คู่มือ “เทคนิคทำรัฐประหาร” 2 เล่มที่ทรงอิทธิพลสุดในโลก “มาลาปาร์เต” ถึง “ลุตทวาค”

ภาพเขียน อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ กับ ภาพถ่าย เคอร์ซิโอ ลาปาร์เต
(ซ้าย) ภาพเขียนของอดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ผู้นำนาซีเยอรมัน, AFP PHOTO / INP (ขวา) ภาพถ่ายเคอร์ซิโอ ลาปาร์เต ที่กำแพงเมืองจีน เมื่อ 1956 จากหนังสือ "Io, in Russia e in Cina"

หนังสือเป็นแหล่งรวบรวมความรู้แห่งใหญ่ของมวลมนุษยชาติ ไม่ว่าจะสนใจหรือค้นหาเรื่องอะไรก็ตาม เชื่อว่าในโลกใบนี้ต้องมีหนังสืออย่างน้อยสัก 1 เล่มที่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่ค้นหาและสนใจอยู่ และหากคุณเป็นคนที่สนใจกิจกรรมอีกแบบอย่างเรื่องการทำ “รัฐประหาร” หนังสือเกี่ยวกับเรื่องทำนองนี้ก็มีให้คุณอ่านได้เช่นกัน

เมื่อพูดถึงหนังสือหรือคู่มือที่ประกอบด้วยข้อมูลเกี่ยวกับการทำรัฐประหาร ซึ่งเป็นที่พูดถึงมากที่สุดจนถึงในปัจจุบัน นักรัฐศาสตร์หรือคอหนังสือต้องนึกถึงหนังสืออันลือลั่นเป็นภาษาฝรั่งเศสว่า Coup D’etat: The Technique of Revolution แปลเป็นไทยแบบกระชับรวบรัดว่า “เทคนิคการทำรัฐประหาร” เขียนขึ้นโดยคูร์ซิโอ มาลาปาร์เต้ (Curzio Malaparte) นักคิดและนักเขียนชาวอิตาเลียน เผยแพร่เมื่อ ค.ศ. 1931 (พ.ศ. 2474)

Advertisement

ในช่วงยุค 20s มาลาปาร์เต้ เป็นหนึ่งในนักคิดที่หนุนหลังสายอิตาเลียนฟาสซิสต์ (Italian fascism) แม้จะมีแนวคิดไปในทิศทางเดียวกันกับผู้นำ แต่ความสัมพันธ์ของเขากับพรรคชาตินิยมฟาสซิสต์ และเบนิโต มุสโสลินี ก็ไม่ค่อยราบรื่นนัก อย่างไรก็ตาม มาลาปาร์เต้ ก็ยังถือเป็นนักเขียนอิตาเลียนที่ทรงอิทธิพลคนหนึ่งของโลกในศตวรรษที่ 20

ในหนังสือดังเล่มอื้อฉาว มาลาปาร์เต้ อดีตทหารอาสาในสงครามโลกครั้งที่ 1 และผู้โลดแล่นในวงการสื่อสารมวลชนซึ่งส่งอิทธิพลทางความคิดในอิตาลีพาผู้อ่านไปศึกษาเทคนิคการทำรัฐประหารผ่านเหตุการณ์อย่างการปฏิวัติบอลเชวิค หรือการล้มล้างราชวงศ์โรมานอฟในรัสเซียด้วยความรุนแรง และลัทธิฟาสซิสต์ในอิตาลี

ในหนังสือเล่มนี้ยังมีน้ำเสียงวิพากษ์วิจารณ์ทั้งอดอล์ฟ ฮิตเลอร์ และมุสโสลินี นั่นเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้เขาถูกปลดออกจากสภาพสมาชิกพรรคฟาสซิสต์ และถูกขับส่งไปอยู่ในเกาะ Lipari (ช่วงนั้นเขายังกล่าวร้ายต่อนายพลกองทัพอากาศชื่อก้องอีกรายด้วย)

ว่ากันว่า ชาวไทยคนแรกๆ ที่ได้จับจองสำเนาหนังสือเล่มนี้คือนายปรีดี พนมยงค์ ผู้ร่วมคณะราษฎร และมีเรื่องเล่าว่า เมื่อนายปรีดี จะนำเข้าประเทศก็ต้องฉีกปกนำเข้ามา เพื่อลดความเสี่ยงถูกตรวจสอบ แต่ข้อมูลที่แน่ชัดคือ ประเทศไทยเกิดเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงการปกครองเมื่อ พ.ศ. 2475 กล่าวคือ ไม่นานนักหลังจากหนังสือตีพิมพ์ออกมา

ขณะที่หนังสือเล่มนี้มีแปลเป็นฉบับภาษาไทยชื่อ “เทคนิคการทำรัฐประหาร” แปลโดยจินดา จินตนเสรี

ภายหลังจากหนังสือของนักเขียนอิตาเลียนอันลือลั่น ยังมีเกี่ยวกับการทำรัฐประหารที่แพร่หลายอีกเล่มคือ Coup d’État: Practical Handbook เขียนโดย เอ็ดเวิร์ด ลุตทวาค (Edward N. Luttwak) หนังสือ Coup d’État: Practical Handbook เผยแพร่เมื่อ ค.ศ. 1968 โดยมักถูกนายทหารและนักการเมืองชื่อดังทั้งในเอเชียและยุโรปอ้างอิงถึง

มีรายงานข่าวว่านายพลในโมรอกโกที่พยายามทำรัฐประหารกษัตริย์ฮาสซาน แต่กระทำการล้มเหลวเมื่อค.ศ. 1972 ในร่างไร้วิญญาณของนายพลรายนี้ก็พบหนังสือ Coup d’Etat อยู่ด้วย ภายหลังโครงเนื้อหาในหนังสือยังถูกดัดแปลงเป็นภาพยนตร์ชื่อ Power Play เมื่อปี ค.ศ. 1978

หนังว่าด้วยประเทศสมมติแห่งหนึ่งในทวีปยุโรป ประเทศในจินตนาการนี้มีนายทหารกลุ่มหนึ่งไม่พอใจการคอร์รัปชั่นของรัฐบาลจึงนำกำลังหมายเข้ามายึดอำนาจการปกครองจากรัฐบาลโดยผู้นำนายทหารตั้งเป้าว่าหลังจากกระทำการสำเร็จจะขึ้นเป็นผู้นำประเทศ อย่างไรก็ตาม บทสรุปสุดท้ายก็ไม่ได้จบแบบสวยงามนัก

เอ็ดเวิร์ด ถูกคอลัมนิสต์ของเดอะ การ์เดียน สื่อชื่อดังจากอังกฤษขนานนามว่าเป็น “มาเคียแวลลีแห่งแมรีแลนด์” (หลายปีหลัง เขาพำนักในเมืองแห่งหนึ่งแถบมลรัฐแมรีแลนด์ในสหรัฐอเมริกา) เนื่องจากบทบาทและผลงานของเขาในแวดวงการเมือง ที่ผ่านมา เขาเคยเป็นที่ปรึกษาให้ผู้นำทางการเมืองหรือแม้แต่รัฐบาลบางประเทศในแถบเอเชียที่ต้องการตั้งหน่วยข่าวกรองก็ยังมาขอคำแนะนำปรึกษาจากเอ็ดเวิร์ด เรียกได้ว่าเป็นนักกลยุทธ์ตัวยงอีกรายในศตวรรษที่ 21

เอ็ดเวิร์ด จบการศึกษาเศรษฐศาสตร์เชิงวิเคราะห์จากวิทยาลัยเศรษฐศาสตร์และรัฐศาสตร์แห่งลอนดอน (London School of Economics) เมื่อปี 1964 เคยทำงานให้กับกองทัพของประเทศมหาอำนาจแถวหน้าของโลกอย่างบริติช, ฝรั่งเศส และอิสราเอล หนังสือเล่มที่โด่งดังของเขาตีพิมพ์เมื่อตอนที่เขาอายุ 26 ปีขณะเอ็ดเวิร์ด ทำงานเป็นที่ปรึกษาด้านกิจการน้ำมันในลอนดอน

หนังสือเล่มนี้อธิบายรายละเอียดสำคัญว่าว่าด้วยกรรมวิธียึดอำนาจในรูปแบบต่างๆ และประกอบไปด้วยตาราง การจัดกลุ่ม และข้อความจากแถลงการณ์จากการรัฐประหารของกลุ่มชนชาวแอฟริกัน หนังสือได้รับทั้งเสียงชื่นชมและวิจารณ์จากฝ่ายขวาและซ้าย

จากอดีตจวบจนปัจจุบัน หนังสือเกี่ยวกับการทำ “รัฐประหาร” ที่ถูกพูดถึงมากที่สุดก็หนีไม่พ้น 2 เล่มนี้ แต่ภายภาคหน้าจะมีผู้นำรายไหนได้อ่านเล่มนี้อีกหรือไม่นั้น คงไม่มีผู้ใดให้คำตอบได้อย่างแน่นอน

อ่านเพิ่มเติม :

สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่


อ้างอิง :

Meaney, Thomas. “The Machiavelli of Maryland”. The Guardian. Online. Published 9 DEC 2015. Access 22 MAY 2019. <https://www.theguardian.com/world/2015/dec/09/edward-luttwak-machiavelli-of-maryland>

Curzio Malaparte. Britannica. <https://www.britannica.com/biography/Curzio-Malaparte>


เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 22 พฤษภาคม 2562