ที่มา | ศิลปวัฒนธรรม ฉบับธันวาคม 2551 |
---|---|
ผู้เขียน | ภาษิต จิตภาษา |
เผยแพร่ |
สมัยอยุธยาไม่มี ไม้ตรี ( ๊ ) ไม้จัตวา ( ๋ ) และ “วรรณยุกต์” ไม่ได้แปลว่า ผันเสียง
ในตำราภาษาไทยเรา ไม้เอก ( ่ ) คือเครื่องหมายผันเสียง มีคู่กันมากับไม้โท ( ้ ) แต่สมัยอยุธยา มี 2 อันเท่านี้ในสมัยนั้น และเรียก “พิน”
ไม้เอกเรียก “พินเอก” ไม้โทเรียก “พินโท”
ดังปรากฏดังตำราจินดามณี : –
“เปนเสมียนรอบรู้ วิสัญช์
พินเอกพินโททัณฑ ฆาตคู้
ฝนทองอีกฟองมัน นฤคหิต
แปดสิ่งนี้ใครรู้ จึงให้เป็นเสมียน”
มาในสมัยรัตนโกสินทร์มีเพิ่มเข้ามาอีก 2 อัน คือ ไม้ตรี ( ๊ ) ไม้จัตวา ( ๋ ) ดังปรากฏในคัมภีร์จินดามณีที่ชำระใหม่ในสมัยรัตนโกสินทร์ :-
อักษรทั้งสามหมู่ กำหนดรู้ซึ่งวาจี
สูงต่ำผันพาที แต่สามเสียงสำเนียงหัน
หมู่กลางนั้นผันห้า เพราะจัตวาไม้ตรีอัน
กอบกับประดับกัน จึงแบ่งเบญจบรรหาร”
มาสมัยหลังนี้เราเรียก “วรรณยุกต์” ก็เพราะใน มูลบทบรรพกิจ ท่านจัดไว้ในหมู่วรรณยุกต์
วรรณยุกต์ ไม่ได้แปลว่าผันเสียง แต่แปลว่า ประกอบอักษร มูลบทกล่าวว่า :-
“วรรณยุกต์ทั้ง 13 คือ ไม้เอก, ไม้โท, ไม้ตรี, ไม้จัตวา, กากบาท,-ตีนกา, ฝนทอง, ฟองมัน, วิสัญชนี, ทัณฑฆาต, ไม้ไต่คู้, นิคหิต-นฤคหิต, โคมูตร, มุสิกทันต์-ฟันหนู, หางกังหัน-หันอากาศ-ไม้ผัด”
จะเห็นว่าเครื่องหมายผันเสียงมีอยู่ 4 ไม้เท่านั้นในบรรดาวรรณยุกต์ 13 ซึ่งเป็นเครื่องหมายอื่น ๆ รวมทั้งวิสัญชนีคือ สระ -ะ
อ่านเพิ่มเติม :
หมายเหตุ : คัดเนื้อหาส่วนหนึ่งจากบทความ “ไม้เอก ( ่ ) คืออะไร” เขียนโดย ภาษิต จิตภาษา ในศิลปวัฒนธรรม ฉบับธันวาคม 2551
เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 21 กันยายน 2561