ผู้เขียน | ธนกฤต ก้องเวหา |
---|---|
เผยแพร่ |
“ตรอกโรงเลี้ยงเด็ก” เป็นตรอกเล็ก ๆ ย่าน “สวนมะลิ” ถนนบำรุงเมือง แขวงคลองมหานาค เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพมหานคร ชื่อตรอกมาจากบริเวณนี้เคยเป็น “โรงเลี้ยงเด็ก” จริง ๆ และเป็นแห่งแรกของสยาม ในสมัยรัชกาลที่ 5
โรงเลี้ยงเด็กดังกล่าวถือกำเนิดภายใต้การอุปถัมภ์ของ พระอรรคชายาเธอ พระองค์เจ้าสายสวลีภิรมย์ หรือพระนามเดิมคือ “หม่อมเจ้าหญิงสาย” พระอรรคชายาในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) เป็นพระธิดาในพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหมื่นภูมินทรภักดี (พระองค์เจ้าลดาวัลย์) ต้นราชสกุลลดาวัลย์ ณ อยุธยา ซึ่งกรมหมื่นภูมินทรภักดีทรงเป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 3)
พระอรรคชายาเธอ พระองค์เจ้าสายสวลีภิรมย์ มีพระราชโอรสและพระราชธิดา 4 พระองค์ เมื่อพระราชธิดาองค์ที่ 2 พระนามว่า พระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้านภาจรจำรัสศรี ประชวรด้วยโรคไข้รากสาดน้อย จนเป็นเหตุให้สิ้นพระชนม์เมื่อมีพระชันษาเพียง 5 ปี ใน พ.ศ. 2432 พระองค์จึงโศกเศร้าอาลัยรักพระราชธิดายิ่ง

เหตุการณ์ข้างต้นทำให้พระองค์มีพระราชดำริถึงเด็กคนอื่น ๆ ที่ขาดการเลี้ยงดูเอาใจใส่รักษาพยาบาล อันเนื่องมาจากความยากจนของบิดามารดา ประกอบกับมีพระประสงค์จะสร้างพระกุศลอุทิศแด่พระราชธิดาที่สิ้นพระชนม์ จึงโปรดให้ตั้งโรงเลี้ยงเด็กสำหรับช่วยเหลือและรับเลี้ยงเด็กที่ยากจน เด็กกำพร้ายากไร้ ไม่มีผู้ดูแลเอาใจใส่ ณ ริมถนนบำรุงเมือง ตำบลสวนมะลิ พ.ศ. 2433
สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ผู้รับหน้าที่อำนวยการ บันทึกข้อมูลไว้ว่า ที่ดินในการสร้างถูกซื้อต่อจาก “นายภู่” เป็นที่ที่มีอาคารเดิมอยู่แล้ว 4 หลัง จึงซ่อมแซมแปลงเป็นที่เลี้ยงเด็ก เรือนพยาบาล และเรือนผู้จัดการ โดยรัชกาลที่ 5 ได้เสด็จพระราชดำเนินมาทรงทำพิธีเปิดอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2433
โรงเลี้ยงเด็กของพระอรรคชายาเธอ พระองค์เจ้าสายสวลีภิรมย์ เป็นโรงเลี้ยงเด็กแห่งแรกในสยาม นับเป็นสิ่ง “ล้ำสมัย” ในยุคนั้น และเป็นต้นแบบการดำเนินงานด้านประชาสงเคราะห์ของไทยเรื่อยมา
ที่นี่มีเด็กชาย-หญิงเข้ามาอยู่ในความดูแลเป็นจำนวนมาก ตั้งแต่เด็กแรกเกิดจนถึง 11 ปี (เด็กหญิง) และ 13 ปี (เด็กชาย) โดยพระอรรคชายาเธอฯ โปรดประทานนามเด็กทุกคนให้มีคำว่า บุญ นำหน้า เช่น บุญนำ บุญชวน บุญช่วย บุญทิ้ง เป็นต้น
เด็กเหล่านี้จะต้องอาศัยกินนอนในที่แห่งนี้จนถึงช่วงวัยที่กำหนด ซึ่งนอกจากจะได้รับการดูแลเอาใจใส่ทั้งทางร่างกายและจิตใจเป็นอย่างดีแล้ว ยังได้รับความรู้ให้เติบโตไปแล้วสามารถประกอบอาชีพเลี้ยงตนเองได้ด้วย

(ภาพจาก หนังสือ “ตำนานโรงเลี้ยงเด็กของพระอัครชายาเธอฯ” / มติชนสุดสัปดาห์)
อย่างไรก็ตาม ในช่วงหลังโรงเลี้ยงเด็กเริ่มเปลี่ยนแปลงไปสู่การใช้งานรูปแบบอื่น เช่น จัดงานราตรีสโมสรต้อนรับอาคันตุกะระดับเจ้านายต่างชาติ ถูกเช่าพื้นที่เป็นโรงเรียนราชวิทยาลัย โรงเรียนเบญจมราชูทิศ ทำให้มีการต่อเติมจนอาคารสถานที่ต่าง ๆ มีจำนวนมากและใหญ่โตเกินความจำเป็น
กระทั่งเมื่อพระอรรคชายาเธอฯ สิ้นพระชนม์ เมื่อ พ.ศ. 2472 ไม่นานสถานที่แห่งนี้ก็ถูกยกเลิกไป แปลงสภาพกลายเป็นที่ดินแปลงย่อย ๆ ตึกแถว บ้านเรือน และร้านค้า จนไม่เหลือสภาพเดิมหลังเข้าสู่พุทธศตวรรษที่ 26

อนุสรณ์เดียวที่เป็นหลักฐานว่าในอดีตสถานแห่งนี้เคยเป็นที่ตั้งโรงเลี้ยงเด็กแห่งแรกของสยามมาก่อน คือชื่อ “ตรอกโรงเลี้ยงเด็ก” ที่ยังอยู่ในความทรงจำของผู้คนตราบถึงปัจจุบัน
อ่านเพิ่มเติม :
- 3 พระอรรคชายาในรัชกาลที่ 5 จากราชสกุลลดาวัลย์
- บทบาท “สายสกุลรัชกาลที่ 3” ในสมัยรัชกาลที่ 5 ทั้งฝ่ายหน้าและฝ่ายใน เป็นอย่างไรบ้าง?
- ทำไมสมเด็จพระศรีพัชรินทราฯ ไม่โปรดภาพคู่ รัชกาลที่ 5 ทรงฉายกับพระวิมาดาเธอ?
สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่
อ้างอิง :
ศันสนีย์ วีระศิลป์ชัย. พิมพ์ครั้งที่ 6. (2546). ชื่อบ้านนามเมืองในกรุงเทพฯ. กรุงเทพฯ : มติชน.
ชาตรี ประกิตนนทการ. โรงเลี้ยงเด็กของพระอัครชายาเธอฯ : ประวัติและความเปลี่ยนแปลงของพื้นที่. มติชนสุดสัปดาห์, ฉบับวันที่ 28 กรกฎาคม – 3 สิงหาคม และ ฉบับวันที่ 4 – 10 สิงหาคม 2566.
เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 26 มกราคม 2568