ผู้เขียน | เสมียนนารี |
---|---|
เผยแพร่ |
กำแพงเมืองจีน หรือ “กำแพงหมื่นลี้” ที่เรียกตามความยิ่งใหญ่ของกำแพงที่ยาวกว่าหมื่นลี้ สร้างขึ้นเพื่อใช้สกัดกั้นและป้องกันการรุกรานในชีวิตและทรัพย์สินของชาวฮั่นที่อยู่ทางใต้ของตัวกําแพงจากพวกชนเผ่าทางเหนือ กำแพงเมืองจีนสร้างขึ้นในสมัยราชวงศ์ฉิน (พ.ศ. 323-338) หรือกว่า 2,000 ปีก่อน
ซึ่งขณะนั้นยังไม่มีวิทยาการที่จะช่วยแบ่งเบาการทำงานของคนงานที่ถูกเฏณฑ์มาสร้างกำแพงมากนัก
สิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่เช่นนี้จึงสร้างความทุกข์ยากแสนสาหัสแก่ประชาชน เพราะพวกเขาต้องถูกเกณฑ์มาใช้แรงงานอย่างไม่ต้องสงสัย ชายฉกรรจ์ที่เป็นผู้สร้างกําแพงจํานวน 200,000-300,000 คน ทำงานในสภาพภูมิอากาศที่อันตราย หนาวเหน็บ และงานที่ตรากตรำ ชีวิตของพวกเขาจึงเหมือนมีชีวิตแขวนอยู่บนเส้นดาย
ส่วนครอบครัวทางบ้านก็อยู่ในสภาพที่ไม่แตกต่างกัน ชีวิตของพ่อแม่ลูกและภรรยาของพวกเขาต้องขาดหลักประกัน และสิ้นหวังเพราะไม่ทราบว่าสมาชิกในครอบครัวที่ถูกเกณฑ์ไปใช้แรงงานนับแรมปีจะได้มีโอกาสกลับมาพบหน้ากันอีกหรือไม่
ความสงสารเห็นใจต่อตัวผู้ที่เป็นแรงงานสร้างกําแพง และการประณามการปกครองที่โหดร้ายของราชวงศ์ฉิน ได้ค่อยๆ ก่อเกิดเรื่องเล่า “นางเมิ่งเจียงหนี่ว์ร้องไห้ที่กําแพงเมืองจีน” ขึ้นในหมู่ประชาชน
เรื่องมีอยู่ว่า ว่านสี่เหลียง ผู้มีสติปัญญาความรู้ ที่พยายามหลบซ่อนตัวจากการเกณฑ์แรงงานไปสร้างกำแพงเมืองของทางการ วันหนึ่งเขาได้หนีไปอยู่ที่บ้านตระกูลเมิ่ง นางเมิ่งเจียงหนี่ว์ผู้มีจิตใจงดงามและพ่อแม่ของนางช่วยให้ที่หลบซ่อนตัว พ่อแม่ของนางชื่นชอบในตัวว่านสี่เหลียงเป็นอย่างยิ่ง จึงยกนางเมิ่งเจียงหนี่ว์ให้เป็นภรรยา ทั้งสองแต่งงานได้เพียงไม่กี่วัน ว่านสี่เหลี่ยงก็ถูกทางการเกณฑ์ไปสร้างกําแพง
นางเมิ่งเจียงหนี่ว์เฝ้ารอสามีอย่างทุกข์ทรมาน ผ่านไปหลายปีก็ไม่มีข่าวคราวใดๆ เมื่อเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วง อากาศก็หนาวเหน็บขึ้นทุกวันๆ นางเมิ่งเจียงหนี่ว์คิดถึงสามีที่อยู่ไกลออกไปทางตอนเหนือว่าเขาจะต้องทนหนาวเพียงใด จึงลงมือเย็บเสื้อกันหนาวด้วยตัวเอง แล้วออกเดินทางตามหาว่านสี่เหลี่ยงที่ไปสร้างกําแพงเมืองจีน
เมิ่งเจียงหนี่ว์เดินทางมาถึงกําแพงเมืองจีนก็ไม่พบสามี จึงสอบถามข่าวของสามีจากคนงานที่สร้างกำแพงถึงได้ทราบว่า ว่านสี่เหลี่ยงเสียชีวิตแล้ว ส่วนศพของเขาถูกนำไปฝังในกำแพงเหมือนกับคนงานอื่นๆ ที่เสียชีวิตระหว่างการก่อสร้างกำแพงหมื่นลี้
เมื่อทราบข่าวของสามีเช่นนั้น นางเมิ่งเจียงหนี่ว์เป็นลมล้มพับไปกับพื้น หลังฟื้นขึ้นมาก็ร้องไห้อย่างเจ็บปวดอยู่ที่หน้ากําแพง เสียงร้องไห้และความโศกเศร้าของนางสะเทือนถึงฟ้าดิน ทำให้เกิดเหตุอัศจรรย์ลมหนาวส่งเสียงคํารามลั่น ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์มืดดับ ฟ้าดินสั่นสะเทือน เกิดเสียงดังสนั่น แล้วกําแพงบางส่วนก็พังทลายลงมา (มีบางตำนานว่าเพื่อให้นางได้เห็นศพสามีที่ถูกฝังอยู่ในกำแพง)
เรื่องนี้เป็นนิทานพื้นบ้านที่เล่ากันมาอย่างแพร่หลายในหมู่ประชาชนจีนเป็นเวลานับพันๆ ปี แม้จะเป็นโศกนาฏกรรมรัก แต่ก็สะท้อนให้เห็นถึงความจงเกลียดจงชังของประชาชนต่อการปกครองที่โหดร้ายของระบบศักดินา ตลอดจนความปรารถนาแสวงหาชีวิตที่มีอิสระสุขของประชาชนผู้ใช้แรงงานได้เป็นอย่างดี
ข้อมูลจาก :
หลี่เฉวียน. (เขมณัฏฐ์ ทรัพย์เกษมชัย แปล) ประวัติศาสตร์จีนฉบับย่อ, สำนักพิมพ์มติชน 2556
เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 6 ธันวาคม 2561