ทำไมชื่อ“ไอศกรีมซันเด”? ทำไมต้องวันอาทิตย์?

ไอศกรีมซันเด
ไอศกรีม ซันเด (ice cream sundae ภาพจาก pixabay.com)

สงสัยกันไหมว่า “ไอศกรีมซันเด” เกี่ยวข้องอะไรกับ “วันอาทิตย์”? 

ราวทศวรรษ 1920-1930 มีการรณรงค์ห้ามดื่มแอลกอฮอล์ในสหรัฐอเมริกา โดยกลุ่มคนหลากหลายที่ต้องการทำงานเปลี่ยนแปลงด้านสังคม เช่น ตั้งพรรคการเมืองเพื่อการละเว้นของมึนเมาแห่งชาติ (The National Prohibition Party) ที่ส่งผู้สมัครปลอดแอลกอฮอล์ลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดี, กลุ่มต่อต้านสถานเริงรมย์ (The Anti-Saloon League) ฯลฯ

พวกเขายังพยายามโน้มน้าวให้เคาน์เตอร์เครื่องดื่มอัดลมเลิกขายไวน์และสุรา หันมาขายเครื่องดื่มอื่นๆ หนึ่งในจำนวนนั้นคือ ไอศกรีมโซดา ซึ่งก็ได้รับความนิยมจากผู้บริโภคอย่างรวดเร็ว

ช่วงเวลานั้น ที่รัฐอิลลินอยส์มีการพิจารณาคดีของสามีภรรยาคู่หนึ่ง ศาลตัดสินภาคทัณฑ์สามีเป็นเวลา 1 ปี โดยมีเงื่อนไขว่าต้องเลิกข้องแวะกับเหล้ายาและหันมากินไอศกรีมโซดาแทน

หากในรัฐเพนซิลเวเนียกลับเป็นไปในทางตรงกันข้าม ภรรยาคนหนึ่งได้รับอนุญาตให้หย่าขาดจากสามีได้ เพราะฝ่ายชายหมกตัวอยู่แต่เคาน์เตอร์น้ำอัดลมดื่มเครื่องดื่มผสมโซดามากเกินไป จนละเลยไม่ใส่ใจดูแลฟาร์มสัตว์ปีกของครอบครัว

ความเปลี่ยนแปลงอย่างคาดไม่ถึงเกิดขึ้น เมื่อหลายเมืองในสหรัฐอเมริกาผ่านกฎหมายคัดค้านการดื่มน้ำโซดาในวันอาทิตย์ หรือ Lord’s Day (นักเทศน์ออกโรงเทศน์คัดค้านเอง) มีการกำหนดห้ามขายน้ำโซดาหลายพื้นที่เป็นการเฉพาะเจาะจง ซึ่งร่วมทั้งไอศกรีมโซดาด้วย

นั่นทำให้เกิด “ไอศกรีม” แบบใหม่ที่เรียกว่า “ไอศกรีมซันเด”

ย้อนไปใน ค.ศ. 1881 ที่เมืองทูริเวอร์ส ในรัฐวิสคอนซิน เภสัชกร เอ็ดวาร์ด บาร์เนอร์ เอาไอศกรีมใส่น้ำเชื่อมช็อกโกแลตให้ลูกค้าแทนที่จะเป็นโซดาอย่างที่ขอ และด้วยราคาแค่หนึ่งนิกเกิล ใครก็ตามสามารถซื้อ “ไอศกรีมใส่น้ำเชื่อม” ตำรับปรุงใหม่ของเขาได้ แต่ก็ซื้อได้เฉพาะวันอาทิตย์เท่านั้น

เล่ากันว่ามีเด็กผู้หญิงเล็กๆ คนหนึ่งไปที่ร้านในวันธรรมดาแล้วบอกว่า ให้สมมุติว่ามันเป็นวันอาทิตย์ก็แล้วกัน เธอก็เลยได้ไอศกรีมใส่น้ำเชื่อมมากินสมใจ นี่คือต้นกำเนิดของซันเดที่ไม่ใส่โซดา

อีกกระแสเล่ากันว่า เด็กน้อยไปที่ร้านขายยาที่ชื่อว่าจิฟฟีส์ ในเมืองมานิโตวัค ในวิสคอนซิน เมืองที่ห่างไปจากทูริเวอร์สแค่ 6 ไมล์เท่านั้น ส่วนรายละเอียดอื่นๆ ทั้งหมดไม่มีอะไรแตกต่างไปยกเว้นแค่สถานที่

ใน ค.ศ. 1892 ที่เมืองอิทากาในนครนิวยอร์ก เภสัชกร เชสเตอร์ ซี. แพลทท์ เกิดมีแรงดลใจขึ้นมาอย่างปุบปับไม่รู้เนื้อรู้ตัว ตอนที่เขาจัดไอศกรีมวานิลลาถวายพระที่โบสถ์ยูนิทาเรียนในละแวกนั้น

กรณีของแพลทท์ก็คือ เขาใช้น้ำเชื่อมเชอร์รี่ราดไปบนไอศกรีมจนทั่ว และใช้เชอร์รี่เชื่อมแต่งให้มันดูน่ากินขึ้นอีก “เชอร์รี่ ซันเด” ของเขาราคา 10 เซนต์ และดูเหมือนว่าเมืองอิทากาจะคึกคักพอสมควร เพราะในปี 1897 ก็มีร้านขายยาร้านอื่นออกมาอ้างว่าเป็นต้นคิดชื่อ “ซันเด” (sundae) นั่นก็คือร้าน เดอะ เรด ครอส ฟาร์มาซี ที่ตั้งอยู่ตรงข้ามโรงแรมอิทากา

เนื่องจากบาร์ของโรงแรมปิดในวันซับบาธ ซึ่งเป็นวันประกอบพิธีทางศาสนาและพักผ่อนของชาวคริสต์ ลูกค้าก็เลยเดินข้ามถนนไปที่ร้านขายยาฝั่งตรงข้ามเพื่อหาของน่ากินที่ไม่ฝืนความรู้สึกของสังคม และใช้ตัวสะกดแบบใหม่ทันสมัย (sundae ไม่ใช่ sunday)

ที่น่าสนใจอีกที่คือเมืองเอวานสตัน รัฐอิลลินอยส์ ซึ่งชาวเมืองเชื่อมั่นว่าที่นี่เป็นแห่งแรกที่ใช้คำว่า “ไอศกรีมซันเด” (“ice cream sundae”) ส่วนที่ต่างออกไปก็อย่าง sundhi หรือ sundaye ก็มีในถิ่นอื่นๆ แต่ไม่ค่อยจะรุ่งเท่าไหร่ คำว่าซันเดที่สะกดว่า “Sundae” นั้น บ่งบอกถึงความนบนอบ อีกทั้งยังไม่สับสนกับคำว่าซันเดย์ที่แปลว่า วันอาทิตย์ ซึ่งเป็นวันพักผ่อนของชาวคริสต์ด้วย

ไม่ว่าความจริงของเรื่องราวที่แข่งกันอ้างทั้งหมดนี้จะเป็นอย่างไร ไอศกรีมที่ปราศจากโซดาก็ยังต้องฝ่าฟันอยู่ต่อไป ไม่นานที่นิวยอร์กซิตี้แห่งเดียว เคาน์เตอร์ขายน้ำอัดลมก็มีจำนวนมากกว่าร้านขายเหล้า เพราะตอนที่กฎหมายห้ามการผลิตและขายสุราบังคับใช้เมื่อปี 1920 บาร์ในโรงแรมหลายแห่งเปลี่ยนสภาพไปเป็นร้านไอศกรีม โรงเหล้ากลายเป็น โรงงานไอศกรีม

ระหว่างการประชุมใหญ่ของผู้ผลิตไอศกรีมครั้งหนึ่ง ผู้เข้าร่วมประชุมพากันร้องเพลงเปิดประชุมที่เอาทำนองเพลง “โอลด์ แบล็ค โจ” มาใส่ แต่ร้องท่อนขึ้นต้นกันว่า “วันเวลาผันเปลี่ยนเวียนไปตอนที่พ่อของเราเมาหยำเป” ส่วนท่อนจบร้องว่า “เขามาแล้ว เขามาแล้ว พวกเราเห็นเขาเข้าใกล้มาแล้ว พ่อหิ้วไอศกรีมหนักอึ้งกลับบ้าน แทนที่จะกอดขวดเบียร์กลับมา”

อ่านเพิ่มเติม :

สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่


ข้อมูลจาก :

อิสสริยา พรายทองแย้ม (แปล). ไอศกรีม ประวัติศาสตร์แสนอร่อย, สำนักพิมพ์มติชน 2554


เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 22 พฤษภาคม 2562