ชีวิต “บาทหลวงฝรั่งเศส” ยุค “พระเพทราชา-หลวงสรศักดิ์” ยังอยู่ดีหรือไม่?

สมเด็จพระเพทราชา หลวงสรศักดิ์ ละคร พรหมลิขิต
สมเด็จพระเพทราชา ในละครเรื่องพรหมลิขิต (ภาพจาก Facebook : Ch3Thailand)

ฝรั่งเศส เป็นชาติหนึ่งที่มีบทบาทอย่างมากในรัชสมัย สมเด็จพระนารายณ์มหาราช แต่หลังเกิดการปฏิบัติ พ.ศ. 2231 “สมเด็จพระเพทราชา” เสด็จขึ้นครองราชย์ โดยมี หลวงสรศักดิ์ ช่วยว่าราชการเรื่องต่างๆ ชะตาชีวิตของชาวฝรั่งเศส รวมทั้ง บาทหลวงฝรั่งเศส ที่เคยมีเสรีในการเผยแผ่ศาสนาคริสต์ เป็นอย่างไร?

กำพล จำปาพันธ์ บอกเล่าไว้ใน Downtown Ayutthaya ต่างชาติต่างภาษา และโลกาภิวัตน์แรกในสยาม-อุษาคเนย์ (สำนักพิมพ์มติชน) ว่า ช่วงเวลาแห่งความรุ่งโรจน์ของฝรั่งเศสในอยุธยาดำรงอยู่ในเวลาอันสั้น เมื่อเกิดการปฏิวัติปราบดาภิเษกโดยกลุ่ม พระเพทราชา และ หลวงสรศักดิ์ เมื่อ พ.ศ. 2231 ข้อตกลงเรื่องการค้าและการทหารถูกยกเลิกไป กองทหารฝรั่งเศสที่ป้อมเมืองบางกอกถูกบังคับให้ออกจากอยุธยา ถึงขั้นทำสงครามเพื่อขับไล่กองทหารส่วนนี้

แต่แม้กองทหารฝรั่งเศสจะเหลือจำนวนพลน้อยลงกว่าเมื่อแรกเข้ามามากก็ตาม ผลการสู้รบอย่างยืดเยื้อก็ไม่มีทีท่าจะยุติลง สุดท้าย สมเด็จพระเพทราชา ที่เพิ่งขึ้นครองราชสมบัติก็แสดงพระเมตตา โดยการปล่อยตัวชาวฝรั่งเศสที่ถูกจับกุมระหว่างทรงยึดอำนาจ เปิดการเจรจายุติสงครามกับกองทหารฝรั่งเศสที่ป้อมบางกอก และพระราชทานเรือให้กองทหารฝรั่งเศสกลับไปประเทศ

หลัง พ.ศ. 2231 การเผยแผ่ศาสนาคริสต์ยังอนุญาตให้ทำได้อย่างเสรีเหมือนสมัยสมเด็จพระนารายณ์ คณะบาทหลวงฝรั่งเศส จึงยังคงอยู่มาถึงเสียกรุงศรีอยุธยา พ.ศ. 2310 แม้จะไม่ได้รับการสนับสนุนมากเหมือนสมัยสมเด็จพระนารายณ์ก็ตาม นั่นก็เพราะว่า คณะบาทหลวงได้เคยแสดงให้เห็นเป็นที่ประจักษ์แล้วว่า นอกจากเผยแผ่ศาสนา พวกเขายังมีบทบาทด้านอื่น เช่น การนำเข้าเทคโนโลยี การแพทย์และการสาธารณสุข ที่บาทหลวงมีบทบาทอย่างมากต่อการรักษาโรคระบาดในสมัยสมเด็จพระนารายณ์ และในสมัยสมเด็จพระเพทราชา

แม้ทางการจะอนุญาตให้บาทหลวงเผยแผ่ศาสนาได้อย่างเสรี แต่ก็ถูกจำกัดด้วยวัฒนธรรมและระบบเจ้าขุนมูลนาย เมื่อไม่สามารถทำให้ไพร่หลุดพ้นจากการถูกเกณฑ์แรงงานได้ การเข้ารีตจึงไม่มีความหมาย ทั้งยังเพิ่มภาระให้คนเข้ารีตอีกด้วย แต่การบวชเป็นพระในพุทธศาสนานั้นตรงกันข้าม บุคคลนั้นจะได้รับอนุญาตให้ไม่ต้องถูกเกณฑ์แรงงาน จึงมีผู้บวชเป็นพระจำนวนมากในสมัยอยุธยา

การเผยแผ่ศาสนาของคณะบาทหลวงคริสต์ นับตั้งแต่สมัย สมเด็จพระเพทราชา เป็นต้นมา จึงจำกัดวงอยู่แต่ในหมู่ชุมชนต่างชาติ ที่เป็นประชากรลูกผสมระหว่างชาวยุโรปกับชนพื้นเมือง และชาวเวียดนาม เขมร ลาว จีน มอญ ที่อพยพเข้ามา

อ่านเพิ่มเติม :

สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่ 


อ้างอิง :

กำพล จำปาพันธ์ และโมโมทาโร่. (2566). Downtown Ayutthaya ต่างชาติต่างภาษา และโลกาภิวัตน์แรกในสยาม-อุษาคเนย์. กรุงเทพฯ : มติชน.


เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 21 ตุลาคม 2566