ผู้เขียน | ธนกฤต ก้องเวหา |
---|---|
เผยแพร่ |
“ขุนพิเรนทรเทพ” หรือต่อมาคือ สมเด็จพระมหาธรรมราชา พระราชบิดาในสมเด็จพระนเรศวรมหาราช นับเป็นบุคคลในประวัติศาสตร์ที่มีบทบาทมากมายก่อนได้เป็นพระเจ้าแผ่นดินอยุธยา หนึ่งในนั้นคือการเป็น “ผู้นำ” ก่อการโค่นอำนาจขุนวรวงศาธิราชและแม่หยัวศรีสุดาจันทร์ เป็น “จุดเปลี่ยน” ที่พาวงศ์สุโขทัยกลับมามีชื่อในประวัติศาสตร์ไทยอีกครั้ง
ขุนพิเรนทรเทพปรากฏตัวครั้งแรกในเหตุการณ์คราว สมเด็จพระไชยราชาธิราช ยึดอำนาจชิงราชสมบัติกรุงศรีอยุธยาจากสมเด็จพระรัฏฐาธิราช ยุวกษัตริย์ เมื่อ พ.ศ. 2077
พงศาวดารเล่าว่า สมเด็จพระไชยราชาธิราชทรงลงมาจากเมืองพิษณุโลกพร้อมด้วยขุนนางในราชวงศ์สุโขทัยที่สำคัญคือ ขุนพิเรนทรเทพ ผู้ทำหน้าที่ในตำแหน่งตำรวจราชองครักษ์ใกล้ชิด แต่ในสมัยของสมเด็จพระไชยราชาฯ ยังไม่ปรากฏบทบาทของขุนนางผู้นี้มากนัก เพราะเมื่อคำนวณปีที่พระองค์ได้ราชสมบัตินั้น ท่านมีอายุประมาณ 19 ปี เพิ่งเข้าสู่วัยฉกรรจ์

สมเด็จพระไชยราชาธิราชเสวยราชสมบัติได้ 12 ปี (พ.ศ. 2077-2089) พระยอดฟ้าราชโอรสสืบราชสมบัติต่อมาอีก 1 ปี 2 เดือน โดยมีท้าวศรีสุดาจันทร์เป็นผู้สำเร็จราชการ จากนั้นก็ถูกปลงพระชนม์ ขุนวรวงศาฯ คนรักใหม่ของแม่หยัวได้เสวยราชสมบัติ มีแม่อยู่หัวศรีสุดาจันทร์เป็นมเหสี มีนายจัน น้องชายผู้อาศัยแห่งบ้านมหาโลก เป็นอุปราช
แต่ขุนวรวงศาธิราชมีอำนาจอยู่เพียง 42 วัน ก็ถูกขุนพิเรนทรเทพกับพรรคพวกโค่นราชบัลลังก์
ความไม่พอใจที่ขุนพิเรนทรเทพมีต่อการขึ้นสู่อำนาจของพระเจ้าแผ่นดินองค์ใหม่ ปรากฏอยู่ในพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ซึ่งเผยสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างหัวเมืองเหนือกับราชสำนักกรุงศรีอยุธยา หลังขุนวรวงศาธิราชเสวยราชสมบัติ จากมุมมองของฝ่ายขุนวรวงศาฯ ความว่า
“…บัดนี้ข้างการผู้ใหญ่ผู้น้อยรักเราบ้างชังเราบ้าง หัวเมืองเหนือทั้งปวงก็ยังกระด้างอยู่ เราจำจะต้องหาลงมาผลัดเปลี่ยนเสียใหม่ จึงจะจงรักภักดีต่อเรา นางพระยาก็เห็นด้วย ครั้นรุ่งขึ้นเสด็จออกขุนนางสั่งสมุหนายกมีตราขึ้นไปหาเมืองเหนือเจ็ดเมืองลงมา”
เมื่อถึงเวลาปฏิบัติการ การลอบจู่โจมปลงพระชนม์ขุนวรวงศาธิราช แม่อยู่หัวศรีสุดาจันทร์ และนายจันอุปราช รวมถึงพระราชบุตรี เราจึงพบว่าแกนนำผู้ร่วมก่อการกับขุนพิเรนทรเทพในครั้งนั้น ได้แก่ ขุนอินทรเทพ เชื้อวงศ์นครศรีธรรมราช หมื่นราชเสน่หา ขุนนางกรุงศรีอยุธยา หลวงศรียศ บ้านลานตากฟ้า เมืองพระบาง (นครสวรรค์) พระยาพิชัย และพระยาสวรรคโลก ในรายชื่อเหล่านี้เป็นขุนนางเมืองเหนือไปแล้วถึง 4 คน (รวมขุนพิเรนทรเทพ)
ผลลัพธ์คือทั้งขุนวรวงศาธิราช แม่อยู่หัวศรีสุดาจันทร์ และพระราชบุตรีที่เพิ่งมีพระประสูติกาลอีกพระองค์หนึ่ง สิ้นพระชนม์ในเหตุการณ์คราวนั้น

อาจกล่าวได้ว่า การโค่นล้มขุนวรวงศาธิราชมาจากความพยายามของกษัตริย์กรุงศรีอยุธยาที่จะลบล้างอำนาจขุนนางในเครือข่ายราชวงศ์สุโขทัย (หัวเมืองเหนือ) แต่การดำเนินการอันล่อแหลมทั้งที่อำนาจบารมียังไม่มากพอ ได้นำภัย “ย้อนเข้าตัว”
เมื่อฝ่ายขุนพิเรนทรเทพก่อการสำเร็จ จึงอัญเชิญพระเทียรราชา พระอนุชาต่างมารดาของสมเด็จพระไชยราชาธิราช ซึ่งขณะนั้นผนวชอยู่ที่วัดราชประดิษฐ์ ให้ลาผนวชมาเสวยราชสมบัติเป็นกษัตริย์อยุธยานาม สมเด็จพระมหาจักรพรรดิ
เมื่อสมเด็จพระมหาจักรพรรดิเสวยราชสมบัติแล้ว ได้ทรงตอบแทนคุณความดีของคณะก่อการ โดยเฉพาะขุนพิเรนทรเทพ ดังพระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยากล่าวว่า
“…แล้วตรัสว่า ขุนพิเรนทรเทพเล่า บิดาเป็นราชวงศ์พระร่วง มารดาไซร้เป็นพระราชวงศ์แห่งสมเด็จพระไชยราชาธิราชเจ้า ขุนพิเรนทรเทพเป็นปฐมคิด เอาเป็นสมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราชเจ้า ให้รับพระบัณฑูรครองเมืองพระพิษณุโลก
จึงตรัสเรียกสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ พระสวัสดิราชถวายพระนามพระวิสุทธิกษัตรีเป็นตำแหน่งพระอัครมเหสีเมืองพระพิษณุโลก พระราชทานเครื่องพระราชบริโภคให้ตำแหน่งศักดิ์ฝ่ายทหารพลเรือน เรือชัยพื้นดำพื้นแดงคู่หนึ่ง และเครื่องราชกกุธภัณฑ์ให้สมเด็จพระมหาธรรมราชาธิเจ้าทรงขึ้นไป…”
จุดสังเกตคือ สิ่งพระราชทานตอบแทนแก่ขุนพิเรนทรเทพนั้น เท่ากับเป็นกษัตริย์อีกพระองค์หนึ่งก็ว่าได้ โดยเฉพาะนามสถาปนา “พระมหาธรรมราชา” ที่กษัตริย์สุโขทัยในอดีตเคยใช้ ได้กลับมาอีกครั้ง หลังถูกยกเลิกไปตั้งแต่สมัยสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ (พ.ศ.1991-2031) ช่วงที่รัฐสุโขทัยถูกผนวก “กลืน” เป็นส่วนหนึ่งของรัฐอยุธยาอย่างสมบูรณ์
การก่อการของขุนพิเรนทรเทพจึงเป็นก้าวสำคัญของ “วงศ์พระร่วง” หรือราชวงศ์สุโขทัย ให้เข้าใกล้สิทธิอำนาจในราชบัลลังก์กรุงศรีอยุธยายิ่งขึ้น และสุกงอมเต็มที่หลังเหตุการณ์เสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 1 พ.ศ. 2112 เมื่อสมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราชเสวยราชย์เป็นกษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยา
ถือเป็นการแทนที่ราชวงศ์สุพรรณภูมิด้วยราชวงศ์สุโขทัยอย่างเบ็ดเสร็จ
อ่านเพิ่มเติม :
- “วัดแร้ง” สถานที่เสียบประจาน “ขุนวรวงศาธิราช” และ “ท้าวศรีสุดาจันทร์”
- เปิดพิธีเสี่ยงทาย ก่อนปลงพระชนม์ “ขุนวรวงศาธิราช” ขุนนางมูเตลูอะไร?
- “ท้าวศรีสุดาจันทร์” คบชู้ ลอบสังวาสกับข้าหลวงในวัง ยกตำแหน่งให้เป็นพระเจ้าแผ่นดิน?
สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่
อ้างอิง :
พิเศษ เจียจันทร์พงษ์. พระมหาธรรมราชาธิราช : อำนาจเดิมที่กลับมาของราชวงศ์สุโขทัย. ศิลปวัฒนธรรม ฉบับมกราคม พ.ศ. 2546.
เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 21 พฤศจิกายน 2567