ผู้เขียน | สุทธาสินี จิตรกรรมไทย เจียจันทร์พงษ์ |
---|---|
เผยแพร่ |
“ศาลเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว” จังหวัดปัตตานี เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ และเป็นที่กราบไหว้บูชาของชาวปัตตานีและชาวไทยเชื้อสายจีนในพื้นที่อื่นๆ ตามตำนานเล่าว่า เมื่อ 400 กว่าปีก่อน “ลิ้มกอเหนี่ยว” (หลิมกอเหนี่ยว) น้องสาวของ “ลิ้มโต๊ะเคี่ยม” (หลิมโต๊ะเคี่ยม) มาตามพี่ชายกลับเมืองจีน ว่ากันว่าเรื่องราวของลิ้มโต๊ะเคี่ยม พี่ชายเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว มีต้นเค้ามาจาก “หลินเต้าเฉียน” โจรสลัดเลื่องชื่อชาวจีนในยุคนั้น
จีน-ไทย ค้าขายคึกคัก
การค้าระหว่างจีน-ไทย มีมานานหลายศตวรรษ สมัยกรุงศรีอยุธยา ขุนนางตำแหน่ง โชฎึกราชเศรษฐี เจ้ากรมท่าซ้าย มีหน้าที่ดูแลการค้ากับเมืองท่าในทะเลจีน เช่น จีน ริวกิว ญี่ปุ่น เวียดนาม ปัตตาเวีย ล่ามใช้ภาษาจีนเป็นหลัก
ส่วนการค้าขายกับเรือแขกจากคาบสมุทรมลายู นูซันตารา และพ่อค้าจากมหาสมุทรอินเดีย มีขุนนางตำแหน่ง จุฬาราชมนตรี เป็นเจ้ากรมท่าขวา สื่อสารด้วยภาษามลายูและโปรตุเกสเป็นหลัก
เมื่อการค้ากับจีนเป็นประโยชน์ต่อรัฐ ฝ่ายสยามจึงมีตำแหน่งศักดินามอบให้ลูกเรือสำเภาลดหลั่นไปตามหน้าที่ จาก “จุ้นจู๊” นายสำเภา นา 400 ไปจนถึง “จับกะเถา” หน้าที่กวาดสำเภา นา 25 ดังมีกล่าวถึงไว้ใน “กฎหมายตราสามดวง”

นอกจากกรุงศรีอยุธยา เมืองท่าอื่นๆ รอบอ่าวไทย เช่น จันทบูร ราชบุรี เพชรบุรี นครศรีธรรมราช สงขลา ปัตตานี ต่างก็มีชาวจีนอาศัยอยู่เช่นกัน
เอกสารฮอลันดาระบุว่า ใน ค.ศ. 1616 (พ.ศ. 2159 ในรัชสมัยสมเด็จพระเจ้าทรงธรรม) เมืองปัตตานีมีคนจีนเดินขวักไขว่มากกว่าคนท้องถิ่นด้วยซ้ำ ตรงกับเอกสารจีนที่ยืนยันว่า คนจีนในปัตตานีมีจำนวนมากถึงขั้น “เดินหัวนิ้วโป้งจรดส้นเท้าเรียงต่อกันมา”
หลักฐานเหล่านี้ล้วนยืนยันถึงความหนาแน่นของชาวจีนในปัตตานี อันเป็นผลมาจากการค้าขายระหว่างกันได้เป็นอย่างดี
“หลินเต้าเฉียน” เจ้าพ่อโจรสลัด ต้นเค้าลิ้มโต๊ะเคี่ยม
เมืองปัตตานีนี่เอง ที่มีตำนานเล่าขานเรื่องช่างหล่อปืนใหญ่ชาวฮกเกี้ยนนามว่า ลิ้มโต๊ะเคี่ยม
“แซ่หลิม ชื่อเคี่ยม ตั้งบ้านเรือนอยู่ที่กะเสะ… จีนเคี่ยมคนนี้ได้ภรรยามลายู จีนเคี่ยมก็เลยเข้าศาสนามลายูเสียด้วย พวกมลายูสมมติเรียกกันว่าหลิมโต๊ะเคี่ยมตลอดต่อมาจนทุกวันนี้… ในตำบลกะเสะ… พลเมืองที่อยู่ต่อมาจนเดี๋ยวนี้ยังนับถือหลิมโต๊ะเคี่ยมว่าเป็นต้นตระกูลของหมู่บ้านนั้น…”
ต่อมาน้องสาวของลิ้มโต๊ะเคี่ยมคือ ลิ้มกอเหนี่ยว ตามมาจากเมืองจีน อ้อนวอนให้พี่ชายกลับเมืองจีน แต่อ้อนวอนสักเท่าไหร่ลิ้มโต๊ะเคี่ยมก็ไม่ยอมกลับ ลิ้มกอเหนี่ยวเสียใจอย่างมาก ในที่สุดก็ตัดสินใจผูกคอตาย พี่ชายจึงจัดแจงศพฝังไว้ทำเป็นฮวงซุ้ย ปรากฏมาจนถึงทุกวันนี้

ลิ้มโต๊ะเคี่ยมท่านนี้ บางคนเชื่อว่าเป็นคนเดียวกับ “หลินเต้าเฉียน” เจ้าพ่อโจรสลัดเลื่องชื่อสมัยราชวงศ์หมิง รัชศกเจียจิ้ง
ลูกน้องของเจ้าพ่อโจรสลัดมีกว่า 5,000 คน ซึ่งหลบออกมาเดินเรือหากิน บ้างปล้นสะดม ทั้งบนเส้นทางลูซอนในฟิลิปปินส์ และเส้นทางผ่านจามปาในเวียดนาม เมื่อถูกทางการจีนปราบปรามราว ค.ศ. 1566 (พ.ศ. 2109 ในรัชสมัยสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ เป็นเวลาก่อนเสียกรุงครั้งแรก 3 ปี) เขาก็พาพรรคพวก 2,000 คนหลบหนีมาปัตตานี
ต่อมา รัชศกว่านลี่ ค.ศ. 1578 (พ.ศ. 2121 ในรัชสมัยสมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราช) ลูกน้องของเขาที่ถูกทางการจีนจับตัวให้การว่า “พวกสลัด (หลินเต้าเฉียน) ได้โจมตีสำเภา ‘กาฬปักษ์’ ของสยามแต่หาสำเร็จไม่ พวกสลัดถูกฆ่าเสียเป็นจำนวนมาก แลพวกที่เหลือก็ถูกพวกสยามไล่ล่า…”
หลังจากใช้สยามเป็นฐานที่มั่นอยู่กว่า 10 ปี ในที่สุดจอมโจรแห่งท้องทะเลก็ออกจากสยามไปในราว ค.ศ. 1580 (พ.ศ. 2123 ยุคสมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราช)
ทิ้งไว้เพียงตำนานเล่าขานถึงความเชื่อมโยงระหว่างเขากับ “ลิ้มโต๊ะเคี่ยม” พี่ชายของเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว ตราบจนปัจจุบัน
อ่านเพิ่มเติม :
- ทำไม “อิสลาม” หยั่งรากลึกในคาบสมุทรและหมู่เกาะมลายูมานานเกือบ 1,000 ปี ?
- นักรบ “300” ฉบับอยุธยา เมื่อกลุ่มทหารจากปัตตานีพยายามยึดอำนาจกรุงศรีฯ
- “วังจะบังติกอ” วังเก่าอายุเกือบ 200 ปี สมัยปัตตานีแบ่งเป็น 7 หัวเมือง!
สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่
อ้างอิง :
พิมพ์ประไพ พิศาลบุตร, สมชาย จิว และนิรันดร นาคสุริยันต์ แปลและเรียบเรียง. ประวัติศาสตร์จีนกรุงสยาม เล่ม 1 สมัยกรุงศรีอยุธยาถึงต้นกรุงรัตนโกสินทร์. กรุงเทพฯ: มติชน, 2568
เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 7 พฤษภาคม 2568