ที่มา | ศิลปวัฒนธรรม ฉบับกุมภาพันธ์ 2548 |
---|---|
ผู้เขียน | อภิลักษณ์ เกษมผลกูล |
เผยแพร่ |
“ผูกนิพานโลกีย์” ตำรากามสูตร สัญชาติไทย มีเนื้อหาอย่างไรกัน?
เราคงมิอาจปฏิเสธได้ว่าการ “เสพสมพาส” มีความหมายอย่างยิ่งในการธำรงรักษาเผ่าพันธุ์ของมนุษย์มิให้สูญสิ้นไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอารยธรรมตะวันออกนั้น การเสพสมพาสได้รับการยอมรับว่าเป็นศิลปะอย่างหนึ่ง คือเป็นศิลปะในการร่วมรักด้วยท่วงท่าต่างๆ เพื่อให้การปฏิบัติกิจนั้นเกิดความสุขอย่างหฤหรรษ์ ตำราในลักษณะนี้ที่ขึ้นชื่อลือชาและรู้จักกันทั่วโลก คงไม่พ้น “ตำรากามสูตร” ของอินเดีย
ในสังคมไทยนับแต่โบราณมา เรื่องการเสพสมพาสถือเป็นเรื่อง “บัดสีบัดเถลิง” ผู้ดีย่อมไม่กล่าวถึง (ในที่แจ้ง) ดังนั้นตำราในลักษณะนี้จึงมักไม่เกิดขึ้นได้ง่าย อย่างไรก็ตามในขณะที่สังคมปิดกั้นเรื่องดังกล่าว นิทานพื้นบ้านและเพลงพื้นบ้านกลับบรรจุเรื่องราวเหล่านี้ไว้อย่างครบถ้วน โดยเฉพาะนิทานแนวตาเถรกับยายชี เพลงปฏิพากย์ต่างๆ ที่แสดงถึงการระบายออกเรื่องเพศของสังคม แต่ก็ยังไม่พบตำราหรือบันทึกใดๆ ที่กล่าวถึงการเสพสมพาสไว้อย่างชัดเจน การค้นพบวรรณกรรมที่เป็นตำราในลักษณะ “กามสูตร” ที่มีสัญชาติไทยเต็มร้อยครั้งนี้จึงนับเป็นเรื่องน่าอัศจรรย์ใจยิ่ง
เรื่อง ผูกนิพานโลกีย์ นี้ พบที่วัดไผ่ล้อม ตำบลบางพระ อำเภอเมืองตราด จังหวัดตราด จารลงใบลาน ด้วยอักษรขอมและอักษรไทย ประพันธ์เป็นกลอนสุภาพ จำนวน 1 ผูก ฉบับลานดิบ มี 28 หน้าลาน ใบลานหน้าปกมีข้อความจารว่า “ผูกนีภานโลกี ฯIะ จบบ่อรีบูญตามช่บับแล ฯIะ” ใบลานหน้าปลายมีข้อความจารว่า “ฯIะ นีภารโลกีผูกนีข้าพ่เจ้านายรุ่งล่คอร จำลองไวยสืบกู่ลบุตไปยในยผายภากหน้านั้นแล ฯIะ” เป็นอันว่าเรื่องผูกนิพานโลกีย์นี้นายรุ่งโต้โผคณะละครคัดลอกไว้ เพื่อไม่ให้ลูกหลาน “สูญพันธุ์”
จักฃ่อกล่าวตำราชตาหยีง
แต่บูราญทายทักประจักจริ่ง
เปนไหญ่ยิ่งลัคะณ่นารี
ในช่โลกเรียกว่าโลกค่วีใสย
อุประไมดังตราพระยาราช่ษีร
ตีประทับไว้ยสำรับกระสัตรี
ใครชัวดีดูรูในยกายา
เริ่มต้นเรื่องด้วยการทำนายวันเดือนปีเกิดของหญิง เพื่อทำนายสัณฐานและขนาดของของลับและปริมณฑล อารมณ์ทางเพศและลักษณะนิสัย ในการทำนายนั้นตามตำรามีวิธีการดังนี้คือ
ท่านใหยเอาปีเดีอรวันกำเนีด
ที่ก่อเกีษออกจากครันชัณ่ษา
บวกกันเข้าไวยเปนตำรา
เอาตรีภพ่โลกานันมาคูน
เอา ๘ ทีดษานั้นมาหาร
มากประมารกว่าเสษ ๗ ว่าเสดสูน
ทายตามตำราอย่าอาดูน
คูนหารให้ยถูกย่ากลัวแคลง ฯ
เมื่อคำนวณวันเดือนปีเกิดได้ตามวิธีการแล้ว จึงนำเศษนั้นมาตรวจกับตำรา ดังจะขอยกตัวอย่างดังนี้
เสด ๑ พืงพิศ่ไบยพูล
ร่วมรูรอยแค่บอยานายแหนง
ประกอ่บดวยมาร่ยาตันหาแรง
ยาร่แวงขนมากไม่ยยากมี
ถ้าทำเถิ่งไจยากลัวอด
เถิ่งสิ้นมดจนตายไม่ยนายหนี
จฉีบหายลาโภเพราะโยนี
มักถอยทรัพอัปีรเชีอใจยคล ฯ
เสษ ๒ ดังกระดองเต่าหับ
ว่ารอยคับแคมโคกปีดหปากหน
มันนอกใจยหมีไห้ยผัวรูกน
เสนขนมากดํกปํกปิดทาง
เถิ่งทำเทาไรยก็ยังมาคีดคํด
ไม่ละพ่ยศทีชัวยาอางขนาง
จะอาภับโภคาคียาร่าง
ด้วยกระดางทังสองกิ่นแหนงแรง ฯ
หลังจากทำนายวันเดือนปีเกิดเพื่อพยากรณ์ขนาดแล้ว จึงกล่าวถึง “กามจรผู้หญิง” (จุดหรือตำแหน่งที่จะทำให้เกิดอารมณ์ทางเพศ) โดยกล่าวว่าเรียงตามวัน ตั้งแต่วันขึ้น 1 ค่ำ จนกระทั่งถึงวันแรม 15 ค่ำ รวมทั้งเรียงตามวันทั้ง 7 และช่วงเวลาในแต่ละวันด้วย
เรียกว่าถ้าจะเสพสมพาสให้ถึงฝั่งแล้ว ตามที่ระบุใน ผูกนิพานโลกีย์ จะต้องคำนึงก่อนร่วมรักว่า ตรงกับวันกี่ค่ำ วันอะไร เวลาใด สีผิวของหญิง เพื่อจะได้หากามจรหญิงได้ถูกต้องตามตำรา ดังตัวอย่างช่วงเวลาในแต่ละวัน
วันฯIะ ก่อนไกยแลไก่ยขันอยูฝาตีน ครันรุ่งอยู่ฝาตีน ครันรุ่งอยู่ไบยหู แดษอุนอยูนํมทังสองค่าง กอนงายยูตํนแขน สายอยู่ปลายนีอแลงายแกแมแลงต่วันเทียงอยู่ปาก ต่วันชายอยูทองน้อย บายควายอยู่หัวแลน้า ฝายคำยูโยนี เมือเข้านอนยูปลายตีน เทียงคืนอยู่ต่โภ่ก เสพด้วยมันให้ยคลำโยนีมัน ๓ ที ให้ยมันคลำอํงคชาติด้วย ๓ ที เสพด้วยมันรักแล ฯIะ
ในตำราได้กล่าวถึงสรรพคุณของ “กามจรหญิง” นี้ไว้ว่า “ท่าบุรุษผูไดยทำตามกล่าวมาดังนี ถ้าแมนว่าไปยศัก ๑๐๐ ปีหมีลืมเลย กล่าวไวยทังนีไหยีงชายทังหลายทังปวงภํบหํนทางนี เส่มีอรนึ่งภ่บหํลทางส่วันนีภาฬแล ” “ไหรูจักกามจอรตามลัคณวันกาม จอรทีในยให้จับทีนันใมรองเลย ฯ” เข้าใจว่าด้วยสรรพคุณดังกล่าวนี้เอง จึงเป็นที่มาของชื่อวรรณกรรมเรื่องนี้
จากนั้นเป็นอักษรขอมประโยคหนึ่งว่า “มาตาปิตุปุตฺตทนํ” เป็นคาถาสำหรับภาวนาขอบุตร ใต้คาถาเป็นภาพจำลองอวัยวะเพศหญิง 3 ภาพ ภายในแต่ละภาพแสดงจุดต่างๆ ของอวัยวะเพศหญิง เพื่อให้ฝ่ายชายได้เลือกว่าต้องการแบบใด โดยแต่ละจุดจะมีคุณประโยชน์แตกต่างกันไป นอกจากนี้ในตำรายังจะได้บอกวิธีการเข้าถึงจุดเหล่านั้น ทั้งฝ่ายหญิงและฝ่ายชาย และกลเม็ดเคล็ดลับในการกำหนดว่าใครจะเป็นฝ่ายถึงจุดสุดยอดก่อน โดยพรรณนาไว้อย่างละเอียดลออ ดังตัวอย่าง
“ถ้าจ่ะใหยตองประตูกลางให้ยหยีงนรเยียดตีนตัวเราเข้านังกลาง เอาตีนเราแย่กขาหยีงออกทังสองค่าง แล้วกํดเข้าไวยแต่เทียมควบแล ถ้าตองแล้วใหยเยียดตีนออกจึ่งส่อืกเข้าไปให้ยสีนเถิษ ฯ ถ้าตองประตูใด ยาแซไวยนารจ่เปนพ่ยาติแล ฯ ถ้าจ่ะใหยตองประตูซรายขวาทัง ๔ แห่งนั้นใหยหยีงนอรแหกฃาออกแล้วคู้ตีนเข้าทังสองใหยตีดต่โพ่ก แล้วตัวเราเข้านังกลางแต่เทียมควบใหยต้องชองขวาหยีงนันส่นุกนักแล ฯ”
ในตำรายังได้อธิบายวิธีการร่วมรักให้ต้องกับหญิงสีผิวต่างๆ ขนาดของอวัยวะเพศต่างๆ กามจรของรูปหน้าของหญิงแบบต่างๆ กามจรของลักษณะหัวนมสีต่างๆ ดังตัวอย่าง
“หยิงไดยหัวนํมแดงดังลูกมากศุกกามอยู่ตํนขาแล ฯ ถ้าหัวนํมเฃียวกามอยูแกม ถ้าหัวนํมเหลืองกามอยู่ทองน้อย ถ้าหัวนํมขาวกามอยูส่ดือ ถ้าหัวนํมดำกามอยูอํกแล ฯฯ”
ต่อจากนี้เป็นอักษรขอม ภาษาบาลี ว่าดังนี้ “เอจุตโตปโนอกฺเข จุตโตมิเมมิปาปุตตอุปฺปวา ปุตตปาเสฺสสงฺคโหพุทโธโหติอนาคเต” เป็นคาถาภาวนาขอบุตร แล้วจึงกล่าวถึงการดูลักษณะอวัยวะเพศชาย อวัยวะเพศหญิง และขนเพชร เพื่อทำนายลักษณะนิสัย และปิดฉากลงด้วยการดูลักษณะองคชาต ดังนี้
“ฯ ถ้าผู้ไดยลึงดังดอกบัวมีบูญนักหนาแล ฯ ถ้าผู้ไดยลืงดังงัวมักเลนชูนักแล ฯ ถ้าผู้ไดยลืงดังม้ามีเมียเถิงสองคํลมักเลนชูนักแล ฯ ถ้าผู้ไดยลืงยาว ๔ อํงคูลีจ่มีลูกหลายคํนแลฯ ถ้ายาว ๕ อํงคูลีเมียรักนักหนาแลฯ ถายาว ๖ อํงคูลีเมียเลนชูนักแล ฯ ถ้ายาว ๗ อํงคูลีเขนใจยนักหนาแล ฯ ถ้ายาว ๘ อ่งคูลีมักตายโหงแล”
ผูกนิพานโลกีย์ จึงนับได้ว่าเป็น ตำรากามสูตร สัญชาติไทยอย่างแท้จริง เพราะนอกจากจะเสนอเรื่องราววิธีการร่วมสมพาสของชายหญิงแล้ว ยังได้แทรกคติความเชื่อและความรู้ทางโหราศาสตร์ ลักษณะทางสรีระของหญิงชายไทยไว้อย่างครบถ้วน ดังที่ท่านผู้ประพันธ์ได้ศึกษาค้นคว้าไว้อย่างละเอียด
อ่านเพิ่มเติม :
- “พระตำรับแก่กล่อน” ตำราทางเพศหายากแบบไทย เปิดเคล็ดปรุงยา-ทำนายลักษณะนารี
- เผยวิธีเอาชนะใจสตรี และลักษณะอาการฝ่ายหญิงที่รับรักด้วย จากตำรากามสูตร
- พิษรักแรงหึง และเรื่องเพศสุดวิปริตยุคต้นราชวงศ์ฮั่น เผยมุมมืดเจ้าศักดินาจีน
เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 11 พฤษภาคม 2560