หยวนซื่อข่าย นายพลที่ทรยศทุกฝ่ายเพื่อเป็นจักรพรรดิ 80 วัน

หยวนซื่อข่าย นายพล
หยวนซื่อข่าย (16 กันยายน 1859 - 6 มิถุนายน 1916)

เมื่อพูดถึงจักรพรรดิจีนองค์สุดท้าย ส่วนใหญ่มักนึกถึง ปูยี (ผู่อี๋) แห่งราชวงศ์ชิง ที่สละราชบัลลังก์ (12 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1912) แต่ในความจริงหลังจากปูยี ก็ยังมี “หยวนซื่อข่าย” ซึ่งสถาปนาตัวเองขึ้นเป็นจักรพรรดิจีนในระยะเวลาสั้นเพียง 80 วัน ด้วยการ “ทรยศ” ทุกฝ่าย

หยวนซื่อข่าย นายทหารใหญ่

หยวนซื่อข่าย (ค.ศ. 1859-1916) เกิดในมณฑลเหอหนาน ประวัติครอบครัวไม่ชัดเจน บ้างว่าเป็นตระกูลนายทหารใหญ่มีชื่อ บ้างว่าเป็นครอบครัวชาวนายากจนที่บิดายกให้เป็นบุตรบุญธรรมแม่ทัพใหญ่ วัยเด็กไม่รักการเรียน ชมชอบศิลปะการต่อสู้และขี่ม้า สอบเข้ารับราชการไม่ได้ถึง 2 ครั้ง จึงหันไปเป็นทหารด้วยการซื้อตำแหน่ง ก่อนจะเติบโตในตำแหน่งเรื่อยมา จนได้เป็นนายพลผู้บัญชาการกองทัพเป่ยหยาง

เซ็นซุนยัตตรวจพลสวนสนามของขบวนแถวนักเรียนในพิธีเปิดเรียนของโรงเรียนทหารหวงผู่ (บนเวทีจากซ้าย เลี่ยวจ้งข่าย, เจียงไคเชก, ซุนยัตเซ็น และซ่งชิ่งหลิง) เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 1924

เมื่อซุนยัตเซ็นก่อตั้งขบวนการปฏิวัติถงเหมิงฮุ่ย ราชสำนักชิงมองว่า เขาคือผู้ที่มีอำนาจพอจะเป็นที่พึ่งได้ในยามนั้น ตุลาคม ปี 1911 ราชสำนักเรียกตัวเขากลับเข้ารับราชการอีกครั้ง โดยมอบตำแหน่งผู้บัญชาการทหารสูงสุดและนายกรัฐมนตรีให้ เพื่อปราบปรามฝ่ายปฏิวัติ

ซุนยัตเซ็นตระหนักถึงกองทัพที่เข้มแข็งของนายพลหยวน จึงยื่นข้อเสนอว่าถ้าเขาทำให้จักรพรรดิสละราชสมบัติได้ ซุนก็ยินดีมอบตำแหน่ง “ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐจีน” ให้ นายพลหยวนรับข้อเสนอ และเขาก็ทำให้ราชวงศ์ชิงสิ้นสุดอำนาจลงในวันที่ 12 กุมภาพันธ์ ปี 1912

นี่คือการทรยศราชสำนักชิง

แค่ “ประธานาธิบดี” ไม่พอ 

นายพลหยวนเป็นประธานาธิบดีภายใต้ข้อจำกัดที่เขาไม่พอใจ เนื่องจากรัฐธรรมนูญที่ซุนยัตเซ็นประกาศใช้ก่อนลาออก มีข้อจำกัดในการปกครองส่วนภูมิภาค เพราะหลังปฏิวัติซินไฮ่ มณฑลต่างๆ จำนวนมากอยู่ใต้อำนาจการปกครองของทหารส่วนท้องถิ่น

ปี 1913 นายพลหยวนเริ่มรวบอำนาจ มีการกวาดล้างสมาชิกพรรคก๊กมินตั๋ง ช่วงปลายปีเขาประกาศยุบพรรคก๊กมินตั๋ง, สั่งปิดหนังสือพิมพ์ ฯลฯ ในปี 1913 บุตรชายคนโตของเขาที่ไปรักษาอาการป่วยที่เยอรมนี มีโอกาสเข้าเฝ้า จักรพรรดิวิลเฮล์มที่ 2 รับสั่งว่า “จีนจะเข้มแข็งไม่ได้เลยหากไม่ใช้ระบบราชาธิปไตย” และฝากหนังสือถึงนายพลหยวนว่า ทั้งสองประเทศมีสัมพันธ์อันดี ทั้งจูงใจให้เขาตั้งตนเป็นจักรพรรดิ

ปี 1914 เดือนมกราคม นายพลหยวนสั่งยุบสภาผู้แทนราษฎรกับวุฒิสภา เดือนพฤษภาคม ประกาศรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่เอื้อต่อการขยายอำนาจของเขา เช่น ประธานาธิบดีอยู่ในตำแหน่งได้ 10 ปี ทั้งสามารถขยายเวลาออกไปได้, มีอำนาจเบ็ดเสร็จในการประกาศสงคราม, ลงนามในสนธิสัญญา, แต่งตั้งข้าราชการ, ออกกฤษฎีกาใช้บังคับแทนกฎหมายในกรณีฉุกเฉิน ฯลฯ

23 ธันวาคม 1914 นายพลหยวน นำบรรดาข้าราชการไปสักการะสวรรค์ที่หอบูชาฟ้าเทียนถาน ด้วยชุดพิธีแบบโบราณ ทำพิธีกราบไหว้อย่างยิ่งใหญ่ ถือเป็นการซ้อมใหญ่ของเขาในการสถาปนาตนเองขึ้นเป็นจักรพรรดิ

ครั้งนี้เขาทรยศ ซุนยัตเซ็น, ขบวนการถงเหมิงฮุ่ย และพรรคก๊กมินตั๋ง

จักรพรรดิ 80 วัน 

ปี 1915 นายพลหยวนจ่ายเงินกว่า 2 ล้านเหรียญ ให้คนสนิทก่อตั้ง “สมาคมวางแผนสันติภาพ” เพื่อ สนับสนุนเขาขึ้นเป็นจักรพรรดิ ไม่นานสมาคมก็รวบรวมข้อมูลและฎีกาถึงนายพลหยวนว่า ประชาชนต้องการเปลี่ยนแปลงการปกครองกลับไปสู่ระบอบกษัตริย์

พฤศจิกายน 1915 นายพลหยวนจัดการประชุมสมัชชาในเรื่องดังกล่าว ที่ประชุมลงมติให้รื้อฟื้นการปกครองโดยกษัตริย์, เดือนธันวาคม ผู้แทนมณฑลต่างๆ เข้าชื่อในนามประชาชน เรียกร้องให้เขารับเป็นจักรพรรดิ เขาปฏิเสธอย่างสุภาพว่า “ยังขาดคุณสมบัติ” ก่อนจะรับเป็นจักรพรรดิอย่าง “เสียไม่ได้” ในวันรุ่งขึ้น

แน่นอนว่ามีการต่อต้านจากฝ่ายต่างๆ แต่นายพลหยวนไม่รับฟัง

1 มกราคม 1916 นายพลหยวนทำพิธีราชาภิเษกเป็น “จักรพรรดิ” และออกคำสั่งให้ขุนพลคนสนิทยกกองกำลังไปปราบกองทัพพิทักษ์ชาติ แต่ไม่มีใครปฏิบัติตามคำสั่ง

หยวนซื่อข่าย
หยวนซื่อข่ายทำพิธีสักการะสวรรค์

ปี 1916 เดือนมีนาคม มณฑลกว่างซีประกาศเป็นอิสระไม่ขึ้นกับรัฐบาลกลาง และเกิดกองทัพต่อต้านจักรพรรดิหยวน ในมณฑลซานตง ขณะเดียวกัน มิตรประเทศอย่างรัฐบาลญี่ปุ่น รวมถึงมหาอำนาจอื่นต่างตีตัวออกห่าง โดยให้เหตุผลว่า รัฐบาลจีนที่กรุงปักกิ่งไม่สามารถรักษาความสงบภายในประเทศได้

22 มีนาคม 1916 จักรพรรดิหยวน ต้องยอมสละตำแหน่งจักรพรรดิที่เป็นได้เพียง 80 กว่าวัน และหวังว่าตนจะได้กลับมาเป็นประธานาธิบดีต่อได้ จึงพยายามรื้อฟื้นคณะรัฐมนตรีขึ้นเพื่อเอาใจนักปฏิวัติ 

แต่สถานการณ์ต่างๆ เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วเกินกว่าที่เขาคาดการณ์และรับมือได้ มณฑลต่างๆ เริ่มประกาศตนเป็นอิสระ เช่น 6 เมษายน-มณฑลกวางตุ้ง, 12 เมษายน-มณฑลเจ้อเจียง, 5 พฤษภาคม นักปฏิวัติ, ทหาร และผู้นำพลเมืองของ 19 มณฑล ประกาศไม่ยอมรับเขาเป็นประธานาธิบดีจีน เรียกร้องให้ลาออก และเดินทางออกนอกประเทศ

หยวนซื่อข่าย จากผู้กุมอำนาจสูงสุดของประเทศกำลังถูกโดดเดี่ยว ล้มป่วยด้วยโรคโลหิตเป็นพิษ และทรุดหนักเมื่อรู้ข่าวว่า ผู้ว่าการทหารมณฑลเสฉวนซึ่งเป็นคนสนิทของตนยังประกาศเป็นอิสระ อาการป่วยของเขาทรุดหนักทันที ก่อนจะเสียชีวิตเมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 1916

อ่านเพิ่มเติม :

สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่


อ้างอิง :

ทวีป วรดิลก. ประวัติศาสตร์จีน, สำนักพิมพ์สุขภาพใจ, กุมภาพันธ์ 2547

สิทธิพล เครือรัฐติกาล. ประวัติศาสตร์จีนสมัยใหม่, สำนักพิมพ์ชวนอ่าน ตุลาคม 2555

เส้าหย่ง, หวังไห่เผิง เขียน, กำพล ปิยศิริกุล แปล. หลังสิ้นบัลลังก์มังกร, สำนักพิมพ์มติชน ตุลาคม 2560


เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 4 เมษายน 2568