รู้จัก “พระยายืนชิงช้า” ผู้แทนพระองค์ในพระราชพิธี “โล้ชิงช้า”

นายพลโท พระยาสีหราชเดโชชัย พระยายืนชิงช้า พระราชพิธีตรียัมพวาย ตรีปวาย พิธีโล้ชิงช้า
พระยายืนชิงช้านั่งบนเสลี่ยง (นายพลโท พระยาสีหราชเดโชชัย) ในพระราชพิธีตรียัมพวาย ตรีปวาย พ.ศ. 2460 (ภาพจากหนังสือ พระยายืนชิงช้า พ.ศ. 2460)

“พระยายืนชิงช้า” คือผู้มีบทบาทสำคัญยิ่งใน พระราชพิธีตรียัมพวาย ตรีปวาย พระราชพิธีประจำพระนครมาแต่โบราณ ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันขึ้น 7 ค่ำ ถึงวันแรม 5 ค่ำ เดือนยี่ ของทุกปี นัยของพิธีนี้คือ การรับและส่งเสด็จพระอิศวรกับพระนารายณ์ที่เสด็จมาเยี่ยมโลกมนุษย์

ตำนานของพระราชพิธีนี้คือ เมื่อพระพรหมสร้างโลกและสรรพสัตว์ ได้ทรงขอให้พระอิศวรคอยพิทักษ์รักษา แต่พระอิศวรทรงเกรงว่าโลกจะไม่แข็งแรง สัตว์โลกทั้งปวงจะเป็นอันตรายล้มตายได้ จึงเสด็จมาทดสอบความแข็งแรงของโลกด้วยการยืนพระบาทเดียวไขว่ห้างบนตัว “พญานาคนาลิวัน” ซึ่งใช้ศีรษะและหางผูกมัดภูเขาระหว่างสองฝั่งมหาสมุทร พระอิศวรจะโล้พระองค์เพื่อทดสอบ หากโลกแข็งแรงดีแล้ว บรรดาพญานาคราชทั้งหลายจะปิติยินดี และลงเล่นน้ำในมหาสมุทรเป็นการเฉลิมฉลอง

ในพระราชพิธี จะแบ่งเป็น 2 งานติดต่อกัน คือ พระราชพิธีตรียัมพวาย คือการรับและส่งเสด็จพระอิศวร และพระราชพิธีตรีปวาย คือการรับและส่งเสด็จพระนารายณ์ มีพราหมณ์ประกอบพิธีที่เทวสถานสำคัญ โดยการรับเสด็จพระอิศวรจะพิเศษกว่า เพราะมีการโล้ชิงช้าด้วย

ราษฎรจึงเรียกพระราชพิธีเหล่านี้อย่างสามัญจนติดปากว่า “งานโล้ชิงช้า”

เสาชิงช้า พิธีโล้ชิงช้า
เสาชิงช้าสมัยรัชกาลที่ 5 (ภาพจาก เว็บไซต์ ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร)

พัฒนาการตำแหน่ง “พระยายืนชิงช้า”

ตามที่กล่าวไปข้างต้น ผู้มีบทบาทสำคัญยิ่งในพระราชพิธีและขาดไปไม่ได้คือ “พระยายืนชิงช้า” ถือเป็นผู้แทนองค์พระมหากษัตริย์ และรับบทบาทสมมติเป็นพระอิศวรที่เสด็จลงมาเยี่ยมโลกมนุษย์ แล้วทอดพระเนตรการโล้ชิงช้า

แต่เดิมตำแหน่งพระยายืนชิงช้าเป็นหน้าที่ประจำของ “เจ้าพระยาพลเทพ” จตุสดมภ์กรม เป็นจารีตแต่โบราณตั้งแต่สมัยอยุธยา และยึดถือเรื่อยมาจนถึงปลายแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์

เมื่อเจ้าพระยาพลเทพ (ฉิม) ถึงแก่อสัญกรรม รัชกาลที่ 3 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เจ้าพระยานิกรบดินทร์ (โต กัลยาณมิตร) ครั้งยังมีบรรดาศักดิ์เป็นพระยาราชสุภาวดี และเจ้าพระยาธรรมาธิกรณ์ (เสือ สนธิรัตน) ครั้งยังเป็นพระยาราชนิกูล เป็นพระยายืนชิงช้าแทนเจ้าพระยาพลเทพคนละปี ก่อนจะเปลี่ยนเป็นเจ้าพระยายมราช (สุข สินสุข) ครั้งยังเป็นพระยาสุรเสนา ให้รับหน้าที่เป็นพระยายืนชิงช้าประจำทุกปีจนสิ้นรัชกาล

กระทั่งรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ทรงมีพระราชดำริว่า เจ้าพระยาพลเทพถูกเกณฑ์มาในพระราชพิธีถึงปีละ 2 ครั้ง นอกจากพระราชพิธีตรียัมพวาย ตรีปวายแล้ว ยังมีพระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญด้วย ต้องแจกจ่ายเบี้ยเลี้ยงผู้คนในสังกัด จนสิ้นเปลืองเงินทองมากมาย เป็นผลให้กระบวนแห่ก็ไม่ครึกครื้นยิ่งใหญ่เท่าที่ควร ขณะที่ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่คนอื่น ๆ ซึ่งมีกำลังทรัพย์มาก ไม่มีโอกาสได้แห่แหนให้เป็นเกียรติยศแก่ตนเองและวงศ์ตระกูล

รัชกาลที่ 4 จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ข้าราชการผู้ใหญ่ผลัดเปลี่ยนกันรับหน้าที่นี้ คือเป็นพระยายืนชิงช้ากันคนละปี โดยเลือกจากตำแหน่งหน้าที่ ความดีความชอบในราชการ และกำลังความพร้อม การผลัดเปลี่ยนพระยายืนชิงช้าในทุก ๆ ปีจึงเป็นธรรมเนียมปฏิบัติสืบต่อมา

บทบาทในพระราชพิธี “โล้ชิงช้า”

เนื่องจากพระยายืนชิงช้าเป็นผู้แทนพระองค์ในพระราชพิธี จึงได้รับพระราชทานเครื่องประกอบเกียรติยศสำหรับใช้ในกระบวนแห่ตามบรรดาศักดิ์

การแต่งกายของพระยายืนชิงช้านั้น พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ทรงพระราชนิพนธ์ไว้ว่า

“นุ่งผ้าเยียรบับ แต่วิธีนุ่งนั้นเรียกว่าบ่าวขุน มีชายห้อยอยู่ข้างเบื้องหน้า สวมเสื้อเยียรบับ คาดเข็มขัด สวยเสื้อครุย ลอมพอกเกี้ยวตามบรรดาศักดิ์”

เมื่อพระเจ้าแผ่นดินทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ เลือกพระยายืนชิงช้าแล้ว โหรหลวงจะต้องผูกดวงชะตาพระยายืนชิงช้า เพื่อคำนวนฤกษ์สำหรับพระราชพิธี และกำหนดกิริยาอาการที่พึงปฏิบัติ เพื่อบังเกิดความมงคลแก่บ้านเมือง เมื่อใกล้ถึงวันพระราชพิธี พระยายืนชิงช้าจะเข้าเฝ้าฯ เพื่อกราบถวายบังคมทูลลาไปรับหน้าที่

การโล้ชิงช้าในพระราชพิธีตรียัมพวาย ตรีปวาย จะกระทำ 2 วัน คือ วันขึ้น 7 ค่ำ เวลาเช้า และวันขึ้น 9 ค่ำเวลาบ่าย ราษฎรเรียกว่า “เจ็ดค่ำถีบเช้า เก้าค่ำถีบเย็น” 

เช้าวันขึ้น 7 ค่ำ พระยายืนชิงช้าจะนำตั้งกระบวนที่หน้าวัดราชบูรณะ ถวายภัตตาหารแด่พระสงฆ์ เมื่อได้ปฐมฤกษ์ก็ขึ้นเสลี่ยงเคลื่อนขบวนกันไปยังวัดสุทัศนเทพวราราม ประกอบพิธีต่าง ๆ ภายในวัด ชมนาลิวันโล้ชิงช้าจนครบ 3 กระดาน แล้วขึ้นเสลี่ยงไปยังพระที่นั่งสุทไธสวรรย์ เพื่อถวายบังคมพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ประทับคอยอยู่ และจะพระราชทานผลกัลปพฤกษ์ให้พระยายืนชิงช้าที่นั่น ก่อนจะเคลื่อนกลับวัดราชบูรณะ

ส่วนวันขึ้น 9 ค่ำ เริ่มกระบวนที่หน้าวัดราชบูรณะเช่นกัน แต่จะเคลื่อนไปถวายบังคมพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก่อนมาชมการโล้ชิงช้า

กระบวนแห่ของพระยายืนชิงช้าถือเป็นหนึ่งในจุดเด่นของพระราชพิธี เพราะกำหนดให้มีผู้ร่วมขบวนถึง 800 คน (เป็นอย่างน้อย) ยังไม่นับส่วนที่พระยายืนชิงช้าให้แต่งเติมด้วยการจัดเครื่องแห่ให้สวยงาม และสอดคล้องกับหน้าที่ราชการของตน ยกตัวอย่างพระราชพิธีเมื่อ พ.ศ. 2431 พระยายืนชิงช้าคือ “พระยาเกษตรรักษา” (นิล กมลานนท์) อธิบดีกรมนา ฝ่ายพระราชวังบวร มี “คนถือของที่เกี่ยวด้วยการนา คือ พร้าหวด คราด จอบ ฟ่อนเข้า (ข้าว) เคียว เปนต้น” 

หรือ พ.ศ. 2460 นายพลโท พระยาสีหราชเดโชไชย (แย้ม ณ นคร) ปลัดทูลฉลองกระทรวงกลาโหมเป็นพระยายืนชิงช้า ได้จัดกระบวนจตุรงคเสนาสมัยโบราณ ประกอบด้วยกอง (ทหาร) ราบ กองช้าง กองม้า กองเกวียน และกระบวนจตุรงคเสนาสมัยใหม่ ประกอบด้วยทหารจากกรมกองต่าง ๆ พร้อมด้วยอาวุธยุทโธปกรณ์อันทันสมัย เป็นที่ตื่นตาตื่นใจแก่ราษฎรที่มาชมอย่างยิ่ง

พระยายืนชิง พิธีโล้ชิงช้า
ขบวนพระยายืนชิง พ.ศ. 2460 (นายพลโท พระยาสีหราชเดโชชัย) (ภาพจากหนังสือ พระยายืนชิงช้า พ.ศ. 2460)

อย่างไรก็ตาม แม้ผู้เป็นพระยายืนชิงช้าถือว่าได้โอกาสอันดีที่จะมีหน้ามีตาและเกียรติยศอย่างสูงในสังคมราชการ แต่ต้องแลกมาด้วยค่าใช้จ่ายสูงลิ่วที่ผู้รับภารกิจนี้ต้องรับผิดชอบเอง ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่บางท่านที่อาจมีกำลังทรัพย์ไม่มากพอ จึงจัดแต่งกระบวนแต่เพียงครบถ้วนตามระเบียบราชการเท่านั้น มิได้เป็นที่เอิกเกริกจนสิ้นเปลือง

กระทั่งหลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ยกเลิกการโล้ชิงช้าในพระราชพิธีตรียัมพวาย ตรีปวาย อย่างเป็นทางการเมื่อ พ.ศ. 2477 คงเหลือแต่พระราชพิธีพราหมณ์ภายในเทวสถาน เนื่องมาจากค่าใช้จ่ายอันมหาศาลที่ต้องใช้ในพิธีเหล่านี้ ซึ่งไม่เหมาะกับสภาพเศรษฐกิจและสังคมในเวลานั้น

พระยาประดิพัทธภูบาล (คอยู่เหล ณ ระนอง) พระยายืนชิงช้า พ.ศ. 2474
พระยาประดิพัทธภูบาล (คอยู่เหล ณ ระนอง) พระยายืนชิงช้า พ.ศ. 2474 (ภาพจากหนังสือประชุมพงศาวดาร ภาค ๕๐ เรื่อง ตำนานเมืองระนอง)

อ่านเพิ่มเติม :

สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่


อ้างอิง : 

ภัทรพล เปี้ยวนิ่ม. ภาพเก่า – เล่าอดีต : พระยายืนชิงช้า. ใน นิตยสาร ศิลปากร ฉบับที่ 5 ก.ย. – ต.ค. 2560.

จุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว, พระบาทสมเด็จพระ. (2552). พระราชพิธีสิบสองเดือน. กรุงเทพฯ : ศิลปาบรรณาคาร.

สมิท, ซามูเอล เจ. (2549). จดหมายเหตุสยามไสมย เล่มที่ ๓ จ.ศ. ๑๒๔๖. พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพฯ : ต้นฉบับ.


เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 10 ตุลาคม 2567