ถอดปมความขัดแย้ง ภาพยนตร์ “CIVIL WAR” เหตุประธานาธิบดีสมัยที่ 3 ?

ภาพยนตร์ “Civil War” จากค่าย A24 ที่เข้าฉายในปี 2024 นี้ นำเสนอเหตุการณ์ “สงครามกลางเมืองสหรัฐอเมริกา” ผ่านสายตาของนักข่าวและช่างภาพกลุ่มหนึ่ง ที่ต้องเดินทางไปยังกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เพื่อสัมภาษณ์ประธานาธิบดีผู้เป็นที่เกลียดชังของประชาชน 

ในภาพยนตร์ เราทราบโครงเรื่องว่า เกิด “ความขัดแย้ง” อย่างรุนแรงในสหรัฐอเมริกา จนนำไปสู่สงครามกลางเมืองครั้งใหญ่ รัฐต่าง ๆ แบ่งฝักแบ่งฝ่ายออกเป็น 4 กลุ่ม คือ 1. New People’s Army (รัฐต่าง ๆ ทางตะวันตกเฉียงเหนือ) 2. Loyalist States (รัฐต่าง ๆ ทางชายฝั่งตะวันออก ซึ่งสนับสนุนประธานาธิบดี) 3. Western Forces (พันธมิตรระหว่างรัฐแคลิฟอร์เนีย และรัฐเท็กซัส) 4. Florida Alliance (รัฐฟลอริดาและรัฐพันธมิตรใกล้เคียง)

Advertisement
แผนที่ สงครามกลางเมืองสหรัฐอเมริกา ภาพยนตร์Civil war ค่าย A24
(ภาพจาก Instagram A24)

ภาพยนตร์ไม่ได้ระบุว่า “ความขัดแย้ง” ใดที่นำไปสู่สงคราม บอกนัยเพียงเศษเสี้ยวที่ไม่ปะติดปะต่อกันเท่าใดนักว่า ประธานาธิบดีดำรงตำแหน่งอยู่ในสมัยที่ 3 เมื่อถึงจุดหนึ่ง เขาสั่งยุบสำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐอเมริกา หรือ FBI และสั่งโจมตีทางอากาศใส่ประชาชนจนมีคนบาดเจ็บล้มตาย

ในบรรดา “ความขัดแย้ง” ที่ภาพยนตร์ได้บอกเอาไว้นั้น เรื่องการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยที่ 3 ดูน่าจะเป็นเหตุแห่งความแตกหักได้มากที่สุด

รัฐธรรมนูญของสหรัฐอเมริกา กำหนดไม่ให้ประธานาธิบดีดำรงตำแหน่งเกิน 2 สมัย หรือ 8 ปี การที่ประธานาธิบดีในภาพยนตร์ “Civil War” สามารถดำรงตำแหน่งต่อในสมัยที่ 3 น่าจะสร้างความไม่พอใจให้กับประชาชนจำนวนมาก จนนำไปสู่ “สงครามกลางเมืองสหรัฐอเมริกา”

ทว่า หากเราย้อนกลับไปดูประวัติศาสตร์ รัฐธรรมนูญสหรัฐอเมริกาเพิ่งจะมีบทบัญญัติห้ามประธานาธิบดีดำรงตำแหน่งเกิน 2 สมัย หรือ 8 ปี เมื่อ ค.ศ. 1951 นี้เอง โดยก่อนหน้านั้นนับร้อยปี สหรัฐอเมริกาไม่มีกฎหมายเช่นนี้ระบุไว้เลย และก็ไม่มีประธานาธิบดีคนไหนดำรงตำแหน่งเกิน 2 สมัย 

เพราะอะไร?

จอร์จ วอชิงตัน ประธานาธิบดีคนแรกของประเทศ ดำรงตำแหน่งตั้งแต่ ค.ศ. 1789-1797 เขาเลือกปฏิเสธดำรงตำแหน่งต่อในสมัยที่ 3 นี่จึงทำให้ประธานาธิบดีคนถัด ๆ มาจึงยึดตามจอร์จ วอชิงตัน เป็นแบบอย่าง จนเรื่องนี้กลายเป็น “ประเพณีปฏิบัติ” ของการเมืองสหรัฐอเมริกา แม้ในรัฐธรรมนูญจะไม่ได้กำหนดไว้เลยก็ตาม

การตัดสินใจของจอร์จ วอชิงตัน ที่ปฏิเสธการดำรงตำแหน่งต่อในสมัยที่ 3 ถูกมองว่าเป็นการป้องกันอำนาจเผด็จการของผู้นำประเทศนั่นเอง

หลังจากยุคของจอร์จ วอชิงตัน ประธานาธิบดีหลายคนก็เคยพยายามที่จะดำรงตำแหน่งต่อในสมัยที่ 3 เช่น ยูลิสซีส เอส. แกรนต์ (Ulysses S. Grant), ธีโอดอร์ โรสเวลต์ (Theodore Roosevelt), วูดโรว์ วิลสัน (Woodrow Wilson) แต่พวกเขาก็ไปไม่ถึงฝัน 

แต่มีบุรุษเพียงคนเดียวเท่านั้นที่เคยดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยที่ 3 และถึงขั้นต่อสมัยที่ 4 ได้อีกด้วย ผู้นั้นคือ แฟรงคลิน ดี. โรสเวลต์ (Franklin D. Roosevelt)

แฟรงคลิน ดี. โรสเวลต์ ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยแรกใน ค.ศ. 1933 เขาอยู่ครบวาระ 2 สมัย จนถึง ค.ศ. 1940 ที่จะมีการเลือกตั้งครั้งใหม่ แต่ในช่วงเวลานั้น มนุษยชาติกำลังเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่ 2 ช่วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อนี้เองที่อเมริกันชนหวาดกลัวภัยสงคราม ความไม่แน่นอนของยุคสมัยทำให้ แฟรงคลิน ดี. โรสเวลต์ ใช้บริบทนี้นำมาสร้างจุดแข็งทางการเมืองในการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งในปีนั้น และเขาก็ได้รับชัยชนะ

อย่างไรก็ตาม ชาวอเมริกัน 1 ใน 3 โดยเฉพาะบรรดานักธุรกิจและผู้ที่มีฐานะไม่เห็นด้วยและต่อต้านเรื่องนี้ พวกเขาแย้งว่า การดำรงตำแหน่งสมัยที่ 3 กำลังนำอเมริกาไปสู่เส้นทางสังคมนิยม

อีก 4 ปีต่อมา ในการเลือกตั้ง ค.ศ. 1944 สงครามโลกยังไม่จบ และแน่นอนว่า ประธานาธิบดี 3 สมัย ก็ได้รับชัยชนะอีกครั้ง ประชาชนยังคงลงคะแนนเสียงเลือกตั้งให้แฟรงคลิน ดี. โรสเวลต์ ดำรงตำแหน่งต่อในสมัยที่ 4 นับเป็นประวัติศาสตร์ครั้งสำคัญของสหรัฐอเมริกา แต่ในอีกมุมหนึ่ง นี่ก็นับเป็นช่วงเวลาที่อันตรายต่อระบบการเมืองสหรัฐอเมริกา และสั่นคลอนรัฐธรรมนูญ อันเป็นกฎหมายสูงสุดของชาติ

โทมัส อี. ดิวอี้ (Thomas E. Dewey) อดีตผู้ว่าการรัฐนิวยอร์ก และอดีตผู้สมัครท้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีของพรรครีพับลิกัน เคยกล่าวไว้ว่า วาระ 4 สมัย หรือ 16 ปี ถือเป็นภัยคุกคามต่อเสรีภาพที่อันตรายที่สุดเท่าที่เคยมีมา เขาเห็นด้วยกับการกำหนดเงื่อนไขในการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีด้วยการแก้ไขรัฐธรรมนูญ

แฟรงคลิน ดี. โรสเวลต์ ดำรงตำแหน่งสมัยที่ 4 ได้เพียง 11 สัปดาห์ ก็ถึงแก่อสัญกรรม ในตำแหน่ง เมื่อวันที่ 12 เมษายน ค.ศ. 1945 ตามมาด้วยการเรียกร้องให้มีการจำกัดการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี

สภาคองเกรส หรือฝ่ายนิติบัญญัติของสหรัฐอเมริกาพยายามจำกัดวาระการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี เพื่อป้องกันการใช้อำนาจในทางที่ผิด และอาจถึงขั้นร้ายแรงจนนำไปสู่ระบอบเผด็จการ โดยหลังจากที่แฟรงคลิน ดี. โรสเวลต์ ถึงแก่อสัญกรรม สภาคองเกรสก็พิจารณากฎหมายและการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ 

กระทั่ง 2 ปีให้หลังจากมรณกรรมของประธานาธิบดี 4 สมัย สภาคองเกรสผ่านการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญครั้งที่ 22 (22nd Amendment – Two-Term Limit on Presidency) จำกัดการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีไว้ได้เพียง 2 สมัย หรือ 8 ปี เท่านั้น

ดังนั้น ในภาพยนตร์ “Civil War” ประธานาธิบดีน่าจะใช้อิทธิพลทางการเมืองผลักดันให้ตนเองก้าวสู่อำนาจอีกสมัยหนึ่ง อาจพึ่งพากลไกลัทธิเผด็จการ หรือประกาศระงับใช้รัฐธรรมนูญ แต่ไม่ว่าจะด้วยวิธีการที่ถูกกฎหมายหรือไม่ถูกกฎหมาย มันก็นำไปสู่ความไม่พอใจของประชาชน นำไปสู่ความขัดแย้งทางการเมือง ฯลฯ และสุดท้ายก็นำไปสู่ “สงครามกลางเมืองสหรัฐอเมริกา”

ทว่า จากเค้าโครงของภาพยนตร์เรื่องนี้นำมาสู่ข้อถกเถียงว่า มันสามารถเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นจริงในสหรัฐอเมริกาได้จริงหรือ?

คำตอบหนึ่งที่น่าสนใจหนึ่งคือ อย่าคิดว่าเหตุการณ์ที่ไม่น่าจะเกิด ไม่ได้หมายความว่ามันจะไม่เกิดขึ้น ดังเช่น เหตุการณ์ที่ผู้สนับสนุนอดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ บุกอาคารรัฐสภาสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 6 มกราคม ค.ศ. 2021 ซึ่งก็ไม่มีใครคาดคิดว่าเหตุการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน 

แต่สุดท้ายมันก็ปะทุเป็น “Civil War” กลางกรุงวอชิงตัน ดี.ซี.

อ่านเพิ่มเติม :

สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่


อ้างอิง :

LESLEY KENNEDY. How FDR Became the First—And Only—President to Serve Four Terms, Accessed 18 April 2024, from https://www.history.com/news/fdr-four-term-president-22-amendment

NCC Staff. FDR’s third-term election and the 22nd amendment, Accessed 18 April 2024, from https://constitutioncenter.org/blog/fdrs-third-term-decision-and-the-22nd-amendment

Jordan Hoffman. ‘Civil War’ Succeeds Because Its Politics Make No Sense, Accessed 18 April 2024, from https://foreignpolicy.com/2024/04/13/civil-war-movie-review-garland-us-politics-election-trump/

Saba Hamedy. A24’s fictional ‘Civil War’ film brings a divided America to life, Accessed 18 April 2024, from https://www.nbcnews.com/pop-culture/movies/civil-war-movie-2024-rcna147303


เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 18 เมษายน 2567