ทัศนะ “จอห์น ครอว์ฟอร์ด” ต่อราชอาณาจักรสยามในสมัยรัชกาลที่ 3

จอห์น ครอว์ฟอร์ด

“จอห์น ครอว์ฟอร์ด” ทูตชาวอังกฤษคนแรกในสมัยรัชกาลที่ 3 มองสยามแม้จะอ่อนแอ แต่ก็เย่อหยิ่ง

จากละคร “คุณพี่เจ้าขาดิฉันเป็นห่านมิใช่หงส์” ละครพีเรียดโรแมนติก ซึ่งเนื้อเรื่องอยู่ช่วง พ.ศ. 2368 ต้นรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 ช่วงเวลานั้นมีเหตุการณ์สำคัญมากมาย อย่างการทำสนธิสัญญาเบอร์นีย์ สัญญาพระราชไมตรี-พานิชย์ฉบับแรกไทยทำกับตะวันตกสมัยรัตนโกสินทร์

แต่เมื่อ 4 ปีก่อนหน้านั้น “จอห์น ครอว์ฟอร์ด” ทูตชาวอังกฤษคนแรกที่มาเยือนสยามแสดงความเห็นว่า เจรจากับชาวสยามไม่ใช่เรื่องง่าย!!

“จอห์น ครอว์ฟอร์ด” (John Crawfurd) หรือชาวสยามเรียก “ยอน การะฝัด” เป็นทูตชาวอังกฤษที่เข้ามาเจริญสัมพันธไมตรีเมื่อ พ.ศ. 2364 ในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ 2 

การมาเยือนสยามของครอว์ฟอร์ดมีจุดประสงค์สำคัญอยู่ 2 ประการ คือ เข้ามาเจรจาเพื่อหาข้อยุติกรณีพิพาทระหว่างอังกฤษกับสยามเรื่องรัฐไทรบุรี และขอให้ฝ่ายสยามลดอัตราอากรค่าระวางปากเรือของอังกฤษ 

อย่างไรก็ตาม การเจรจาในครั้งนี้ก็ไม่ประสบผลสำเร็จ เนื่องจากเกิดปัญหาระหว่างคณะทูตกับขุนนางฝ่ายสยามเสียก่อน 

จอห์น ครอว์ฟอร์ด John Crawfurd
“จอห์น ครอว์ฟอร์ด” (John Crawfurd) ทูตชาวอังกฤษ (ภาพจาก Wikimedia Commons)

สาเหตุสำคัญคือ การที่คณะทูตของครอว์ฟอร์ดนำนักสำรวจมาสำรวจทางภูมิศาสตร์ของสยาม ทำให้ชาวสยามรู้สึกไม่ไว้วางใจคณะทูตชุดนี้ เพราะเกรงว่าอังกฤษอาจใช้เป็นข้อมูลในการยกทัพมาโจมตีสยาม

อีกทั้งช่วงเวลานั้นอังกฤษได้แต่งตั้งให้ร้อยเอก เฮนรี เบอร์นีย์ (Henry Burney) เป็นราชทูต เพื่อเจริญสัมพันธไมตรีกับสยามใน พ.ศ. 2368 ตรงกับรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 3) ซึ่งเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการทำสนธิสัญญาเบอร์นีย์ (Burney Treaty)

เหตุการณ์ความวุ่นวายเหล่านี้ได้ทำให้อังกฤษมองรัฐบาลสยามด้วยทัศนคติที่ไม่ค่อยดีนัก เห็นได้จากบันทึกเอกสารของครอว์ฟอร์ด ที่กล่าวถึงลักษณะนิสัยชาวสยามและขุนนางชั้นผู้ใหญ่ในคณะรัฐบาล ปรากฏรายละเอียดในเอกสารรายงานการทำงานคณะทูตชุดครอว์ฟอร์ด ดังนี้

ฉะนั้นแม้รัฐบาลสยามจะเป็นชาติที่อ่อนแอขี้ขลาดก็ตาม แต่ก็ตั้งตนเป็นคนเย่อหยิ่งไว้ศักดิ์ ถึงขนาดหลงละเมอเพ้อพกไปได้ว่า ชาติของตนนั้นยิ่งใหญ่ไพศาลกว่าชาติอื่นในโลก

ความหลงตัวเองทำให้เข้าใจผิดไปอย่างมหันต์จนทำให้ไม่สู้ปลอดภัยที่จะต่อรองอะไรด้วยได้ ฉะนั้นนโยบายสายกลางที่ประเทศ อื่น ๆ ได้ยึดถือเป็นหลักมานั้น จึงกลับกลายเป็นสิ่งที่ชาวสยามคิดไปว่า เป็นเครื่องส่อถึงความขี้ขลาดและเกรงกลัวในอำนาจของตน…

ภาพวาด กรุงเทพฯ
ภาพมุมมองเมืองกรุงเทพฯ จากหนังสือ “Journal of an embassy from the Governor-General of India to the Court of Siam and Cochin-China”

นอกจากนี้ยังกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า

…เรื่องราวที่จะนำทูลพระองค์ (รัชกาลที่ 3 – ผู้เขียน) หรือที่เสนอไปยังรัฐบาล จะมีการพูดถึงได้ก็แค่โดยวิธีลับ หรือไม่ก็เป็นการกระซิบบอกกล่าวเล่าขานเป็นการภายในเท่านั้น ฉะนั้นแม้แต่ปรมาภิไธยของพระองค์ก็ไม่เคยมีการพูดถึง หรือไม่เปิดเผยให้ทราบ รู้ก็แต่เพียงขุนนางภายในราชสำนักฝ่ายในเพียงไม่กี่คน

บันทึกเอกสารของครอว์ฟอร์ดจึงเผยให้เห็นว่า ชาวอังกฤษยังไม่เข้าใจในวัฒนธรรมการเมืองการปกครองของสยามสมัยนั้นมากนัก นอกจากจะกล่าวถึงการปกครองของสยามด้วยความอคติแล้ว ยังได้แสดงทัศนะถึงสถานภาพของสถาบันกษัตริย์สยามที่ต่างจากวัฒนธรรมของประเทศตน

กรุงเทพฯ ในสายตาชาวตะวันตกสมัย รัชกาลที่ 3
ภาพลายเส้นกรุงเทพฯ ในสายตาชาวตะวันตกสมัย “รัชกาลที่ 3” ที่เห็นความหนาแน่นของเรือนแพในแม่น้ำเจ้าพระยา (ภาพจาก กรุงเทพฯ 2489-2539)

อ่านเพิ่มเติม : 

สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่


อ้างอิง : 

http://www.thapra.lib.su.ac.th/e-book/bangkok/07-chapter1.pdf


เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 22 มกราคม 2568