ผู้เขียน | ธนกฤต ก้องเวหา |
---|---|
เผยแพร่ |
คัมภีร์มหาวงศ์ ตำราพุทธศาสนาเก่าแก่ของ “ลังกา” หรือประเทศศรีลังกา บอกเล่าความเป็น “แผ่นดินแห่งพันธสัญญา” ของเกาะลังกา และการเป็นชนชาติที่พระ (พุทธ) เจ้าเลือกสรรของชาวสิงหลแห่งลังกา การผูกตำนานนี้เกี่ยวข้องกับการเมืองหรือไม่?
ลังกามีหลักฐานการรับพุทธศาสนาในพุทธศตวรรษที่ 3 ในสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช หลังจากนั้น ดินแดนแห่งนี้มักจะมีเรื่องบาดหมางกับรัฐที่นับถือพรามหณ์-ฮินดู ในอินเดียใต้ ตลอดหน้าประวัติศาสตร์ของพวกเขา
ในทางภูมิรัฐศาสตร์ ลังกา เป็นเกาะที่มีขนาดเหมาะสม ไม่ใหญ่จนมีพื้นที่กระจัดกระจายหรือซับซ้อนเกินไป ไม่เล็กจนพึ่งพาตนเองไม่ได้ ทั้งมีปราการเป็นมหาสมุทรอินเดียล้อมรอบทุกทิศทาง และการอยู่ไม่ห่างจากปลายแหลมอนุทวีปอินเดีย พื้นที่เดียวที่สามารถรุกรานลังกาได้โดยตรง ทั้งหมดกลายเป็นพื้นฐานความรู้สึก “เรา” กับ “เขา” ในการรับรู้ของชาวลังกาต่ออินเดีย
พวกเขาจึงก่อตัวเป็นรัฐชาติ (Nation State) มาแต่โบราณ พร้อมกันนั้น ความเป็นศาสนาแห่งชาติ (National Religion) ของพุทธศาสนาในลังกาก็เบ่งบานควบคู่กันไปด้วย
พุทธศาสนาในลังกามีบทบาทเข้มข้นทางการเมืองอย่างต่อเนื่อง หลักฐานสำคัญคือ คัมภีร์มหาวงศ์ ที่พระมหานามเถระ ภิกษุชาวลังกาประพันธ์เป็นภาษาบาลีมาตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 1 คัมภีร์มหาวงศ์นี้พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1 ทรงให้แปลเป็นภาษาไทยเมื่อ พ.ศ. 2339 โดยตอนหนึ่งในคัมภีร์เล่าว่า พระพุทธเจ้าเสด็จมาโปรดลังกาถึง 3 ครั้ง ได้ปราบชาติยักษ์ ชาตินาค และประทับรอยพระบาทบนยอดเขาสุมนกูฏ ทำให้ลังกากลายเป็นถิ่น “มนุษยวิสัย” (ความเป็นมนุษย์)
ก่อนจะดับขันธปรินิพพานที่กุสินารา ในอินเดีย พระพุทธเจ้าทรงเรียกพระอินทร์กับพระพรหมเข้าเฝ้า ฝากให้เทพทั้งสองช่วยดูแลรักษาเกาะลังกา เพราะพุทธศาสนาจะไปเจริญงอกงามที่นั่น เป็นช่วงเวลาเดียวกับที่ เจ้าวิชัยกุมาร ปฐมกษัตริย์แห่งลังกา นำเรือพาบรรพบุรุษชาวสิงหลจากสิงหปุระในอินเดีย มาขึ้นฝั่งที่ลังกาพอดี
คัมภีร์มหาวงศ์ของพระมหานามเถระ จึงบอกเป็นกลาย ๆ ว่า ชาวสิงหล เป็นเผ่าพันธุ์ที่ถูกเลือกสรร (Chosen People) และเกาะลังกาคือ “แผ่นดินแห่งพันธสัญญา” (Promised Land)
จะด้วยความบังเอิญหรืออะไรก็ตาม “คอนเซ็ปต์” ดังกล่าวคล้ายกับในคัมภีร์ฮีบรูของวงศ์วานอิสราเอลโบราณ ที่ระบุว่าพวกเขาคือเผ่าพันธุ์ที่พระเจ้าทรงเลือก และดินแดนปาเลสไตน์หรือคานาอันเป็น “แผ่นดินแห่งพันธสัญญา” ที่พระเจ้าทรงประทานให้พวกเขา
อนึ่ง แม้คัมภีร์มหาวงศ์จะเป็นพงศาวดารและคัมภีร์ทางประวัติศาสตร์ แต่ยังเป็นวรรณคดีศาสนาที่แต่งเพื่อทำให้ผู้อ่านเกิดความเลื่อมใสและเข้าใจในพุทธศาสนามากขึ้น เล่าเรื่องพระพุทธเจ้า พระสาวก และพระราชาทั้งหลาย รวมถึงเผยแผ่พระศาสนาไปยังนานาประเทศ และเมื่อพระมหานามเถระเป็นชาวลังกา คัมภีร์จึงเน้นตำนานว่าด้วยการประดิษฐานพุทธศาสนาในลังกา
นับแต่นั้น พุทธศาสนากับพลังชาตินิยมลังกาก็แทบเป็นเนื้อเดียวกัน ตั้งแต่รัชกาลพระเจ้าทุฏฐคามินี (พ.ศ. 382-406) เป็นต้นมา ประวัติศาสตร์ลังกาจะอ้าง “ศาสนา” เคียงคู่ “ชาติ” ในสงครามขับไล่ศัตรูออกจากเกาะ ซึ่งล้วนเป็นพราหมณ์-ฮินดู จากอินเดียใต้ พุทธศาสนาในลังกาจึงมีความเข้มแข็งและมีบทบาทสำคัญมากต่ออุดมการณ์ของชนชั้นปกครอง
จะเห็นว่าเมื่อพระเจ้ากรุงลังกาจะก่อสงครามเมื่อไหร่ มักอ้างการปกป้องพระศาสนาเป็นหลัก และจะได้รับการสนับสนุนจากเหล่าภิกษุลังกาเสมอ
ระหว่าง พ.ศ. 1696-1729 ในรัชกาลพระเจ้าปรักกรมพาหุที่ 1 ลังกาขับไล่กองทัพโจฬราชออกจากเกาะ และปราบปรามผู้นับถือพราหมณ์-ฮินดู ในเกาะได้เบ็ดเสร็จ พระองค์แต่งตั้ง พระกัสสปะมหาเถระ พระครูส่วนพระองค์ ให้เป็นประธานสงฆ์โดยสมบูรณ์ มีอาญาสิทธิ์เสมอกษัตริย์ในการสอบไล่ภิกษุทุศีล รวมถึงการผนึกพุทธศาสนานิกายย่อยในลังกาให้เป็นหนึ่งเดียว อำนาจที่พระกัสสปะมหาเถระได้รับ กลายเป็นต้นเค้าของตำแหน่ง “สังฆราช” ในเวลาต่อมา
แม้นโยบายรวมศูนย์อำนาจจะนำลังกาไปสู่ความขัดแย้งและความแตกแยกอันยาวนานหลังจากนั้น แต่เป็นไปได้ว่าปราชญ์ในอุษาคเนย์ (เอเชียตะวันออกเฉียงใต้) ช่วงพุทธศตวรรษที่ 18-19 เล็งเห็นแล้วว่า พุทธศาสนาลังกาวงศ์เป็นอุดมการณ์ที่เข้มแข็ง และสามารถใช้ตอบโต้อำนาจการปกครองชนชั้นพราหมณ์-ฮินดู ในดินแดนของพวกเขาได้ จึงหันมารับศาสนาพุทธนิกายนี้
เราจึงเห็นการเสื่อมอำนาจลงของรัฐเก่าแก่ที่นับถือพรามหณ์-ฮินดู และพุทธมหายานในอุษาคเนย์ ถูกแทนที่ด้วยรัฐเกิดใหม่อย่าง สุโขทัย อโยธยา (อยุธยา) ล้านนา ล้านช้าง ซึ่งล้วนนับถือพุทธศาสนาแบบลังกาวงศ์ จาก “แผ่นดินแห่งพันธสัญญา” โดยสำนึกดังกล่าวยังแทรกอยู่อย่างเงียบ ๆ ในคัมภีร์มหาวงศ์ แม้จะเลือนลางเต็มทีในการรับรู้ของผู้คนในอุษาคเนย์
อ่านเพิ่มเติม :
- พุทธศาสนา “ลังกาวงศ์” เข้ามาเมื่อไร? ทางไหน?
- “สงครามศาสนา” ในแผ่นดินเขมร ส่วนหนึ่งของ “ยุคมืด” ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่
อ้างอิง :
ไมเคิล ไรท. “ยุคมืด” หรือช่องว่างในประวัติศาสตร์สยาม ใน ยุคมืดของประวัติศาสตร์ไทย หลังบายน พุทธเถรวาท การเข้ามาของคนไท. กรุงเทพฯ : มติชน.
เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 22 มีนาคม 2567