ผู้เขียน | สุทธาสินี จิตรกรรมไทย เจียจันทร์พงษ์ |
---|---|
เผยแพร่ |
“จีนกวางตุ้ง” กลุ่มจีนที่มีน้อยสุดในไทย ในบรรดากลุ่มจีน 5 ภาษา
แต้จิ๋ว ฮกเกี้ยน ไหหลำ ฮากกา และกวางตุ้ง คือกลุ่มจีน 5 ภาษาใหญ่ในไทย ชาวจีนที่พูดภาษาเหล่านี้ทยอยอพยพโยกย้ายจากเมืองจีนมาตั้งรกรากในสยาม และมีทายาทสืบต่อรุ่นสู่รุ่นมาถึงปัจจุบัน
ใน 5 กลุ่มภาษานี้ “จีนกวางตุ้ง” มีจำนวนน้อยสุด ตามที่หนังสือ “ประวัติจีนกรุงสยาม A History of the Thai-Chinese เล่มที่ 2 ยุคล่าอาณานิคม” (สำนักพิมพ์มติชน) โดย เจฟฟรี ซุน และ พิมพ์ประไพ พิศาลบุตร บอกไว้ตอนหนึ่งว่า
บันทึกการรักษาคนไข้ของหมอบรัดเลย์ เมื่อเริ่มเปิดการรักษาช่วง ค.ศ. 1835-1836 (พ.ศ. 2378-2379 อยู่ในสมัยรัชกาลที่ 3) ระบุว่า มีคนไข้ชาวจีน 934 คน แบ่งเป็นแต้จิ๋ว 713 คน ฮกเกี้ยน 150 คน ไหหลำ 51 คน กวางตุ้ง 15 คน และจีนแคะ (ฮากกา) 5 คน
แม้บันทึกของหมอบรัดเลย์จะไม่ได้สะท้อนตัวเลขของชาวจีนทั้งหมดในกรุงเทพฯ ยุคนั้น แต่ก็พอทำให้เห็นภาพความคึกคักของชาวจีนกลุ่มต่างๆ ได้ไม่น้อย

แล้วชาวกวางตุ้งออกนอกประเทศจีนกันตั้งแต่เมื่อไหร่?
ชาวจีนที่พูดภาษากวางตุ้งจำนวนมหาศาล พากันเดินทางออกจากเมืองกวางเจา เมืองหลวงของมณฑลกวางตุ้ง ในช่วงปลายศตวรรษที่ 19
เมื่อเรือเดินสมุทรจำนวนมาก โดยเฉพาะเรือของชาวตะวันตกเข้าเทียบท่า ชาวกวางเจาจึงอาศัยเรือเหล่านี้ออกเดินทางสู่โลกกว้าง ส่วนมากมักเดินทางไปยังดินแดนที่เจริญแล้วในทวีปยุโรป สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ รวมทั้งเมืองท่าอาณานิคมของอังกฤษในเอเชีย
มีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่เดินทางมายังสยาม
สอดคล้องกับที่ วิลเลียม จี. สกินเนอร์ นักวิชาการผู้เชี่ยวชาญประวัติศาสตร์จีน ตั้งข้อสังเกตว่า เนื่องจากเซี่ยเหมิน (เมืองในมณฑลฝูเจี้ยน นิยมพูดภาษาจีนฮกเกี้ยน) และกวางเจา เปิดเป็นเมืองท่าเสรีตามสนธิสัญญาก่อนเมืองอื่น 16 ปี อีกทั้งเนื่องจากปี 1842-1858 (พ.ศ. 2385-2401) ทางการจีนยังไม่อนุญาตให้เรือต่างชาติเข้าเทียบท่าทั้งที่ซัวเถา และเมืองท่าบนเกาะไหหลำ

จีนฮกเกี้ยนและจีนกวางตุ้งจึงได้เปรียบกว่าจีนแต้จิ๋ว จีนแคะ และจีนไหหลำ ในการเดินทางออกมาสร้างเครือข่ายของตนตามเมืองท่านอกประเทศ โดยเฉพาะเมืองที่เป็นอาณานิคมของอังกฤษในอุษาคเนย์
การเดินทางออกมาของชาวจีนจำนวนมาก ส่งผลให้มีการใช้ภาษาฮกเกี้ยนเป็นสื่อกลางในการสื่อสารที่ปีนัง มะละกา และสิงคโปร์ ส่วนที่ฮ่องกง กัวลาลัมเปอร์ และเประ ใช้ภาษากวางตุ้งเป็นภาษาหลักในการสื่อสาร
เมื่อสยามยุติการค้าในระบบบรรณาการ ซึ่งบังคับให้เรือสยามเข้าเทียบท่าที่เมืองกวางเจา ความสัมพันธ์ของฝ่ายสยามกับชาวกวางตุ้งก็เหินห่างไป
นอกจากนี้ ชาวกวางตุ้งซึ่งย้ายถิ่นฐานออกมาอุษาคเนย์ช่วงปลายศตวรรษที่ 19 ถึงต้นศตวรรษที่ 20 ยังนิยมมุ่งไปตามอาณานิคมของมหาอำนาจที่เดินทางสะดวก มีพรรคพวกตั้งชุมชนอยู่ก่อนหน้า และสามารถทำมาหากินกับพ่อค้าชาวตะวันตกได้อย่างคล่องแคล่ว
ขณะที่มีชาวกวางตุ้งจำนวนน้อยเท่านั้น ที่เข้ามาประกอบอาชีพในสยามและกัมพูชา ซึ่งราชธานีไม่ได้อยู่ติดทะเล
จีนกวางตุ้งไม่นิยมตั้งรกรากในชนบท ยกเว้นจะไปทำเหมืองตามแหล่งทรัพยากร โดยทั่วไปชอบอยู่กันในเมืองใหญ่ ประกอบอาชีพที่อาศัยความเชี่ยวชาญด้านงานฝีมือ งานไม้ งานช่าง และเครื่องจักรกล
บันทึกของสมาคมกวางตุ้งที่กรุงเทพฯ ระบุว่า ในปี 1877 (พ.ศ. 2420 สมัยรัชกาลที่ 5) มีชาวกวางตุ้งพำนักอยู่ในเขตกรุงเทพฯ ประมาณ 2,000 คนเท่านั้น
อ่านเพิ่มเติม :
- 9 ตระกูลจีนกรุงธนบุรี ทุกวันนี้สืบสายเป็นสกุลใดบ้าง? (ตอนที่ 1)
- 9 ตระกูลจีนกรุงธนบุรี ทุกวันนี้สืบสายเป็นสกุลใดบ้าง? (ตอนที่ 2)
- “เตียอูเต็ง” จับกังรับจ้างชาวจีน สู่เจ้าสัวใหญ่สมัยรัชกาลที่ 5 เป็นต้นสกุลใด?
สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่
อ้างอิง :
พิมพ์ประไพ พิศาลบุตร, สมชาย จิว และนิรันดร นาคสุริยันต์ แปลและเรียบเรียง. ประวัติศาสตร์จีนกรุงสยาม เล่มที่ 2 ยุคล่าอาณานิคม. กรุงเทพฯ: มติชน, 2568
สั่งซื้อหนังสือชุดนี้ที่เว็บไซต์สำนักพิมพ์มติชน ได้ที่นี่
เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 23 มิถุนายน 2568