“หลวงปู่ศุข” พระเกจิแห่งวัดปากคลองมะขามเฒ่า ที่ “กรมหลวงชุมพรฯ” ศรัทธาและฝากตัวเป็นศิษย์ 

หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า
ภาพจิตรกรรมฝาผนัง ที่วัดปากคลองมะขามเฒ่า ฝีพระหัตถ์กรมหลวงชุมพรฯ เขียนถวายหลวงปู่ศุข (ภาพจากหนังสือ หลวงปู่ศุขกับกรมหลวงชุมพรฯ)

หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า ที่กรมหลวงชุมพรฯ ศรัทธาและฝากตัวเป็นศิษย์

“กรมหลวงชุมพรฯ” หรือ “เสด็จเตี่ย” ผู้มีบทบาทวางรากฐานกองทัพเรือของไทย ทรงมีพระเมตตาและมีพระอุปนิสัยห้าวหาญ ทรงสนพระทัยเรื่องพุทธคุณ กระทั่งทรงมีโอกาสได้พบ “หลวงปู่ศุข” พระเกจิชื่อดังแห่ง “วัดปากคลองมะขามเฒ่า” ทรงศรัทธาหลวงปู่ศุขมากจนฝากองค์เป็นลูกศิษย์ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อใดไม่ชัดเจน แต่บรรดาคนใกล้ชิดประเมินว่าน่าจะเป็นช่วง พ.ศ. 2447-2452

พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ (พ.ศ. 2423-2466) พระราชโอรสของรัชกาลที่ 5 ประสูติแต่เจ้าจอมมารดาโหมด ทรงสำเร็จการศึกษาวิชาการทหารเรือ ฝึกงานในกองเรืออังกฤษ เมื่อกลับมาก็เข้ารับราชการในกระทรวงทหารเรือ พระองค์ยังสนพระทัยในศาสตร์ต่างๆ อีกหลายแขนง และทรงฝึกฝนเรียนรู้จนแตกฉาน

“หมอพร” กรมหลวงชุมพรฯ

สำหรับความสนพระทัยไสยศาสตร์ โหราศาสตร์ และพุทธคุณของพระเครื่องต่างๆ ของกรมหลวงชุมพรฯ เริ่มจากพระองค์ทรงได้พระเครื่องของ “ในหลวงวังหน้า” จากพระราชวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวิบูลยพรรณรังษี (พระราชโอรสในกรมพระราชวังบวรวิไชยชาญ “วังหน้า” ในรัชกาลที่ 5) กรมหลวงชุมพรฯ รับสั่งให้ยิงปืนใส่ 3 ครั้ง แต่ปืนกลับยิงไม่ออก แต่เมื่อหันปากกระบอกปืนยิงขึ้นฟ้ากลับยิงออก

นั่นทำให้กรมหลวงชุมพรฯ กับ หลวงปู่ศุข “โคจรมาพบกัน”

หลวงปู่ศุข (พ.ศ. 2390-2466) กำเนิดที่ตำบลมะขามเฒ่า อำเภอวัดสิงห์ จังหวัดชัยนาท ท่านอุปสมบทเพื่อบำเพ็ญเพียรทางจิต และศึกษาหาความรู้ จึงได้ออกธุดงค์ไปพบครูผู้ทรงวิทยาในสถานที่ต่างๆ ประมาณ 15 ปี จนโยมมารดาอารธนาให้กลับมาอยู่ชัยนาท ไม่ให้ไปไหนอีก หลวงปู่ศุขจึงพัฒนา “วัดอู่ทอง” ที่เป็นวัดร้าง จนมาเป็น “วัดปากคลองมะขามเฒ่า” ในปัจจุบัน

นาวาตรี หลวงรักษาราชทรัพย์ (รักษ์ เอกะวิภาต) บันทึกว่า เมื่อกรมหลวงชุมพรฯ เสด็จประพาสตากอากาศทางเหนือ เรือพระประเทียบได้จอดพักที่ศาลาวัดปากคลองมะขามเฒ่า พระองค์ทรงเห็นหลวงปู่ศุขลงมาดูเด็กวัดตัดหญ้าบริเวณดงกล้วย ท่านเอาหัวปลีที่กองอยู่มาลูบคลำสักครู่ก็วางลง หัวปลีนั้นก็กลายเป็นกระต่ายวิ่งเพ่นพ่าน กระต่ายตัวหนึ่งวิ่งมาถึงที่พระองค์ประทับ เมื่อทรงจับกระต่ายนั้นก็กลับกลายเป็นหัวปลีดังเดิม

จากนั้นกรมหลวงชุมพรฯ จึงเสด็จไปทรงนมัสการหลวงปู่ศุข ทั้งสองสนทนากันอยู่จน 4-5 ทุ่ม จึงเสด็จกลับลงเรือ วันรุ่งขึ้นก็เสด็จไปสนทนากับหลวงปู่ศุขอีกจนลืมอาหารกลางวันไปทั้งคู่ เมื่อทรงเลื่อมใสในหลวงปู่ศุข กรมหลวงชุมพรฯ ก็ฝากตัวเป็นศิษย์ หลวงปู่ศุขเองก็รักใคร่เมตตาพระองค์จึงถ่ายทอดวิชาต่างๆ ให้

เมื่อหลวงปู่ศุขลงมากรุงเทพฯ คราวใด ก็จะมาจำวัดที่วังนางเลิ้งของกรมหลวงชุมพรฯ เป็นประจำกรมหลวงชุมพรฯ ทรงปลูกเรือนพักไว้รับรองท่านโดยเฉพาะ

กรมหลวงชุมพรฯ เสด็จเตี่ย พระราชโอรสและพระราชธิดารัชกาลที่ 5
พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ ทรงฉายใน พ.ศ. 2450

คราวหนึ่งพระโอรส 3 องค์ ของกรมหลวงชุมพรฯ ที่ไปบรรพชาเป็นสามเณรแก้บนที่หายป่วย มีพระอาจารย์พริ้ง เจ้าอาวาสวัดมะกอก เป็นพระอุปัชฌาย์ ลาสิกขาเสด็จกลับมาประทับที่วัง พอดีกับหลวงปู่ศุขลงมาพักที่วังกรมหลวงชุมพรฯ จึงให้พระโอรสบรรพชาเป็นสามเณรอีกครั้ง โดยให้หลวงปู่ศุขเป็นพระอุปัชฌาย์ พอครบ 7 วันก็ลาสิกขา

กรมหลวงชุมพรฯ เองก็เสด็จวัดปากคลองมะขามเฒ่าแทบทุกปี และทรงเขียนภาพจิตรกรรมฝาผนัง ตอนพระพุทธเจ้าทรงเลิกบำเพ็ญทุกขกริยา และแม่ธรณีบีบมวยผม บนผนังพระอุโบสถวัดปากคลองมะขามเฒ่า

ความที่ครู-ศิษย์คู่นี้ ต่างเป็นผู้พากเพียรใฝ่หาวิชาความรู้ ทั้งยังมีอุปนิสัยมุ่งมั่นเด็ดเดี่ยวเช่นเดียวกัน จึงเป็น “กัลยาณมิตร” แก่กัน เมื่อ หลวงปู่ศุข ทราบข่าวกรมหลวงชุมพรฯ สิ้นพระชนม์ที่หาดทรายรี เมื่อกลางปี 2466 ท่านเสียใจมาก จากนั้นก็เริ่มป่วยกระเสาะกระแสะ และมรณภาพในปลายปีเดียวกัน 

อ่านเพิ่มเติม :

สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่


อ้างอิง :

ม.ร.ว. อภิเดช อาภากร. หลวงปู่ศุขกับกรมหลวงชุมพรฯ, พิมพ์ครั้งแรก พฤษภาคม 2546.


เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 30 เมษายน 2567