“อะเมี้ยวโยง” พระนามพม่าของพระสุพรรณกัลยา หมายถึงอะไร?

ภาพวาด อะเมี้ยวโยง พระสุพรรณกัลยา วัดดอนเจดีย์ สุพรรณบุรี ขัตติยนารี แห่ง กรุงศรีอยุธยา
ภาพวาดพระสุพรรณกัลยา ที่วัดดอนเจดีย์ อำเภอดอนเจดีย์ จังหวัดสุพรรณบุรี ซึ่งจินตนาการพระพักตร์จากพระพุทธรูปสมัยอยุธยา เพราะไม่มีหลักฐานที่กล่าวถึงรูปโฉมของพระองค์อย่างชัดเจน (วาดโดย นายยศกมล สุวิชา) [ตกแต่งภาพกราฟิกเพิ่มเติมโดยกองบรรณาธิการศิลปวัฒนธรรม]

“พระสุพรรรณกัลยา” ขัตติยนารีแห่งกรุงศรีอยุธยาอีกพระองค์ที่มีชื่อเสียงในประวัติศาสตร์ ทั้งในฐานะพระราชธิดาของสมเด็จพระมหาธรรมราชาผู้เสด็จไปเป็นองค์ประกันหงสาวดีในราชสำนักของ “พระเจ้าสิบทิศ” บุเรงนอง และ “พระพี่นาง” ของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ซึ่งพงศาวดารพม่าเรียกพระองค์ว่า “อะเมี้ยวโยง พระพี่นางพระนริศกษัตริย์อโยธยา”

พระนเรศ และพระเอกาทศรถ ในภาพยนตร์ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภาคยุทธนาวี
ภาพประกอบเนื้อหา – พระนเรศ และพระเอกาทศรถ ในภาพยนตร์ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภาคยุทธนาวี (ภาพจากคลิป “ตัวอย่าง ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช 3 ยุทธนาวี (Official Tr.)” จาก Youtube : Sahamongkolfilm International Co.,Ltd)

ทั้งนี้ ไม่ปรากฏพระนาม “อะเมี้ยวโยง” ในพงศาวดารไทย จึงเชื่อได้ว่าพระนามข้างต้นใช้กันแค่ในหลักฐานพม่า แล้วพระนามดังกล่าวมาจากไหน หมายถึงอะไร?

พงศาวดารพม่าที่ระบุพระนามข้างต้นของพระสุพรรณกัลยาคือ มหายาสะเวงเต๊ะ ของ มหาสีตู (Mahasithu) ซึ่งมีการนำชื่อของพระนางรวมไว้กับเหล่ารายชื่อมเหสีน้อย บาทบริจาริกา หรือ “โกโละดอ” (Koulouto) ในพระเจ้าบุเรงนองที่ได้ประสูติพระโอรสและพระธิดา โกโละดอเหล่านี้มีจำนวนรวมทั้งสิ้น 42 พระองค์

ความในพงศาวดารของมหาสีตูระบุว่า “อะเมี้ยวโยง พระพี่นางในพระนริศกษัตริย์อโยธยา (อยุธยา) ประสูติพระราชธิดานามเมงอทเวหนึ่ง”

อนุสาวรีย์บุเรงนอง ที่บริเวณหน้าพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติของพม่า (ภาพจาก Phyo WP)
อนุสาวรีย์บุเรงนอง ที่บริเวณหน้าพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติของพม่า (ภาพจาก Phyo WP)

ทำให้เชื่อได้ว่า คำว่า อะเมี้ยวโยง กับ เมงอทเว เป็นชื่อระบุตัวบุคคลแน่ โดยคำแรกเป็นพระนามของพระพี่นางในสมเด็จพระนเรศวร คำต่อมาคือพระนามของพระราชธิดาของพระนางอันเกิดจากพระเจ้าบุเรงนอง

“อะเมี้ยวโยง” ไม่ใช่คำไทยที่พม่าเรียกเพี้ยนจนกลายเป็นคำสำเนียงพม่าแน่นอน เพราะเกิดจากคำในภาษาพม่า 2 คำมาประกอบกัน คือ อะเมี้ยว (Amyo) มีความหมายว่า เชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ หรือสายตระกูล สันตติวงศ์ กับคำว่า โยง (Yon) ซึ่งในเอกสารเก่าอย่างอโยธยา ยาสะเวง หรือยาสะเวงอื่น ๆ (ยาสะเวง เทียบได้กับหลักฐานจำพวกพงศาวดาร) จะมีความหมายว่า เชื่อมั่น หรือไว้วางใจ

คำว่า โยง นี้ บางครั้งสะกดว่า โยงเจ (Yonge) มีความหมายว่า เชื่อหมดใจ หรือไว้เนื้อเชื่อใจโดยแท้

ดังนั้น อะเมี้ยวโยงจึงมีความหมายว่า ผู้เชื่อมั่นในเผ่าพันธุ์หรือเชื่อมั่นในชาติวงศ์แห่งตน

ปกติแล้วชื่อนี้ไม่น่าจะเป็นชื่อที่บุพการีเป็นผู้ตั้งให้ และไม่น่าเป็นแม้แต่บรรดาศักดิ์ หากแต่เป็น “ฉายา” ที่พม่าตั้งให้พระสุพรรณกัลยา เพื่อให้สอดคล้องกับพระอุปนิสัย ซึ่งเราอนุมานได้ว่า พระนางเชื่อมั่นในเผ่าพันธุ์ (สยาม) หรือเชื่อมั่นในชาติวงศ์ (วงศ์สุโขทัย) ของตนอย่างยิ่ง

ส่วนพระนาม “เมงงอทเว” เป็นคำภาษาพม่าเช่นกัน มีความหมายว่า คนสุดท้องหรือคนเล็กสุด

เมื่อถอดความหมายชื่อทั้งหมดอีกครั้งจึงหมายความว่า “พระนางผู้เชื่อมั่นในเผ่าพันธุ์แห่งตน ผู้เป็นพระพี่นางในพระนริศกษัตริย์อยุธยา ประสูติพระราชธิดานามพระนางน้อยสุดท้องหนึ่ง”

ภาพวาด พระสุพรรณกัลยา
ภาพวาดพระสุพรรณกัลยา ที่วัดดอนเจดีย์ อำเภอดอนเจดีย์ จังหวัดสุพรรณบุรี ซึ่งจินตนาการพระพักตร์จากพระพุทธรูปสมัยอยุธยา เพราะไม่มีหลักฐานที่กล่าวถึงรูปโฉมของพระองค์อย่างชัดเจน (วาดโดย นายยศกมล สุวิชา)

อ่านเพิ่มเติม : 

สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่


อ้างอิง : 

ดร. สุเนตร ชุติธรานนท์. (2550). พระสุพรรณกัลยา. พิมพ์ครั้งที่ 5. กรุงเทพฯ : มติชน.


เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 18 พฤศจิกายน 2567