กำเนิด “เพลงค่าน้ำนม” ครูไพบูลย์แต่งให้แม่ที่ดูแล ไม่รังเกียจโรคร้ายของลูก

ครูไพบูลย์ บุตรขัน ผู้แต่ง เพลงค่าน้ำนม
ครูไพบูลย์ บุตรขัน และคนในครอบครัว (ภาพจาก ราชานักแต่งเพลงลูกทุ่งไทย ไพบูลย์ บุตรขัน)

กำเนิด “เพลงค่าน้ำนม” ที่เปรียบเสมือน “เพลงวันแม่” ครูไพบูลย์ บุตรขัน แต่งให้แม่ที่ดูแล ไม่รังเกียจโรคร้ายของลูก

“แม่นี้มีบุญคุณอันใหญ่หลวง…” ประโยคขึ้นต้นเพลงค่าน้ำนม อันเป็นอมตะอยู่ในความทรงจำของชาวไทยทุกรุ่น บทเพลงนี้กลายเป็น เพลงวันแม่ ไปโดยปริยาย ความเป็นมาของเพลงนี้มีที่มาน่าเห็นใจ เพราะมาจากประสบการณ์การเจ็บป่วยในระยะที่โรคร้ายคุกคาม ครูไพบูลย์ บุตรขัน คีตกวีลูกทุ่ง แต่ก็ยังได้แม่ที่เฝ้าดูแลโดยไม่รังเกียจใดๆ บทเพลงนี้นอกจากจะกลายเป็นเพลงที่น่าจดจำแล้วยังแจ้งเกิดให้กับนักร้องที่มีโอกาสบันทึกเสียงด้วย

ข้อมูลเกี่ยวกับ เพลงค่าน้ำนม มีผู้รู้นำเสนอว่า ต้นฉบับบันทึกลงแผ่นเสียงครั่ง เล่นระบบ 78 รอบต่อ 1 นาที วางจำหน่ายเมื่อ พ.ศ. 2492 เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้นักฟังเพลงรู้จักครูไพบูลย์ บุตรขัน ส่วนนักร้องที่บันทึกเสียงคือ ชาญ เย็นแข ซึ่งเป็นเพลงที่พลิกชะตานักร้องคนหนึ่งอย่างสิ้นเชิง จากเดิมที่ชาญเป็นนักร้องสลับหน้าม่านละครเวที ก็กลายมาเป็นนักร้องแถวหน้าของเมืองไทย

ลาวัลย์ โชตามระ นักหนังสือพิมพ์หญิง เขียนสารคดีชื่อ “ไพบูลย์ บุตรขัน นักแต่งเพลง ‘ประวัติการณ์'” ช่วง พ.ศ. 2508 หลังจากที่ไพบูลย์สูญเสีย นางพร้อม ประณีต (นามสกุลเดิมของไพบูลย์คือประณีต) เมื่อวันที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2508 ลาวัลย์เป็นผู้ช่วยเหลือหาแพทย์มาช่วยรักษาโรค และหาทนายความมาจัดการมรดกให้ด้วย เรื่องราวที่ถ่ายทอดในเนื้อหาจึงแสดงให้เห็นว่าไพบูลย์รักแม่มากที่สุด จนกลายเป็นแรงบันดาลใจมาสู่การแต่งเพลงชุด “แม่”

อาการป่วยของไพบูลย์เกิดขึ้นเมื่อทำงานที่การไฟฟ้าช่วง พ.ศ. 2483 ขณะอายุเพียง 22-23 ปี มีผู้พบเห็นเขาพันผ้าพันแผลไว้ที่มือรอบนิ้วเหมือนนักมวยพันก่อนสวมนวม และมักเอามือที่ไม่ใช้หลบสายตาผู้คน ช่วงเวลาที่โรคร้ายเกาะกินนี้ไล่เลี่ยกับช่วงที่เขาแต่งเพลงเป็นอาชีพ เชื่อว่าอยู่ในราว พ.ศ. 2492 อย่างไรก็ตาม ไพบูลย์เริ่มมีอาการป่วยมาก่อนหน้านั้นบ้างแล้ว โดย เลิศชาย คชยุทธ บรรยายว่า เมื่อ พ.ศ. 2485 ครูไพบูลย์ บุตรขัน เก็บตัวรักษาอาการอยู่ตลอดระยะเวลาที่สงครามปะทุขึ้น และหารายได้ด้วยการแต่งหนังสือนิทานสำหรับเด็ก แต่เงินที่ได้จากการแต่งผลงานเพลงและทำงานก็ไม่พอ เนื่องจากได้มาเป็นจำนวนน้อย ส่วนยาที่ซื้อมารักษาตัวก็แพง โดยราคาเพลงของครูไพบูลย์ช่วงแรกอยู่ที่ 40-50 บาทต่อเพลงเท่านั้น

ข้อเขียนส่วนหนึ่งของลาวัลย์ มีใจความว่า

“แม้ในขณะที่โรคร้ายคุกคามเขาอย่างรุนแรง แม่ก็เฝ้าปรนนิบัติพยาบาลโดยไม่มีความรังเกียจเกลียดกลัวเลยแม้แต่น้อย ทั้งๆ ที่โรคที่เขาเป็นนั้น เป็นโรคร้ายที่ติดต่อกันได้ง่าย”

ช่วงปี 2502 ครูไพบูลย์ทรมานจากโรคอย่างมากจนต้องบรรเทาด้วยยาเสพติด แต่ก็ยิ่งทรุดลง กระทั่ง บังเละ ดาวตลกชื่อดังสมัยนั้นทราบข่าว จึงชักชวนให้ไปรักษาที่ถ้ำกระบอก จังหวัดสระบุรี เมื่อหายดีก็กลับมาพักฟื้นที่บ้านพักในปทุมธานีจนถึงปี 2508 ครูไพบูลย์ก็สูญเสียแม่ไป หลังจากนั้นก็แต่งเพลงบันทึกเสียงเรื่อยมา ส่วนหนึ่งมีแต่งเพลงชุด “แม่” อันได้แก่เพลง ค่าน้ำนม อ้อมอกแม่ ชั่วดี ลูกแม่ ฯลฯ ซึ่งในยุคนั้นทางการยังจัดงานวันแม่อยู่ ก็ได้รับยกย่องให้เป็นเพลงประจำวันแม่ไปด้วย

เพลงค่าน้ำนม ซึ่งมีภาพจำว่าเป็น “เพลงวันแม่” ไปแล้ว บันทึกเสียงที่ห้องอัดเสียงกมลสุโกศล ตั้งอยู่ชั้นบนโรงภาพยนตร์เฉลิมไทย ครูประกิจ วาทยกร (ลูกชายพระเจนดุริยางค์) และ ครูสง่า อารัมภีร เรียบเรียงเสียงประสาน ใช้วงดนตรีคณะละครศิวารมณ์บรรเลง เดิมทีวางให้ บุญช่วย หิรัญสุนทร เป็นคนร้องบันทึกแผ่นเสียง แต่ด้วยความบังเอิญจึงทำให้ “ชาญ เย็นแข” ได้เป็นนักร้องแทนเพื่อนไป เหตุผลของเรื่องนี้ ชาญเล่าในรายการลำนำเพลงจากไพบูลย์ บุตรขัน เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2528 ว่า

“วันหนึ่ง ห้องอัดเสียงสมัยนั้นอยู่ชั้นบนโรงหนังเฉลิมไทย ผู้อัดแผ่นเสียงเป็นซาวด์แมน คือ ชาวอินเดีย มาจากอินเดีย ซึ่งบริษัทเทมาโฟน เขาเป็นผู้จ้างมาอัดบันทึกเสียง สมัยนั้นเป็นแผ่นครั่งที่ตกแตกแผ่นครั่ง 78 ผมตามหลังพี่สง่า อารัมภีร ซึ่งเป็นครูบาอาจารย์ผมคนหนึ่ง ท่านพาผมมา ท่านบอกพรุ่งนี้จะอัดเสียงกัน ตอนนั้นผมเป็นนักร้องหัดใหม่สลับฉากคณะละครศิวารมณ์ที่โรงภาพยนตร์เฉลิมนคร ตอนนั้น พ.ศ. 2492”

สมัยนั้นการอัดแผ่นเสียงจะต้องอัดพร้อมกัน ร้องพร้อมกับดนตรี นัดแนะกันไว้ว่าอัด 10 โมง แต่บุญช่วยไปเชียงใหม่ รอจนถึงบ่ายก็ยังไม่พบตัว ทุกคนกระวนกระวาย และเป็นครูสง่าที่เสนอ แพ็ท ซิเกรา (อาของแมนรัตน์ ศรีกรานนท์) ผู้อำนวยการอัดแผ่นเสียงของบริษัทนำไทย ให้ชาญเป็นคนร้อง ตอนแรกแพ็ทปฏิเสธโดยให้เหตุผลว่า “ไม่เอาหรอก เดี๋ยวแผ่นเสียงขายไม่ได้ ไม่ได้ๆ”

เวลาผ่านไปบุญช่วยก็ยังไม่มา จึงต้องหันกลับมาที่ตัวเลือกนักร้องหัดใหม่ ซึ่งชาญเล่าว่า เข้าไปยืนมือสั่น ร้องให้ฟัง ร้องได้เที่ยวเดียวกับดนตรี เมื่อฟังแล้วแพ็ทก็ปรบมือ แล้วบอกว่า “ใช้ได้ๆๆ อัดเลย อัดทันที”

ชาญเล่าอีกว่า “ผมร้องวันนั้น 4 ครั้ง หรือ 5 ครั้ง จำไม่ได้ เหงื่อแตกมากเลยครับ ร้องเสร็จก็เป็นแผ่นมาจนทุกวันนี้ แผ่นรุ่นเก่า ผมได้ผลประโยชน์ตอบแทนในวันนั้น 50 บาท ค่าร้องเพลงละ 50 บาท สมัยนั้นดอลลาร์ละ 7 บาท”

บุญเลิศ ช้างใหญ่ ผู้เขียนหนังสือ “ไพบูลย์ บุตรขัน อัจฉริยะคีตกวีลูกทุ่งผู้อาภัพ” เล่าว่า หลังจาก เพลงค่าน้ำนม ออกจำหน่าย ช่วงเวลาไม่นานเพลงก็โด่งดัง ชื่อเสียงชาญ เย็นแข ที่เพิ่งมีผลงานแผ่นเสียงเพลงแรกและชุดแรกก็ได้รับความนิยมจากนักฟังเพลงอย่างมาก ควบคู่ไปกับชื่อของไพบูลย์ บุตรขัน

หลังจากโด่งดัง ครูไพบูลย์ บุตรขัน ป่วยด้วยโรคลำไส้ เมื่อ พ.ศ. 2511 เข้ารักษาตัว 15 วัน เลิศชาย คชยุทธ เล่าว่า หลังหายป่วยครั้งนั้น แต่งเพลงออกมาทุกเพลงก็โด่งดังเป็นที่ชื่นชอบ ได้ย้ายไปอยู่บ้านของตัวเองที่ศักดิ์ชัยนิเวศน์ กระทั่งภายหลังครูไพบูลย์เสียชีวิตด้วยโรคลำไส้ เมื่อ พ.ศ. 2515 รวมอายุ 54 ปี

อ่านเพิ่มเติม : 

สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่ 


อ้างอิง :

บุญเลิศ คชายุทธเดศ (ช้างใหญ่) (เลิศชาย คชยุทธ). ไพบูลย์ บุตรขัน อัจฉริยะ คีตกวีลูกทุ่งผู้อาภัพภาคสมบูรณ์. กรุงเทพฯ : งานดี, 2560

ปฐวพล วราณุรังษี. “หยดหนึ่งน้ำนมกิน ทดแทนไม่สิ้น พระคุณ…” (ใครหนอ?). ใน ศิลปวัฒนธรรม สิงหาคม 2546.


เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 12 สิงหาคม 2562