
ผู้เขียน | สุทธาสินี จิตรกรรมไทย เจียจันทร์พงษ์ |
---|---|
เผยแพร่ |
รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (ครองราชย์ พ.ศ. 2411-2453) เป็นยุคที่สยามเข้าสู่ยุคสมัยใหม่ พระราชอนุชาและพระราชโอรสในพระองค์จำนวนมากทรงเป็นกำลังสำคัญในการบริหารบ้านเมืองให้ก้าวหน้า อย่างไรก็ดี ยังมีพระราชโอรสและพระราชธิดาในพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว (ครองราชย์ พ.ศ. 2367-2394) หลายพระองค์ ที่ยังทรงรับราชการในรัชกาลที่ 5 แล้วบทบาท “สายสกุลรัชกาลที่ 3” ในสมัยนั้นทั้งฝ่ายหน้าและฝ่ายใน เป็นอย่างไรบ้าง?
“สายสกุลรัชกาลที่ 3” ในสมัยรัชกาลที่ 5
ฉัตรดาว ลีเชวงวงศ์ เล่าประเด็นนี้ไว้ในวิทยานิพนธ์ “การเมืองในราชสำนักฝ่ายใน ในสมัยรัชกาลที่ 5” ตอนหนึ่งว่า
หลังจากรัชกาลที่ 3 สวรรคต สายสกุลในพระองค์ก็ไม่ได้ทรงมีบทบาททางการเมืองการปกครองมากนัก
เหตุผลอาจเพราะเมื่อ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระราชบิดาในรัชกาลที่ 5 ทรงขึ้นครองราชย์ ถือเป็นการเปลี่ยนขั้วอำนาจทางการเมือง ด้วยเป็นการสืบราชสมบัติจาก “พี่สู่น้อง” (รัชกาลที่ 4 ทรงเป็นพระราชอนุชาในรัชกาลที่ 3) ไม่ใช่จาก “พ่อสู่ลูก” เหมือนรัชกาลก่อนๆ
พระราชโอรสในรัชกาลที่ 3 จึงทรงเป็นเพียงพระภาติยะ (หลาน) ของรัชกาลที่ 4

แม้พระราชโอรสรัชกาลที่ 3 จะทรงรับราชการในรัชกาลที่ 4 หลายพระองค์ แต่ก็มักทรงรับราชการในส่วนงานที่ไม่เกี่ยวข้องกับการปกครองและการทหาร เช่น กรมหมื่นอมเรนทรบดินทร์ ต้นราชสกุลคเนจร กำกับกรมช่างมุก กรมขุนราชสีหวิกรม ต้นราชสกุลชุมสาย กำกับการช่างศิลาและกรมช่างสิบหมู่ เป็นต้น
สมัยรัชกาลที่ 5 มีพระราชโอรสในรัชกาลที่ 3 ที่ยังทรงดำรงพระชนม์อยู่ 7 พระองค์
ช่วงเวลานี้ สายสกุลรัชกาลที่ 3 ก็ยังคงไม่ปรากฏบทบาทด้านการเมืองการปกครองแต่ประการใด เพราะช่วงต้นรัชกาล อำนาจการปกครองอยู่ที่ สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค) ผู้สำเร็จราชการแผ่นดิน
ต่อมาเมื่อรัชกาลที่ 5 ทรงรวมอำนาจการเมืองการปกครองได้ พระราชโอรสรัชกาลที่ 3 ก็สิ้นพระชนม์ไปเกือบหมดแล้ว ที่ยังทรงดำรงพระชนม์อยู่และรับราชการในรัชกาลที่ 5 ก็ยังคงรับราชการในส่วนงานที่ไม่เกี่ยวข้องกับการปกครองและการทหารเช่นเดิม อาทิ กรมหลวงบดินทรไพศาลโสภณ กำกับกรมอักษรพิมพการ
“จะพิจารณาได้ว่า พระราชโอรสของรัชกาลที่ 3 มักทรงกรมในระดับชั้นเริ่มแรก คือกรมหมื่นแทบทั้งสิ้น ได้ทรงกรมในระดับกรมหลวงเพียง 1 พระองค์ คือ กรมหลวงบดินทรไพศาลโสภณ และทรงกรมในระดับกรมขุนอีก 3 พระองค์เท่านั้น ซึ่งอาจเป็นเพราะพระราชโอรสทั้งหมดของรัชกาลที่ 3 มีพระยศเป็นเพียงพระองค์เจ้า ทำให้การสถาปนากรมจะเริ่มที่กรมหมื่น และด้วยมักทรงรับราชการในด้านที่ไม่เกี่ยวข้องกับการเมืองการปกครอง จึงอาจเป็นเหตุให้การพิจารณาเฉลิมพระยศมิได้รวดเร็วนัก” ฉัตรดาวระบุ

ข้างต้นคือพระราชโอรสในรัชกาลที่ 3 ที่ทรงรับราชการในราชสำนัก “ฝ่ายหน้า” ส่วนพระราชธิดาในรัชกาลที่ 3 ที่ทรงรับราชการในราชสำนัก “ฝ่ายใน” สมัยรัชกาลที่ 5 ที่ยังทรงดำรงพระชนม์อยู่มี 13 พระองค์
องค์ที่มีบทบาทสำคัญมากสุดคือ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาสุดารัตนราชประยูร หรือที่ชาววังขานพระนามว่า “ทูลกระหม่อมแก้ว” ผู้สำเร็จราชการฝ่ายใน
ฉัตรดาวเล่าว่า กรมพระยาสุดารัตนราชประยูรทรงพยายามพลิกฟื้นกฎระเบียบและขนบธรรมเนียมราชสำนักฝ่ายในให้เหมือนเมื่อครั้งรัชกาลที่ 3 ทว่าต่อมาเมื่อพระภรรยาเจ้าสายพระราชธิดาในรัชกาลที่ 4 ทวีบทบาทขึ้น ประกอบกับกรมพระยาสุดารัตนราชประยูรสิ้นพระชนม์ บทบาทสายสกุลในรัชกาลที่ 3 ในราชสำนักฝ่ายในจึงลดลง
ช่วงปลายรัชกาลที่ 5 พระราชวงศ์สายรัชกาลที่ 3 ที่ทรงมีบทบาทมากสุดคือ พระวิมาดาเธอ พระองค์เจ้าสายสวลีภิรมย์ กรมพระสุทธาสินีนาฏ ปิยมหาราชปดิวรัดา พระภรรยาเจ้าชั้นหลานหลวง (พระราชนัดดาในรัชกาลที่ 3) ด้วยทรงอุปถัมภ์หม่อมเจ้าหญิงในสายสกุลรัชกาลที่ 3 เช่น ราชสกุลลดาวัลย์ ราชกุลสิงหรา ฯลฯ ไว้หลายพระองค์
อ่านเพิ่มเติม :
- ราชสกุลรัชกาลที่ 3 มีราชสกุลใดบ้าง?
- “16 มหาสาขา” จุฬาลงกรณราชสันตติวงศ์ มีราชสกุลใดบ้าง พระองค์ใดเป็นต้นราชสกุล?
- “ทูลกระหม่อมแก้ว” คือใคร ทำไมรัชกาลที่ 5 ทรงเคารพและเอาพระทัยใส่อย่างยิ่ง?
- 3 พระอรรคชายาในรัชกาลที่ 5 จากราชสกุลลดาวัลย์
สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่
อ้างอิง :
ฉัตรดาว ลีเชวงวงศ์. การเมืองในราชสำนักฝ่ายใน ในสมัยรัชกาลที่ 5. วิทยานิพนธ์หลักสูตรปริญญารัฐศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการเมืองและการจัดการปกครอง ภาควิชาการปกครอง คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ปีการศึกษา 2558.
เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 13 มกราคม 2568