รู้หรือไม่? อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ เคยเกือบจะได้เป็นประธานาธิบดีอิสราเอล

อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ และ เดวิด เบนกูเรียน นายกรัฐมนตรี คนแรก ของ อิสราเอล
อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ และเดวิด เบนกูเรียน นายกรัฐมนตรีคนแรกของ อิสราเอล (ภาพจาก Wikimedia)

อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ (Albert Einstein) เป็นนักวิทยาศาสตร์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก จากผลงานการคิดค้นทฤษฎีสัมพัทธภาพ ที่สร้างแรงสั่นสะเทือนไปทั่วโลก ทำให้เขาขึ้นชั้นเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ แต่รู้หรือไม่ครั้งว่าหนึ่ง ไอน์สไตน์ได้รับข้อเสนอให้ก้าวสู่วงการการเมือง และเกือบจะได้เป็น “ประธานาธิบดี” ของประเทศเกิดใหม่ อย่าง “อิสราเอล” มาแล้ว

หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุด ได้มีการก่อตั้ง “อิสราเอล” ขึ้นในปี 1948 จากการสนับสนุนของฝ่ายสัมพันธมิตร โดยมีนายกรัฐมนตรีคนแรก คือ เดวิด เบน-กูเรียน (David Ben-Gurion) และประธานาธิบดีคนแรก คือ ชาอิม ไวซ์มัน (Chaim Weizman)

วันที่ 9 พฤศจิกายน ปี 1952 ไวซ์มันเสียชีวิตลงอย่างกะทันหัน ทำให้ เบน-กูเรียนต้องหาบุคคลที่เหมาะสมและได้รับการยอมรับจากประชาชนมาเป็นประธานาธิบดีคนต่อไป ซึ่งคนที่เขาหมายตาไว้ก็คือ อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ นั่นเอง

เหตุที่เป็นไอน์สไตน์ เพราะเบน-กูเรียนเห็นว่า นักวิทยาศาสตร์ชื่อก้องมีเชื้อสายยิว บวกกับชื่อเสียงและความสามารถของไอน์สไตน์ก็เป็นที่ยอมรับไปทั่วโลก ด้วยเหตุผลทุกข้อประกอบกัน ย่อมทำให้ภาพลักษณ์ของประเทศเกิดใหม่อย่างอิสราเอลเป็นที่ยอมรับในประชาคมโลกมากขึ้น เพราะขณะนั้นอิสราเอลยังไม่ได้รับการยอมรับทางการทูตจากหลายประเทศ เหตุจากกรณีพิพาทเรื่องดินแดนกับชาวปาเลสไตน์และประเทศอาหรับข้างเคียงที่เป็นศัตรูกับพวกเขา

เบน-กูเรียนติดต่อไอน์สไตน์ผ่าน แอ็บบา อีแบน (Abba Eban) เอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นประเทศที่ไอน์สไตน์อาศัยอยู่ (ไอน์สไตน์เป็นชาวเยอรมัน เชื้อสายยิว แต่ลี้ภัยออกนอกประเทศในช่วงที่พรรคนาซีปกครองเยอรมนี และมีนโยบายกดขี่ชาวยิว ภายหลังเขาเปลี่ยนสัญชาติเป็นอเมริกัน) ให้ทาบทามไอน์สไตน์มารับตำแหน่งประธานาธิบดีอิสราเอล ซึ่งเป็นประมุขแห่งรัฐในเชิงสัญลักษณ์ ไม่ต้องบริหารประเทศ เพราะมีนายกรัฐมนตรีเป็นหัวหน้ารัฐบาลทำหน้าที่อยู่แล้ว

ข้อเสนอของเบน-กูเรียนมีเงื่อนไขว่า หากไอน์สไตน์ตกลงยอมรับข้อเสนอ จะต้องสละสัญชาติอเมริกันและเปลี่ยนมาถือสัญชาติอิสราเอล รวมทั้งต้องย้ายไปอยู่อิสราเอล และแม้จะดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี แต่รัฐบาลอิสราเอลก็จะยังคงอนุญาตให้ไอน์สไตน์มีส่วนร่วมต่อวงการวิทยาศาสตร์เหมือนเดิม และจะสนับสนุนงานวิจัยต่าง ๆ ของเขาด้วย

อย่างไรก็ตาม ไอน์สไตน์ได้ปฏิเสธข้อเสนอดังกล่าว ด้วยเหตุผลหลายประการด้วยกัน เช่น อายุมาก เพราะตอนได้รับข้อเสนอ เขามีอายุ 73 ปีแล้ว ซึ่งในความเห็นของไอน์สไตน์คือ ประการแรก ตัวเองแก่เกินไปที่จะเข้าสู่แวดวงการเมือง ประการที่สอง ไอน์สไตน์ลงหลักปักฐานที่สหรัฐอเมริกาตั้งแต่ปี 1933 นับเป็นเวลาเกือบ 20 ปี จึงเกิดความผูกพันกับประเทศนี้ การต้องย้ายไปอาศัยในประเทศอื่นที่ไม่มีความผูกพันเป็นสิ่งที่เขาไม่ชอบอย่างมาก

ประการสุดท้าย ไอน์สไตน์คิดว่าตัวเขาไม่เหมาะสมกับการดำรงตำแหน่งทางการเมือง เพราะไม่มีความรู้ หรือประสบการณ์ทางการเมืองมาก่อน ไอน์สไตน์มองว่ายังมีคนที่เหมาะสมกว่าอีกหลายคน ที่ควรได้รับโอกาสเข้ามาทำงานการเมืองในตำแหน่งนี้ ดังคำกล่าวของเขาว่า

“ผมรู้สึกซาบซึ้งและขอบคุณอย่างยิ่งต่อข้อเสนอของรัฐบาลอิสราเอล แต่ผมต้องขอปฏิเสธและขออภัยเป็นอย่างยิ่ง ผมขาดทั้งความสามารถและประสบการณ์ในการบริหารจัดการคน”

เมื่อไอน์สไตน์ปฏิเสธข้อเสนอ ตำแหน่งประธานาธิบดีคนใหม่จึงตกเป็นของ ยิตซัก เบน-ซวี (Yitzhak Ben-Zvi) นักการเมืองอิสราเอลผู้มีความสามารถอีกคนหนึ่ง ซึ่งนั่งเก้าอี้ประธานาธิบดีคนที่ 2 ของอิสราเอลเกือบ 11 ปี ตั้งแต่เดือนธันวาคม ปี 1952 ถึงเดือนเมษายน ปี 1963

อ่านเพิ่มเติม :

สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่ 


อ้างอิง :

Anna Dubey, The Time Albert Einstein Was Asked to be President of Israel. Access 16 February 2023, from https://www.britannica.com/story/the-time-albert-einstein-was-asked-to-be-president-of-israel

Albert Einstein. Access 16 February 2023, from https://www.biography.com/scientists/albert-einstein

Offering the Presidency of Israel to Albert Einstein. Access 16 February 2023, from https://www.jewishvirtuallibrary.org/offering-the-presidency-of-israel-to-albert-einstein


เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 16 กุมภาพันธ์ 2566