ผู้เขียน | กองบรรณาธิการศิลปวัฒนธรรม |
---|---|
เผยแพร่ |
กรุงรัตนโกสินทร์ มีกรมพระราชวังบวรสถานมงคล หรือ “วังหน้า” ทั้งหมด 6 พระองค์ โดย “วังหน้าองค์สุดท้าย” คือ กรมพระราชวังบวรวิไชยชาญ ซึ่งเป็นวังหน้าในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระองค์ทรงเป็นพระราชโอรสของใคร?
ผศ. ดร. นนทพร อยู่มั่งมี เจ้าของผลงาน “สถิตสายขัตติยราช: ธรรมเนียมการสืบราชสมบัติไทย” หนึ่งในหนังสือชุด “กษัตราธิราช” (สำนักพิมพ์มติชน) เล่าถึงพระราชประวัติของพระองค์ในเล่มว่า
กรมพระราชวังบวรวิไชยชาญ ประสูติเมื่อวันพฤหัสบดี เดือน 10 แรม 2 ค่ำ ปีจอ พ.ศ. 2381 ในแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว ประสูติแต่เจ้าคุณจอมมารดาเอม ธิดาเจ้าสัวมี บางท่านว่าต้นตระกูลเป็นเศรษฐีบ้านถนนตาลที่กรุงศรีอยุธยา มีนิวาสสถานอยู่หลังวัดพนัญเชิง เมืองกรุงเก่า
ความที่ “พระปิ่นเกล้า” ทรงศึกษาวิทยาการตะวันตก และทรงคุ้นเคยกับมิชชันนารีอเมริกันมาก จึงพระราชทานนามพระราชโอรสพระองค์ใหญ่ว่า “ยอชวอชิงตัน” ตามนาม จอร์จ วอชิงตัน (George Washington) ประธานาธิบดีคนแรกของสหรัฐอเมริกา แต่ฝ่ายไทยนิยมเรียกว่า หม่อมเจ้ายอด
เมื่อเจ้าฟ้ามงกุฎขึ้นครองราชสมบัติเป็น พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระองค์พระราชทานนามแก่หม่อมเจ้ายอดว่า พระองค์เจ้ายอดยิ่งประยุรยศ บวรราโชรสรัตนราชกุมาร ต่อมาได้เลื่อนพระอิสริยยศทรงกรมที่ “กรมหมื่นบวรวิไชยชาญ” เมื่อ พ.ศ. 2404
หลังจากพระปิ่นเกล้า “วังหน้า” ในรัชกาลที่ 4 สวรรคตเมื่อ พ.ศ. 2408 รัชกาลที่ 4 ก็มิได้ทรงแต่งตั้งผู้ใดเป็นวังหน้าอีก จวบจนพระองค์สวรรคตเมื่อ พ.ศ. 2411
“สาเหตุที่ไม่ทรงแต่งตั้งผู้ดำรงตำแหน่งกรมพระราชวังบวรสถานมงคลอาจเป็นเพราะทรงปรารถนาที่จะให้พระราชโอรสองค์ใหญ่คือเจ้าฟ้าจุฬาลงกรณ์ สืบราชสมบัติ แต่ขณะนั้นทรงมีพระชนมายุเพียง 12 พรรษา หากให้เสวยราชสมบัติย่อมเสี่ยงต่อการถูกชิงราชบัลลังก์ ซึ่งเวลานั้น จึงทรงพระราชดำริให้หาผู้สำเร็จราชการแผ่นดิน” ผศ. ดร. นนทพร เล่า
ปลายรัชกาลที่ 4 ขุนนางที่มีบทบาทและอำนาจอย่างมาก คือ เจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค) ซึ่งมีท่าทีสนับสนุนวังหน้า โดยกราบทูลรัชกาลที่ 4 ว่า ถ้าจะโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งผู้สำเร็จราชการ ก็จะต้องสถาปนากรมหมื่นบวรวิไชยชาญให้ดำรงตำแหน่งกรมพระราชวังบวรสถานมงคลด้วย เพราะผู้คนทั้งหลายกล่าวหาว่า เจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์คิดชิงราชสมบัติ จึงต้องการคลายข้อสงสัยด้วยการสนับสนุนพระราชโอรสของพระปิ่นเกล้า
ถึงอย่างนั้น แม้ช่วงที่พระปิ่นเกล้ายังทรงมีพระชนมชีพ ก็เคยสงสัยว่าขุนนางใหญ่ผู้นี้คิดชิงราชสมบัติด้วยเช่นกัน
เบื้องหลังการสถาปนา “วังหน้า”
รัชกาลที่ 4 ทรงเกรงว่า เจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์ซึ่งเป็นผู้สำเร็จราชการจะใช้อำนาจตามใจ จึงทรงพระราชดำริว่า หากพระราชโอรสจะขึ้นครองราชสมบัติก่อนมีพระชนมายุ 20 พรรษา หรือหากกรณีที่พระองค์ทรงมีพระชนมชีพอยู่จนถึง พ.ศ. 2416 (ปีที่เจ้าฟ้าจุฬาลงกรณ์จะทรงมีพระชนมายุ 20 พรรษา) ปัญหาการตั้งผู้สำเร็จราชการแผ่นดิน และปัญหาการตั้งกรมพระราชวังบวรสถานมงคลก็จะหมดไป
แต่ด้วยทรงระแวดระวังเจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์ เกรงว่าพระราชโอรสจะเสวยราชสมบัติโดยไม่มั่นคง จึงไม่ทรงแต่งตั้งองค์รัชทายาท เพียงแต่ให้เลื่อนกรมใน พ.ศ. 2410 เท่านั้น
ทว่าก่อนรัชกาลที่ 4 จะสวรรคตเพียงไม่นาน พระองค์มีรับสั่งให้กรมหลวงวงศาธิราชสนิท เจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์ และเจ้าพระยาภูธราภัย เข้าเฝ้าฯ มีพระบรมราชานุญาตว่า ให้พระราชวงศ์และข้าราชการปรึกษาหารือกันว่า จะเห็นพร้อมให้พระเจ้าน้องยาเธอ พระเจ้าลูกยาเธอ หรือพระเจ้าหลานเธอ พระองค์ใดก็ได้ที่สามารถปกครองให้แผ่นดินร่มเย็นเป็นสุข ก็ถวายราชสมบัติแก่พระราชวงศ์นั้น
เมื่อรัชกาลที่ 4 สวรรคต เหล่าขุนนางและพระบรมวงศานุวงศ์ได้ประชุมหารือปรึกษากันมอบราชสมบัติให้เจ้าฟ้าจุฬาลงกรณ์เป็นพระเจ้าแผ่นดิน และให้เจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์เป็นผู้สำเร็จราชการแผ่นดิน จนกว่าพระเจ้าแผ่นดินพระองค์ใหม่จะถึงเกณฑ์ผนวช
จากนั้นก็เลือกผู้ที่จะดำรงตำแหน่งกรมพระราชวังบวรสถานมงคล ซึ่งที่ประชุมเลือกกรมหมื่นบวรวิไชยชาญ เพื่อ “สนองพระเดชพระคุณพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว จะได้เป็นความยินดีของพวกวังหน้าด้วย”
ที่ประชุมบางส่วนเห็นว่า ควรเป็นพระบรมราชโองการโดยตรงจากพระมหากษัตริย์ ไม่ใช่หน้าที่ของที่ประชุม ซึ่งสร้างความไม่พอใจแก่เจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์อย่างมาก แต่ท้ายที่สุดที่ประชุมก็ไม่อาจทัดทานข้อเสนอของเจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์ได้
กรมพระราชวังบวรวิไชยชาญ “วังหน้าองค์สุดท้าย”
ผศ. ดร. นนทพร ระบุใน “สถิตสายขัตติยราช: ธรรมเนียมการสืบราชสมบัติไทย” อีกว่า เมื่อพระองค์ทรงกำกับราชการวังหน้า ก็ทรงจัดระเบียบการงานตามแบบอย่างที่พระปิ่นเกล้าทรงปฏิบัติมา เช่น การฝึกหัดทหารบก ทหารเรือ การเสด็จออกที่โรงรถแทนท้องพระโรง เป็นต้น
ช่วงที่พระองค์ทรงเป็นวังหน้า ทรงมีเหตุบาดหมางกับวังหลวง เรียกกันว่า “วิกฤตการณ์วังหน้า” ซึ่งเกิดขึ้นปลาย พ.ศ. 2417 นำไปสู่การยกเลิกตำแหน่งดังกล่าว หลังจากพระองค์ทิวงคตเมื่อ พ.ศ. 2428 ขณะพระชนมายุ 48 พรรษา
กรมพระราชวังบวรวิไชยชาญ จึงทรงเป็น “วังหน้าองค์สุดท้าย” ในประวัติศาสตร์ไทย
อ่านเพิ่มเติม :
- “วังหน้า” กรุงรัตนโกสินทร์ มีกี่พระองค์ ใครบ้าง?
- “เจ้าชายยอช วอชิงตัน” พระราชโอรสในพระปิ่นเกล้าฯ เป็นอะไรกับประธานาธิบดี จอร์จ วอชิงตัน?
- เจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์ เคยปฏิเสธรัชกาลที่ 5 ไม่ยอมเป็น “สมเด็จเจ้าพระยา” เพราะเหตุใด?
สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่
อ้างอิง :
นนทพร อยู่มั่งมี. สถิตสายขัตติยราช: ธรรมเนียมการสืบราชสมบัติไทย. กรุงเทพฯ : มติชน, 2567.
เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 18 กรกฎาคม 2567