
เผยแพร่ |
---|
…เมื่อถึงวันที่ 12 มิถุนายน มีการจัดพิธีมอบปริญญาที่มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ตามกำหนด แต่รัชกาลที่ 5 ไม่ได้เสด็จฯ ไปในพิธี รัชกาลที่ 5 ทรงระบุถึงสาเหตุไว้ 2 ประการ ดังปรากฏในพระราชหัตถเลขามีไปยังสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ก่อนจะถึงวันพิธีว่า
‘วันที่ 25 เปนวันจะได้รับดีกรีเคมบริช เรื่องรับดีกรีนี้ประดักประเดิดมาก เหตุด้วยเวลาไม่เหมาะตามโปรแกรม ทั้งรพีแลจรูญตักเตือนว่าการที่จะไปรับนั้นบางทีสตูเดนต์อยู่ข้างจะคะนองมาก ไม่ไปเหนจะดีกว่า ฉันจึ่งได้กะเวลาคลาศเสีย’
‘รพี’ คือ พระเจ้าลูกยาเธอพระองค์เจ้ารพีพัฒนศักดิ์ กรมหมื่นราชบุรีดิเรกฤทธิ์ (เสนาบดีกระทรวงยุติธรรม) เสด็จยุโรปล่วงหน้าเพื่อเตรียมการรับเสด็จ ส่วน ‘จรูญ’ คือหม่อมเจ้าจรูญศักดิ์กฤดากร อัครราชทูตประจำฝรั่งเศส (และประเทศอื่นๆ เช่น อิตาลี)
กล่าวสั้นๆ สาเหตุที่ทำให้รัชกาลที่ 5 ไม่เสด็จฯ ไปในพิธี ได้แก่ ประการแรก วันจัดพิธีของมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ไม่สอดคล้องกับหมายกำหนดการเสด็จฯ และประการที่ 2 มีพระราชประสงค์ที่จะเลี่ยงเสด็จฯ ไปในพิธีดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่า สาเหตุประการที่ 2 คือที่มาของสาเหตุประการแรก นั่นคือคำคัดค้านของกรมหมื่นราชบุรีดิเรกฤทธิ์ และหม่อมเจ้าจรูญศักดิ์กฤดากร ที่ทรงเห็นคล้ายกันว่า ‘บางทีสตูเดนต์อยู่ข้างจะคะนองมากไป ไม่ไปเหนจะดีกว่า’
‘สตูเดนต์อยู่ข้างจะคะนองมาก’ ซึ่งทรงยกขึ้นมาเป็นเหตุผลนั้น น่าจะหมายถึง การมีนักศึกษาโห่ร้องหรือหยอกล้อผู้ได้รับปริญญาหลังเสร็จพิธี ซึ่งมีขึ้นเป็นประเพณีของมหาวิทยาลัย ดังเช่นที่หนังสือพิมพ์ลงข่าว

สาเหตุที่รัชกาลที่ 5 ทรงรับฟังและทรงเลี่ยงที่จะเสด็จอาจเป็นเพราะผู้กราบบังคมทูลทัดทานทั้ง 2 พระองค์เป็นผู้ใกล้ชิดและเคยศึกษาในมหาวิทยาลัยในอังกฤษมาก่อน กรมหมื่นราชบุรีดิเรกฤทธิ์ทรงสำเร็จการศึกษามหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดใน พ.ศ. 2437 และหม่อมเจ้าจรูญศักดิ์กฤดากรทรงสำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ใน พ.ศ. 2439
จากคำคัดค้านด้วยเกรงว่านักศึกษามหาวิทยาลัยเคมบริดจ์จะแสดงกิริยาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพได้ รัชกาลที่ 5 จึงทรงต้อง ‘กะเวลาคลาศเสีย’ หรือวางหมายกำหนดการใหม่ ให้ตรงกับพิธีมอบปริญญาของมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ เพื่อที่พระองค์จะได้ไม่ต้องเสด็จฯ ไปในพิธีดังกล่าว…
ทั้งนี้ เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อครั้งที่พระองค์เสด็จฯ ไปยุโรปเป็นครั้งที่ 2 (27 มีนาคม พ.ศ. 2449 – 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2450) โดยทางมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ได้กราบบังคมทูลขอพระบรมราชานุญาตทูลเกล้าฯ ถวายปริญญากิตติมศักดิ์ก่อนการเสด็จฯ ไม่นาน
ซึ่งในการเสด็จฯ เยือนยุโรปครั้งแรกก่อนหน้านั้น 10 ปี มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดก็มีมติทูลเกล้าฯ ถวายปริญญานิติศาสตร์ดุษฎีบัณฑิตทางกฎหมายแพ่งแด่พระองค์มาก่อน แต่พระองค์ก็มิได้ทรงร่วมพิธีเช่นเดียวกัน ทางมหาวิทยาลัยจึงส่งปริญญาไปยังสถานทูตไทยในกรุงลอนดอนเพื่อทูลเกล้าฯ ถวายต่อไป
ส่วนเมื่อครั้งที่พระองค์ทรงปฏิเสธที่จะเสด็จฯ ไปในพิธีทูลเกล้าฯ ถวายปริญญาที่มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ในครั้งเสด็จฯ เยือนยุโรปครั้งที่ 2 นี้ เบื้องแรกพระองค์มีพระบรมราชานุญาตให้ทางมหาวิทยาลัยส่งปริญญาไปยังสถานทูตไทยในกรุงลอนดอนเช่นเดียวกับเมื่อครั้งของมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด
แต่ทางเคมบริดจ์ยังไม่ละความพยายาม ขอพระบรมราชานุญาตจัดพิธีทูลเกล้าฯ ถวายเป็นการพิเศษที่คฤหาสถ์ของดุ๊คแห่งเดวอนเชียร์ (Duke of Devonshire) นายกสภามหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ซึ่งพระองค์พระราชทานพระบรมราชานุญาต
อ่านเพิ่มเติม :
สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่
หมายเหตุ : คัดเนื้อหาส่วนหนึ่งจากบทความ “ที่มาของปริญญา ‘หมอกฎหมาย’ และพระบรมฉายาลักษณ์ในฉลองพระองค์ครุย ของรัชกาลที่ 5” เขียนโดย พ.อ.ผศ.ดร. ศรศักร ชูสวัสดิ์ ในศิลปวัฒนธรรม ฉบับพฤศจิกายน 2553
เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 16 กันยายน 2561