เมืองฉอดอยู่ไหน? สืบถิ่นฐาน “ขุนสามชน” คู่ยุทธหัตถีของพ่อขุนรามคำแหง

ยุทธหัตถี พ่อขุนรามคำแหงมหาราช กับ ขุนสามชน แห่ง เมืองฉอด
ภาพจำลองยุทธหัตถีระหว่างพ่อขุนรามคำแหงมหาราช (ซ้าย) กับขุนสามชน (ขวา) บริเวณฐานพระบรมราชานุสาวรีย์พ่อขุนรามคำแหงมหาราช (ภาพโดย Hartmann Linge ใน Wikimedia Commons สิทธิการใช้งาน CC BY-SA 3.0 / มีการปรับกราฟิกเพิ่มเติมโดยกอง บก. ศิลปวัฒนธรรม)

ประวัติศาสตร์สุโขทัยเล่าพระราชประวัติ พ่อขุนรามคำแหงมหาราช ว่ามีเหตุการณ์ยุทธหัตถี ระหว่างพระองค์กับ ขุนสามชน แห่ง “เมืองฉอด” ซึ่งยกทัพมาตีเมืองตาก ส่วนหนึ่งของอาณาจักรสุโขทัย พ่อขุนรามคำแหงซึ่งขณะนั้นมีพระชนมายุ 19 ปี เป็นองค์รัชทายาทในพ่อขุนศรีอินทราทิตย์ ปฐมกษัตริย์ราชวงศ์พระร่วงแห่งกรุงสุโขทัย ก็ได้เสด็จยกทัพไปด้วยพระราชบิดาเพื่อรับทัพเมืองฉอด

ในศึกครั้งนั้น ช้างทรงของพ่อขุนศรีอินทราทิตย์ตื่นหนีข้าศึก พ่อขุนรามคำแหงจึงขับช้างเอนกพลเข้ากันกับพระราชบิดา แล้วกระทำยุทธหัตถี ชนช้างกับขุนสามชน ท้ายที่สุดพ่อขุนรามคำแหงสามารถสังหารขุนสามชนได้ ทัพเมืองฉอดจึงแตกพ่ายหนีไป

Advertisement

นี่คือเรื่องราวของ “ขุนสามชน” และเมืองฉอด ที่ปรากฏใน จารึกหลักที่ 1 ศิลาจารึกพ่อขุนรามคำแหง ทำให้เห็นว่า เมืองฉอดคงเป็นรัฐขนาดย่อมรัฐหนึ่ง จึงมีกำลังพลพอที่จะรุกรานอาณาจักรสุโขทัยได้

แต่เมืองอยู่ไหน?

“เมืองฉอด” ในจารึกสุโขทัย

มีหลักฐานว่า “เมืองฉอด” เคยเป็นเมืองในอาณาจักรสุโขทัยมาตั้งแต่สมัยพ่อขุนศรีนาวนำถุม กษัตริย์ผู้ครองเมืองศรีสัชนาลัยสุโขทัยก่อนราชวงศ์พระร่วง ดังมีข้อความใน จารึกหลักที่ 2 ศิลาจารึกวัดศรีชุม กล่าวถึงอาณาเขตของพ่อขุนศรีนาวนำถุมว่าครอบคลุมไปถึงเมืองฉอดทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ ดังข้อความด้านที่ 1 บรรทัดที่ 13 ความว่า “…เบื้องในหรดีเถิงฉอด…” หรือ ด้านทิศตะวันตกเฉียงใต้จรดเมืองฉอดนั่นเอง

แปลว่าเมืองฉอดเคยเป็นบริวารของอาณาจักรสุโขทัยมาก่อน แต่แยกตนเป็นอิสระก่อนยกทัพมาตีเมืองตาก กระทั่งขุนสามชนพ่ายในยุทธหัตถี เมืองฉอดจึงกลับมาเป็นบริวารของสุโขทัยอีกครั้ง

เพราะจารึกหลักที่ 286 ศิลาจารึกวัดบูรพารามระบุว่า เมืองฉอดเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรสุโขทัยทั้งในสมัยพ่อขุนรามคำแหงมหาราช (พ.ศ. 1822-1841) สมัยพระมหาธรรมราชาลิไทย (พ.ศ. 1890-ประมาณ พ.ศ. 1911) และพระมหาธรรมราชาธิราช (ประมาณ พ.ศ. 1911-1942)

ศิลาจารึกหลักที่ 4 และ 5 ศิลาจารึกวัดป่ามะม่วง ยังกล่าวถึงเรื่อง พระมหาธรรมราชาลิไทย พระราชนัดดาของ พ่อขุนรามคำแหงมหาราช ทรงผนวชเมื่อ พ.ศ. 1904 พระองค์ทรงอัญเชิญพระมหาสามีสังฆราชจากนครพัน ซึ่งอยู่เหนือเมืองเมาะตะมะขึ้นไปราว 50 กิโลเมตร มาเป็นพระอุปัชฌาย์ และทรงแต่งให้อำมาตย์มนตรีราชสกุลไปต้อนรับพระมหาสามีสังฆราชจากเมืองฉอดมาถึงกรุงสุโขทัย

ดังข้อความในจารึกหลักที่ 4 ความว่า “…ใช้อำมาตย์มนตรีราชสกุลทั้งหลายไปต้อนรับ บูชาสักการะจาก ‘เมืองฉอด’ มาถึงเมืองเชียงทอง ถึงเมืองบางจันทร์ บางพารแล้วถึงเมืองสุโขทัยนี้…” และในจารึกหลักที่ 5 ระบุว่า “_แต่งลูกเจ้าลูกขุนไปรับ_เมืองฉอดมา_”

“เมืองฉอด” อยู่ไหน?

จริงอยู่ที่หลักฐานทั้งหมดบ่งชี้ว่า “เมืองฉอด” อยู่ทางตะวันตกหรือตะวันตกเฉียงใต้ของกรุงสุโขทัย แต่ไม่มีหลักฐานใดบอกตำแหน่งเมืองที่สามารถสืบมาถึงสมัยปัจจุบันได้เลย

ทั้งนี้ นักประวัติศาสตร์วิเคราะห์กันว่า เมืองสอดอยู่บริเวณอำเภอแม่สอด ทางตะวันตกเฉียงใต้ของตัวเมืองจังหวัดตาก เนื่องจาก “สอด” กับ “ฉอด” คือคำเดียวกัน แต่คนภาคเหนือออกเสียง “ฉ” เป็นเสียง “ส”

กระทั่งมีการพบเมืองโบราณในป่าทึบริมแม่น้ำเมย ที่บ้านแม่ต้าน อำเภอท่าสองยาง จังหวัดตาก หรือเมืองเก่าห้วยลึก ตามภาษาชาวบ้าน เป็นเมืองโบราณขนาดใหญ่ ซึ่ง จิตร ภูมิศักดิ์ เคยให้ทัศนะว่า เมืองฉอดน่าจะเป็นเมืองโบราณบ้านแม่ต้านนี่แหละ หรืออาจไม่ใช่ก็ได้เช่นกัน เพราะบริเวณดังกล่าวยังมีเมืองที่ปรากฏชื่อในศิลาจารึกสุโขทัย แต่ยังไม่พบตำแหน่งที่แท้จริงอีกหลายเมือง

แต่เมื่อมีการพิสูจน์ทางโบราณคดีอย่างละเอียด ปรากฏว่าว่าเมืองโบราณบ้านแม่ต้านอยู่ในวัฒนธรรมล้านนา จึงไม่สอดคล้องกับข้อมูลที่ว่าเมืองฉอดเป็นบริวารของสุโขทัยอย่างยาวนาน และควรรับวัฒนธรรมจากสุโขทัย

ความเป็นไปได้ของตำแหน่งเมืองฉอด จึงโยกกลับมาที่ริมแม่น้ำเมย อำเภอแม่สอด อีกครั้ง

ด้าน ศาสตราจารย์ ดร. ประเสริฐ ณ นคร อธิบายไว้ในหนังสือ ประวัติศาสตร์เบ็ดเตล็ด รวมบทนิพนธ์ “เสาหลักวิชาการ” ศาสตราจารย์ ดร. ประเสริฐ ณ นคร (สนพ. มติชน : 2549) ระบุว่า เมืองฉอดริมแม่น้ำเมย ในอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก แม้จะเป็นเมืองโบราณรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าแบบที่นิยมสร้างกันในสมัยสุโขทัย แต่มีขนาดเล็กเกินกว่าจะเชื่อได้ว่ามีกำลังพอที่จะยกมาตีเมืองตากในสมัยพ่อขุนศรีอินทราทิตย์ได้

อาจารย์ประเสริฐ สันนิษฐานว่า เมืองสอดอาจจะตั้งอยู่ริมแม่น้ำเมยทางฝั่งพม่า คือเมืองเมียวดี รัฐกะเหรี่ยง เพราะมีการค้นพบเมืองร้างรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าซึ่งมีขนาดใหญ่พอสมควรที่นั่น

ตรงกับความเห็นของ รองศาสตราจารย์ ศรีศักร วัลลิโภดม ที่เสนอไว้ในหนังสือ เมืองโบราณในอาณาจักรสุโขทัย (สนพ. เมืองโบราณ, พิมพ์ครั้งที่ 2 : 2552) ว่าเมืองฉอดคือ “เมียวดี” เพราะพบหลักฐานทั้งร่องรอยคูน้ำคันดิน กำแพงเมือง และเศษเครื่องถ้วยยุคสุโขทัยจำนวนหนึ่งที่นั่น

อย่างไรก็ตาม เรายังไม่พบโบราณสถานอื่น ๆ ในเมียวดี ที่ช่วยบ่งชี้ว่าเมืองแห่งนี้เคยเป็นบริวารของอาณาจักรสุโขทัยมาก่อนจริง ๆ จึงต้องรอการพิสูจน์เพื่อยืนยันข้อสมมติฐานดังกล่าวกันต่อไป

อ่านเพิ่มเติม : 

สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่


อ้างอิง : 

ประเสิรฐ ณ นคร. (2549). ประวัติศาสตร์เบ็ดเตล็ด รวมนิพนธ์ “เสาหลักทางวิชาการ” ของ ศาสตราจารย์ ดร. ประสริฐ ณ นคร. กรุงเทพฯ : มติชน.

รองศาสตราจารย์ ศรีศักร วิลลิโภดม. (2552). เมืองโบราณในอาณาจักรสุโขทัย. พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพฯ : มติชน.

สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดตาก. เจดีย์ยุทธหัตถี. สืบค้นเมื่อ 18 มีนาคม 2567. จาก https://www2.m-culture.go.th/tak/ewt_news.php?nid=779&filename=index

มติชนออนไลน์. เมืองโบราณแม่ต้าน คือเมืองฉอดจริงหรือไม่ในทรรศนะของจิตร ภูมิศักดิ์. 7 มีนาคม 2562. จาก https://www.matichon.co.th/prachachuen/news_1395525


เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 18 มีนาคม 2567