดข้างนอก แต่ยังเขรอะขระน่าเกลียด ฉันเห็นอัศจรรย์ ที่หินปูนเข้าใจว่าน้อย พอขูดเข้าแล้ว ฟันเล็กลงเป็นกอง”
คาดการณ์ว่า พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเพิ่งเริ่มมาขัดพระทนต์ให้ขาวตามแบบฝรั่ง เมื่อเสด็จไปยุโรปครั้งแรก เพื่อปรับตัวให้เป็นไปตามอารยประเทศที่จะเสด็จไปเยือน
สมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ยิ่งเห็นได้ชัดเจนว่าชนชั้นนำของสยามนั้นนิยม ฟันขาว เพราะรัชกาลที่ 6 ประกาศไว้ชัดเจนว่า “ทรงนิยมฟันขาวและชังคนฟันดำ”
ในยุคจอมพล ป.พิบูลสงคราม ถือเป็นจุดเปลี่ยนเรื่องสีฟันอย่างจริงจัง เพราะรัฐบาลได้ออกประกาศชักชวน (เชิงบังคับ) ให้เลิกกินหมาก ออกเมื่อวันที่ 25 มกราคม พุทธศักราช 2482 คณะรัฐมนตรีมีมติว่า ให้กระทรวง ทบวง กรม แนะนำชักชวนข้าราชการเลิกรับประทานหมาก
ต่อมาในวันที่ 31 สิงหาคมปีเดียวกัน มีประกาศชักชวนข้าราชการกระทรวงกลาโหมให้เลิกกินหมาก มีการชี้แจงโทษของการกินหมาก เช่น สมัยนี้ฟันดำกลับกลายเป็นสิ่งไม่เจริญตา อารยชนในประเทศต่าง ๆ เห็นว่าการกินหมากไม่เป็นกิจประเพณีที่เหมาะสมเลย หมากไม่ได้เพิ่มความงามประการใดให้แก่วงหน้า แต่กลับทำให้หน้ากร้านและดูแก่เกินอายุอีกด้วย
เรื่องฟันขาวฟันดำอย่างในปัจจุบันนั้น มีจุดเริ่มต้นในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวก็จริง แต่กว่าจะจูงใจผู้คนให้หันมามีฟันขาวได้ก็ล่วงเลยมาจนถึงยุคของจอมพล ป.พิบูลสงคราม
แม้ในระยะแรกเรื่องของสีฟันจะอยู่ในกลุ่มชนชั้นนำของสยาม เมื่อเวลาผ่านไปความนิยมได้กระจายสู่คนกลุ่มอื่น ดังจะเห็นได้จากเมื่อชาวสยามเราฉีกยิ้ม ริมฝีปากจะค่อย ๆ ยกตัวขึ้น ให้ฟันแทรกออกมา เพื่อให้เห็นฟันสีขาวที่ตัดกับปากสีชมพูแดง อันถือเป็นเสน่ห์บนใบหน้า ฉะนั้นจะฟันดำหรือฟันขาวก็คือฟันเราชาวสยาม
อ่านเพิ่มเติม :
สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่
อ้างอิง :
พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์. จดหมายเหตุลาลูแบร์. กรุงเทพฯ : คุรุสภา, 2505.
วิริยา ศิวะยานนท์ และ ทวีวัฒน์ ปุญฑริกวิวัฒน์. บุคลิกภาพและลักษณะนิสัยของคนไทยในทรรศนะของชาวตะวันตก สมัยอยุธยา – พ.ศ. 2475. กรุงเทพฯ : ไทยวัฒนาพานิช, 2523.
อเนก นาวิกมูล. อยู่อย่างชาวสยาม. กรุงเทพฯ : แสงแดด, 2537.
เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 7 กุมภาพันธ์ 2562