กำเนิด “โคคา-โคลา” ต้นโคคา สู่น้ำหวาน ใครคือต้นคิดน้ำดำอมตะ? เขารวยแบบที่คิดจริงหรือ?

ภาพประกอบเนื้อหา-จอห์น สติท แพมเบอร์ตัน ผู้คิดค้นเครื่องดื่มน้ำดำที่ต่อมาเป็นที่รู้จักในชื่อ "โคคา-โคลา" (ภาพจาก cocaine.org/coca-cola/index.html)

ศตวรรษที่ 19 เป็นยุคที่มีการจดสิทธิบัตรยาเป็นจำนวนมาก และยาบางชนิดก็สร้างชื่อเสียงและฐานะให้กับเจ้าของสิทธิบัตรมากมาย จอห์น สติท แพมเบอร์ตัน (John Stith Pamberton) นักเภสัชศาสตร์ชาวเมืองแอตแลนตา ก็เป็นหนึ่งในกลุ่มคนเหล่านั้น ทว่านอกจากยาแล้ว สิ่งประดิษฐ์ที่สร้างชื่อให้เขาคือเครื่องดื่มน้ำดำที่เรียกว่า โคคา-โคลา (โค้ก) นั่นเอง

แพมเบอร์ตันเป็นนักเภสัชศาสตร์ ที่ไม่ได้สนใจเฉพาะเรื่องยาเท่านั้น เขาก่อตั้ง บริษัท เจ.เอส. แพมเบอร์ตัน คอมพานี ขึ้น และคิดค้นสินค้ามากมายไม่ว่าจะเป็นยาย้อมผม เครื่องสําอาง และน้ำหอม ทว่าในช่วงอายุ 50 ปี แพมเบอร์ตันเริ่มให้ความสนใจกับต้นโคคา พืชพื้นเมืองของเปรูที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 2,000 ปี ชาวพื้นเมืองเอาใบโคคามาเคี้ยวกินสดๆ หรือไม่ก็สกัดเป็นเครื่องดื่ม เพราะมีฤทธิ์เป็นยากระตุ้น อุดมด้วยสารอาหาร และเพิ่มสมรรถภาพทางเพศ

Advertisement

นอกจากนี้ยังมีสารโคเคน ซึ่งเป็นสารฆ่าแมลงโดยธรรมชาติ และเป็นตัวยับยั้งกระบวนการดูดซับสารโดปามีนซ้ำในมนุษย์ที่นําไปสู่การเสพติด แพมเบอร์ตัน ซึ่งติดมอร์ฟีนมาตั้งแต่ตอนเป็นทหารนั้น มองว่าสารชนิดนี้อาจเป็นยาวิเศษที่รักษาอาการเสพติดของเขาได้

ว่าแล้วเขาก็ทดลองปรับปรุงสูตรน้ำโคลาด้วยการใส่เมล็ดโคลาที่มีคุณสมบัติทางยาและช่วยกระตุ้นสมรรถภาพทางเพศ โดยเริ่มผสมในกาทองเหลืองที่สนามหลังบ้าน จนบ้านของเขาไม่ต่างจากลานทิ้งขยะที่เต็มไปด้วยเครื่องกรองสูงเท่าบ้าน 2 ชั้น และกระทะสําหรับผสมสูตรเครื่องดื่มกองระเกะระกะไปทั่ว

ในที่สุดแพมเบอร์ต้นก็เปิดตัวเครื่องดื่มที่ตั้งชื่อว่า “ไวน์โคลาฝรั่งเศสของแพมเบอร์ตัน” ในปี ค.ศ. 1885 โดยโฆษณาว่า “เป็นยาบํารุงที่ช่วยสร้างเสริมปัญญา” จากนั้นเมื่อเขานําเมล็ดโคลาใส่เพิ่มเข้าไปอีก ก็เรียกว่า “ยาบำรุงประสาท” ที่มีสรรพคุณในการเลิกมอร์ฟีน ซึ่งยังไม่มีแพทย์คนใดคิดค้นวิธีรักษาให้หายขาดได้ สินค้าตัวใหม่นี้ทําเงินให้แพมเบอร์ตันต่อวันมากกว่าที่เขาเคยหาได้ทั้งปีเลยทีเดียว

ยิ่งประสบความสําเร็จ แพมเบอร์ตันยิ่งหมกมุ่นกับเครื่องดื่มสีน้ำตาลข้นนี้ ทําให้สุขภาพย่ำแย่ลงทุกวัน นอกจากนี้ การทดลองชิมสูตรผสมน้ำหวานหลายชนิด ทําให้เขาไม่สามารถเลิกติดมอร์ฟีนได้ แพมเบอร์ตันส่งตัวอย่างสูตรน้ำหวานที่คิดขึ้นใหม่ไปให้เจ้าของร้านเครื่องดื่มคนหนึ่งผสมโซดาให้ลูกค้าชิม และนั่นเป็นที่มาของโคคา-โคลาที่เรารู้จักในปัจจุบัน

โดยโคคา-โคลา เปิดให้บริการครั้งแรกในวันที่ 8 พฤษภาคม ค.ศ. 1886 ในราคาแก้วละ 5 เซ็นต์ และแพมเบอร์ตันได้เลือกจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าของโคคา-โคลาแทนการจดสิทธิบัตร เพราะจะได้ไม่ต้องเปิดเผยสูตรจนคู่แข่งสามารถเอาไปใช้ประโยชน์ได้ ทําให้สูตรน้ำอัดลมโคคา-โคลา ยัง เป็นความลับจนถึงทุกวันนี้

ด้วยความที่คิดว่าคงไม่รอดชีวิตจากอาการเจ็บป่วย ประกอบกับการขัดสนเงินทองเนื่องจากติดยา แพมเบอร์ตันจึงตัดสินใจขายหุ้นบริษัทให้ “อะซา กริก แคนด์เลอร์” (Asa Griggs Candler) ในปี ค.ศ. 1888 ด้วยราคาเพียง 2,300 เหรียญ ไม่กี่ปีหลังจากนั้น โรงงานโคคา-โคลา ก็ผุดขึ้นทั่วอเมริกา ทําให้ แคนด์เลอร์กลายเป็นหนึ่งในคนที่ร่ำรวยที่สุดของประเทศในปี ค.ศ. 1900

ส่วนแพมเบอร์ตันเสียชีวิตในปีเดียวกับที่ขายหุ้น ทิ้งเงินเพียงเล็กน้อยไว้ให้ทายาท งานศพของเขาในแอตแลนตามีผู้คนจากทั่วทุกสารทิศมาแสดงความเคารพ…

คลิกอ่านเพิ่มเติมที่มาของ “ลิควิด เปเปอร์” สาวหัวทื่อหงุดหงิดเรื่องเล็กน้อยตอนทำงาน แต่จุดประกายจนรวย


หมายเหตุ : คัดเนื้อหาส่วนหนึ่งจากบทความ “สิ่งประดิษฐ์ของคนหัวรั้น…ของธรรมดาที่เปลี่ยนโลก” โดย วารยา ใน ศิลปวัฒนธรรม ปีที่ 31 ฉบับที่ 10 สิงหาคม 2553 เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรก เมื่อ มีนาคม พ.ศ. 2562