
ผู้เขียน | กองบรรณาธิการศิลปวัฒนธรรม |
---|---|
เผยแพร่ |
“บ้านขี้ทูด” หมู่บ้านลึกลับที่หลีกหนีจากสังคม จากคำบอกเล่าของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ครั้งเสด็จตรวจราชการภาคอีสาน
สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ เมื่อยังเป็นเสนาบดีกระทรวงมหาดไทย เสด็จตรวจราชการหัวเมืองในมณฑลอุดรกับมณฑลอีสาน ใน พ.ศ. 2449 แล้วทรงรับรู้เรื่องของหมู่บ้านดังกล่าว จึงเขียนเล่าไว้ใน นิทานโบราณคดี โดยเป็นส่วนหนึ่งใน นิทานที่ ๑๖ เรื่องลานช้าง
ทั้งนี้ คำว่า ขี้ทูด ก็คือ โรคเรื้อน หรือกุฏฐัง โรคติดต่อเรื้อรังจากแบคทีเรีย ชื่อ Mycobacterium leprae นั่นเอง
พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน อธิบายว่า อาการของโรคเรื้อนคือมีผิวหนังเป็นผื่น วงด่างสีขาวหรือแดง หรือนูนหนาเป็นตุ่ม หรือเป็นแผ่น ไม่เจ็บ ไม่คัน แห้ง เหงื่อไม่ออก ขนร่วง และอาจทำให้เกิดความพิการที่นิ้วมือนิ้วเท้างอหรือกุดได้

แม้เรื่องของชุมชนคนโรคเรื้อนใน นิทานโบราณคดี จะมีรายละเอียดไม่มากนัก แต่ก็น่าหยิบยกมาเล่าเป็นเกร็ดฝากไว้ ดังนี้ [ปรับย่อหน้าใหม่ และเน้นคำเพิ่มเติมโดยกองบรรณาธิการศิลปวัฒนธรรม]
“ยังมีวัฒนธรรมที่ไทยเคยมีมาแล้วแต่โบราณอีกอย่างหนึ่ง ซึ่งฉันได้ไปพบในมณฑลอุดร คือที่ตำบลหนองหญ้าปล้อง ในแขวงเมืองชนบท มีบ้าน ‘คนขี้ทูด’ คือคนเป็น ‘โรคกุฏฐัง’ ตำบลหนึ่ง เขาว่าจำนวนคนกว่า ๑,๐๐๐ คน เห็นจะนับรวมทั้งคนไข้และคนดีที่เป็นครอบครัวด้วย
บ้านขี้ทูดนั้นจะตั้งมาแต่เมื่อใดไม่มีใครทราบ แต่พวกชาวเมืองว่าเป็นธรรมเนียมมาแต่โบราณทั่วทั้งมณฑลอุดรและน่าจะตลอดไปถึงมณฑลอีสานด้วย ถือกันว่าถ้าใครเป็นโรคกุฏฐัง ต้องย้ายไปอยู่บ้านขี้ทูดที่ตำบลหนองหญ้าปล้องนั้น
แต่ไปสร้างบ้านปลูกเรือนอยู่ และทำไร่นาหากินเหมือนอย่างคนสามัญ ไม่มีใครควบคุมกักขังอย่างไร เป็นแต่คนนอกครัวเรือนไม่เข้าไปอยู่ด้วย และไม่มีใครยอมรับคนเป็นโรคกุฏฐังไว้ในบ้าน ถือกันเหมือนเป็นกฎหมายมาแต่ดึกดำบรรพ์ ว่าถ้าใครเป็นโรคกุฏฐัง ก็ต้องย้ายไปอยู่บ้านขี้ทูด และย้ายไปเองไม่ต้องมีใครขับไล่ จึงมีจำนวนคนมากตั้ง ๑,๐๐๐
กำนันผู้ใหญ่บ้านที่ปกครองก็ล้วนอยู่ในพวกกุฏฐัง เมื่อฉันผ่านไปเขาเล่าให้ฟังว่า เมื่อเร็วๆ นั้น มีชายหนุ่มคนหนึ่งแต่งงานได้ไม่ช้าปรากฏว่าเป็นโรคกุฏฐัง เจ้าตัวกลัวโรคจะติดเมียเตรียมจะทิ้งมาแต่ตัว แต่เมียรักผัวสิ้นกลัวโรคกุฏฐังตามมาอยู่ด้วย ได้ฟังก็นึกสงสาร
แต่หมอฝรั่งผู้เชี่ยวชาญการรักษาโรคกุฏฐัง เขาว่าโรคนั้นไม่ติดคนที่พ้องพานไปทุกคน แม้ลูกของคนกุฏฐังก็มีเชื้อโรคติดตัวมาแต่บางคน ที่เป็นปรกติไปจนตลอดชีวิตก็มี”
ส่วนที่ตั้งของหมู่บ้าน เมื่อวิเคราะห์จากเส้นทางตามกำหนดการตรวจราชการมณฑลอุดรของสมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพแล้ว สันนิษฐานว่า ตำบลหนองหญ้าปล้อง แขวงเมืองชนบท ปัจจุบันคือบริเวณบ้านหนองหญ้าปล้อง ตำบลทางขวาง อำเภอแวงน้อย (ขอนแก่น) ซึ่งอยู่ติดกับแขวงเมืองชนบท และเคยเป็นส่วนหนึ่งของมณฑลอุดรมาก่อน

ทว่าปัจจุบันแทบไม่พบข้อมูลเกี่ยวกับชุมชนนี้แล้ว พระนิพนธ์ของสมเด็จฯ กรมพระยาดำรงฯ จึงอาจเป็นหลักฐานลายลักษณ์อักษรเพียงชิ้นเดียวที่เล่าถึงหมู่บ้านโรคเรื้อนที่หลีกหนีสังคมแห่งนี้
อย่างไรก็ตาม วิทยาการทางการแพทย์สมัยใหม่ทำให้โรคเรื้อนไม่ได้น่ากลัวอีกต่อไปแล้ว เราทราบแล้วว่าโรคนี้ไม่ได้ติดต่อกันง่าย ๆ แต่ต้องสัมผัสคลุกคลีกับผู้ป่วยระยะติดต่อที่ยังไม่ได้รับการรักษา และต่อให้รับเชื้อก็มีโอกาสที่จะติดโรคเพียงร้อยละ 3 เท่านั้น
ที่สำคัญ เรื้อนไม่ติดต่อทางพันธุกรรม ไม่ติดต่อผ่านน้ำ หรืออาหาร และสามารถรักษาให้หายขาดได้ในระยะเวลาหลักเดือน หรืออย่างมากก็ราว ๆ 2 ปี ผู้ป่วยที่รักษาหายแล้วยังสามารถใช้ชีวิตอยู่กับคนอื่นได้ตามปกติ เพราะแม้ความพิการยังคงอยู่ แต่ไม่สามารถแพร่โรคได้อีกต่อไปแล้ว…
อ่านเพิ่มเติม :
- โอตานิ โยชิซึกุ ซามูไรป่วยโรคเรื้อน ขุนพลคู่ใจ “โทโยโทมิ ฮิเดโยชิ”
- พื้นที่อีสานเมื่อเกือบ 150 ปีก่อน เมืองไหนสังกัด “มณฑลลาว” อะไรบ้าง?
- 6 สิ่งประหลาดและความน่ากลัวของ “แม่น้ำโขง” จากพระนิพนธ์สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงฯ
สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่
อ้างอิง :
ดำรงราชานุภาพ, สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยา. (2487). นิทานโบราณคดี. กรุงเทพฯ : กรมศิลปากร. ห้องสมุดดิจิทัลวัชรญาณ.
ดำรงราชานุภาพ, สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยา. (2564). เอกสารเสด็จตรวจราชการ เสนาบดีกระทรวงมหาดไทย ร.ศ. ๑๑๙-๑๓๑ (พ.ศ. ๒๕๔๓-๒๔๕๕). กรุงเทพฯ : สำนักวรรณกรรมและประวัติศาสตร์ กรมศิลปากร.
Somsak, หมอชาวบ้าน. โรคเรื้อน ไม่น่ากลัวอย่างที่คิด. 1 มกราคม 2551. จาก https://www.doctor.or.th/article/detail/1150
เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 25 เมษายน 2568