ผู้เขียน | สุทธาสินี จิตรกรรมไทย เจียจันทร์พงษ์ |
---|---|
เผยแพร่ |
โดยทั่วไป พระมหากษัตริย์ไทยจะทรงมี “พระราชานุกิจ” เรียกตามกฎมณเฑียรบาล หมายถึงกำหนดเวลาที่จะทรงปฏิบัติพระราชกิจต่างๆ ประจำวัน แล้ว พระราชานุกิจ รัชกาลที่ 4 ตั้งแต่เช้าจรดค่ำ พระองค์ทรงมีพระราชกิจอะไรบ้าง?
สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงบันทึกไว้ใน “พระราชพงศาวดาร รัชกาลที่ 5” ว่า พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชกิจแบ่งเป็น 2 สมัย คือ เมื่อเสด็จประทับ ณ พระที่นั่งจักรพรรดิพิมาน ระหว่าง พ.ศ. 2394-2402 และเมื่อเสด็จประทับ ณ พระอภิเนาวนิเวศน์ ตั้งแต่ พ.ศ. 2402 จนถึงสิ้นรัชกาลเมื่อ พ.ศ. 2411
พระราชานุกิจ รัชกาลที่ 4 สมัยแรก
เวลา 9 นาฬิกา เสด็จลงทรงบาตร เมื่อทรงบาตรเสร็จ เสด็จขึ้นบูชาพระในหอสุราลัยพิมาน แล้วเสด็จยังพระที่นั่งไพศาลทักษิณ เจ้านายผู้หญิงเฝ้า
เวลา 10 นาฬิกา เสด็จออกพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย เลี้ยงพระฉันเวร (แต่เลิกวิธีถวายข้าวสังฆทานเป็นเลี้ยงพระอย่างสามัญ) และทรงปิดทองพระพุทธรูป และคัมภีร์ เมื่อพระกลับแล้ว ทรงฟังรายงานและเบิกขุนนางเข้าเฝ้า โดยประทับที่พระราชอาสน์ ไม่ขึ้นพระแท่น
เวลาเที่ยง เสด็จขึ้นเสวยและบรรทมในพระมหามณเฑียร
เวลาบ่าย 4 นาฬิกา เสด็จออกที่สกุณวัน (คือกรงนกใหญ่ อยู่ตรงสนามหญ้าหน้าพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท) ประทับพระที่นั่งเก๋ง โปรดฯ ให้เจ้าและข้าราชการผู้ใหญ่หรือชาวต่างประเทศเฝ้ารโหฐาน แล้วเสด็จออกรับฎีการาษฎร บางวันก็เสด็จเที่ยวประพาสพระนคร
เวลาจวนค่ำ เสด็จกลับประทับที่สีหบัญชร ซึ่งอยู่ระหว่างพระที่นั่งไพศาลทักษิณกับหอพระธาตุมณเฑียร ข้าราชการในพระราชสำนักเข้าเฝ้าที่ชาลารอบพระที่นั่งสนามจันทร์ ทรงรับฎีกาซึ่งเจ้าพนักงานผู้รับนำถวาย และประภาษราชกิจตามพระราชอัธยาศัย แล้วประทับเสวยที่ห้องหลังสีหบัญชร
เวลาค่ำ 8 นาฬิกา (ถ้ามีพระราชธุระมากก็ดึกกว่านี้) เสด็จออกพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ทรงสดับพระธรรมเทศนากัณฑ์หนึ่ง แล้วทรงฟังรายงาน และเบิกข้าราชการเข้าเฝ้าตามแบบเก่า สิ้นราชการแล้วก็เสด็จขึ้น เป็นสิ้นพระราชานุกิจประจำวัน
พระราชานุกิจ สมัยที่สอง
เมื่อครั้งประทับ ณ พระอภิเนาวนิเวศน์ กรมดำรงทรงเล่าถึงพระราชานุกิจครั้งนั้นว่า
เวลาเช้า 9 นาฬิกา คงมีการทรงบาตรตามเคย แต่ทรงบาตรท้องฉนวนหลังพระที่นั่งนงคราญสโมสร เสด็จลงบ้าง โปรดฯ ให้พระเจ้าลูกเธอทรงบาตรแทนบ้าง มิได้เสด็จลงทุกวัน แต่บางวันก็โปรดฯ ให้นิมนต์เฉพาะพระสงฆ์ธรรมยุติกนิกายเข้ามารับบิณฑบาตตั้งแต่เวลา 7 นาฬิกา เสด็จลงทรงบาตรที่ชาลาใต้ต้นมิดตะวัน ริมพระราชมณเฑียรเป็นการพิเศษ
การเลี้ยงพระฉันเวรก็คงเลี้ยงทุกวัน แต่ย้ายไปเลี้ยงที่พระที่นั่งสุทไธสวรรย์ มิได้เลี้ยงในท้องพระโรงอย่างแต่ก่อน และโปรดฯ ให้พระเจ้าลูกเธอไปทรงประเคน แต่เดิมมีสวดมนต์ในวันพระด้วย
เวลาเช้า เมื่อเสด็จการทรงบาตรแล้ว มักเสด็จไปบูชาพระ และทอดพระเนตรการก่อสร้าง ณ พระพุทธนิเวศน์ ซึ่งอยู่ในบริเวณสวนศิวาลัย ถ้าเป็นวันพระ ก็ทรงแสดงพระธรรมเทศนาพระราชทานเจ้านายและข้าราชการฝ่ายในที่พระพุทธมณเฑียร จนจวนเที่ยงวัน จึงเสด็จขึ้นเสวยพระกระยาหาร
เวลาบ่าย 1 นาฬิกา เสด็จออกท้องพระโรงที่พระที่นั่งอนันตสมาคม (นามของพระที่นั่งองค์หนึ่งในหมู่พระอภิเนาว์นิเวศน์ ในพระบรมมหาราชวัง – ผู้เขียนบทความ) เจ้านายและขุนนางเข้าเฝ้า แล้วเสด็จขึ้น เข้าที่พระบรรทม
เวลาบ่าย 4 นาฬิกา เสด็จออกพระที่นั่งอนันตสมาคม ประทับที่รโหฐานให้เสนาบดีหรือผู้อื่นเฝ้าเฉพาะตัวบ้าง รับชาวต่างประเทศที่เข้าเฝ้าส่วนพระองค์บ้าง จนเวลาเย็นเสด็จออกรับฎีการาษฎรที่หน้าพระที่นั่งสุทไธสวรรย์ หรือเสด็จเที่ยวประพาสพระนครบ้าง จนเวลาค่ำเสด็จขึ้นข้างใน เสวยพระกระยาหาร
เวลาค่ำ 8 นาฬิกา แต่บางวันก็ดึกกว่านี้ แล้วแต่พระราชกิจที่ต้องทรงพระอักษรประจำวันจะเสร็จ เสด็จออกท้องพระโรงพระที่นั่งอนันตสมาคม ทรงสดับพระธรรมเทศนากัณฑ์หนึ่ง แล้วเบิกขุนนางเข้าเฝ้าฯ ตามแบบเก่า เป็นสิ้นพระราชกิจประจำวัน
อย่างไรก็ดี พระราชานุกิจ รัชกาลที่ 4 ก็อาจทรงมีการปรับเปลี่ยนตามพระราชอัธยาศัย ขึ้นอยู่กับพระราชกรณียกิจต่างๆ ที่อาจมีเร่งด่วนเข้ามา
อ่านเพิ่มเติม :
- “หมอบรัดเลย์” เผย ทำไมการสอนภาษาอังกฤษ “เจ้าจอม” ช่วงต้นรัชกาลที่ 4 ถึงล้มเหลว
- “เจ้าจอมมารดาน้อย” หลานพระเจ้าตาก หม่อมคนแรกในรัชกาลที่ 4 แต่ไม่เป็นที่โปรดปราน!?
- “หม่อมเจ้าพรรณราย” พระมเหสีผู้ทรง “ออกรับแขกเมือง” สมัยรัชกาลที่ 4
สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่
อ้างอิง :
ดำรงราชานุภาพ, สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยา. พระราชพงศาวดาร รัชกาลที่ 5. พิมพ์ครั้งที่ 4. กรุงเทพฯ : มติชน, 2555
เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 15 กรกฎาคม 2567