เผยวิธีเอาชนะใจสตรี และลักษณะอาการฝ่ายหญิงที่รับรักด้วย จากตำรากามสูตร

พระกฤษณะ และ พระแม่ราธา
พระกฤษณะและพระแม่ราธา

“กามสูตร” งานเขียนสันสกฤตว่าด้วยพฤติกรรมทางเพศของมนุษย์ เป็นงานเขียนของชาวฮินดูโบราณที่มีอายุกว่า 2,000 ปี และเป็นแม่แบบของตำราเพศศาสตร์ ภาพลักษณ์ของกามสูตรในสังคมคือตำราสอนการร่วมเพศ การเสพสังวาสในรูปแบบต่างๆ ซึ่งนั่นเป็นแค่ส่วนหนึ่งในเนื้อหาของกามสูตร แท้จริงแล้ววรรณกรรมสันสกฤตเรื่องนี้สะท้อนให้เห็นถึงสภาพสังคมของอินเดียโบราณ การดำรงชีวิต ความเชื่อ แนวคิดของคนอินเดียที่มีต่อเรื่องเพศ และเป็นข้อแนะนำเพื่อแก้ไข ปรับใช้ตามจารีตนิยมของชาวอินเดียช่วงศตวรรษที่ 6

ความน่าสนใจในวรรณกรรมกามสูตรที่นอกเหนือจากการบรรยายลักษณะการร่วมเพศ คือข้อแนะนำในการสร้างสัมพันธ์ของชายที่มีต่อหญิง หรือการแสดงออกถึงความสนใจต่อเพศตรงข้าม อาจเรียกว่าเป็นวิธีการจีบกันของชาวอินเดียโบราณในแบบฉบับของกามสูตร

กามสูตรได้อธิบายถึงเรื่องนี้ในบรรพ 3 การได้ภรรยา บทที่ 3 “การเกี้ยวพาราสี และการเปิดเผยความรู้สึกด้วยการให้สัญญาณและการกระทำ” ซึ่งเป็นบทที่กล่าวถึงวิธีการเอาชนะใจหญิงโดยการใช้เวลาในการทำกิจกรรมด้วยกัน และเป็นการสร้างความใกล้ชิดให้กับทั้งสองฝ่าย อาจเป็นการไปเที่ยวด้วยกัน (ทัศนาจร) เก็บดอกไม้มาร้อยมาลัย การเล่นกับแบบเด็กๆ (พ่อ-แม่-ลูก) ทำอาหาร ฯลฯ

ในการละเล่นร่วมกันกับหญิงสาว ผู้ชายควรผูกมิตรกับเพื่อนฝ่ายหญิง สร้างความสนิทสนม หรืออาจช่วยเหลือลูกสาวของพี่เลี้ยงฝ่ายหญิงสาวที่ตนรัก ก็จะเป็นการสร้างความประทับใจและความไว้วางใจให้กับพี่เลี้ยง โดยที่พี่เลี้ยงอาจนำเรื่องดีๆ ของฝ่ายชายให้พ่อแม่ของฝ่ายหญิงฟัง ซึ่งจะเป็นผลดีกับตัวฝ่ายชาย

หรือกระทั่งการนำของมามอบให้กับหญิงสาว โดยเป็นสิ่งของที่หญิงสาวปรารถนา แม้ว่าของที่หญิงสาวอยากได้จะหายากหรือไม่เป็นที่รู้จักของคนอื่นๆ และควรมอบให้ในที่สาธารณะ การกระทำดังกล่าวเป็นการแสดงให้หญิงสาวเห็นฝ่ายชายเป็นผู้ที่ทำทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอต้องการ

นอกจากการมอบสิ่งของให้หญิงสาว ก็ต้องมีการนัดเจอกับฝ่ายหญิงในที่ส่วนตัว และบอกเหตุผลที่ฝ่ายชายมอบสิ่งของให้ฝ่ายหญิงพร้อมกำชับให้ฝ่ายหญิงเก็บเรื่องที่ตนบอกไว้เป็นความลับ เพราะเกรงว่าพ่อแม่ของฝ่ายหญิงจะมองว่าฝ่ายชายเป็นคนไม่ดี ตำราระบุว่า ควรบอกกับฝ่ายหญิงว่าสิ่งของที่ตนมอบให้มีคุณค่าและเป็นที่หมายปองของใครหลายคน แสดงถึงความภักดีและความจริงใจของฝ่ายชาย

ตำรายังกล่าวถึงการเล่าเรื่องสนุกอย่างเช่นนิทาน อันเป็นขั้นตอนต่อไปหลังจากที่หญิงสาวเริ่มส่งสัญญาณว่าเริ่มมีใจให้กับฝ่ายชายบ้างแล้ว อาจมีการทำให้ฝ่ายหญิงตื่นเต้นหรือทึ่งโดยการเล่นกล โยนรับสิ่งของ หรือแสดงความสามารถในสิ่งที่ฝ่ายชายถนัด

หากฝ่ายหญิงชอบร้องเพลงฝ่ายชายก็อาจจะสร้างความสุขด้วยการเล่นดนตรีประกอบ หรือในบางวันที่ฝ่ายหญิงไปงานร่วมงานเทศกาลอื่นๆ ที่จัดอยู่นอกบ้าน เมื่อหญิงสาวกลับจากงานเทศกาล ฝ่ายชายควรไปรับพร้อมกับดอกไม้ มงกุฎดอกไม้ และต่างหูเนื่องจากเป็นโอกาสเหมาะที่จะมอบของขวัญ และเป็นการแสดงถึงความห่วงใยเอาใจใส่ที่มีต่อฝ่ายหญิง

การแสดงความรู้ทางอ้อมให้ฝ่ายหญิงเห็นโดยการสอนลูกสาวของพี่เลี้ยงฝ่ายหญิงที่ตนรักให้รู้ในเรื่องศิลปะหกสิบสี่ประการ (ศิลปะวิทยาต่างๆ ที่แยกย่อยมาจากกามสูตรซึ่งสังคมอินเดียโบราณให้การย่อมรับและให้เกียรติกับผู้ที่มีความรู้ในเรื่องนี้อันมีทั้งหมด 64 ด้าน)

ตำรายังระบุเรื่องการแต่งกายของฝ่ายชายว่าควรสวมใส่ด้วยผ้าเนื้อดี แต่งกายให้งามคือการสร้างเสน่ห์ความน่าสนใจของฝ่ายชาย เพราะหญิงสาว ชอบผู้ชายที่มีความฉลาด หล่อเหลา และแต่งกายดี

สิ่งที่น่าสนใจในกามสูตรอีกประการคือข้อสังเกตที่วาตสยายน (Vatsyayana) ผู้แต่งกามสูตรได้บอกถึงสัญญาณความรักจากเด็กหญิงและการแสดงออกไว้ว่า

“เมื่อเด็กสาวส่งสัญญาณแสดงความรักออกมาและกระทำดังต่อไปนี้ คือ เธอจะไม่มองบุรุษที่ใบหน้า, ขวยเขินเมื่อถูกบุรุษจ้องมอง, เธอให้เขาดูท่อนขาด้วยข้ออ้างหรือเหตุผลอื่น, เธอแอบมองเขาแม้ว่าเขาจะลับตาไปแล้ว, เธอก้มหน้าเมื่อเขาถามคำถาม และตอบอ้ำอึ้งหรือพูดไม่จบประโยค, ยินดีที่จะได้ร่วมทางไปกับเขาเป็นเวลานาน, พูดกับสาวใช้ด้วยน้ำเสียงแปลกๆ ด้วยความหวังว่าจะให้เขาคิดถึงเธอเมื่อเธออยู่ไกลจากเขา, ไม่อยากจากสถานที่ที่มีเขาอยู่, ชวนให้เขาดูสิ่งต่างๆ ด้วยข้ออ้างบางอย่าง, เล่าเรื่องให้เขาฟังช้าๆ เพื่อประวิงการสนทนาให้ยืดยาว, จูบและกอดเด็กที่นั่งอยู่บนตักต่อหน้าเขา (ในบรรพที่ 2 การรวมเพศทั้งสองเป็นหนึ่ง บทที่ 3 การจูบ การกระทำในลักษณะดังกล่าวเป็นการจูบชนิดหนึ่งที่เรียกว่า “จูบส่งผ่าน”),

วาดรอยเครื่องประดับบนหน้าผากของสาวใช้ของตน, แสดงท่าสนุกสนานหรือเคลื่อนไหวอย่างสวยงามขณะที่สาวใช้พูดอย่างสนุกกับเธอเมื่อเขาอยู่ด้วย ไว้ใจเพื่อนของเขา นับถือและเชื่อฟังพวกเขา, แสดงความกรุณาต่อคนรับใช้ของเขา, สนทนากับพวกเขาและให้ทำงานให้เสมือนเธอเป็นนายหญิงของพวกเขา, ฟังอย่างสนใจเมื่อพวกเขาเล่าเรื่องบุรุษผู้นั้นให้คนอื่นฟัง, เข้าบ้านเขาเมื่อลูกสาวของพี่เลี้ยงชักชวน, สนทนาและเล่นกับเขาตามการจัดการของลูกสาวพี่เลี้ยง, หลีกเลี่ยงไม่ให้เขาเห็นในขณะที่ยังตกแต่งร่างกายไม่สวยงาม, มอบเครื่องประดับหู แหวน มาลัยมาให้เขาผ่านเพื่อนหญิงเมื่อเขาขอชม, สวมสิ่งของที่เขามอบให้เสมอ, สลดหดหู่เมื่อพ่อแม่กล่าวถึงเจ้าบ่าวคนอื่น, และไม่วิสาสะกับเพื่อนของเจ้าบ่าวผู้นั้น หรือผู้ที่สนับสนุนเขา (หมายถึงชายที่ตนรัก)”

จะเห็นได้ว่า ในกามสูตร ไม่ได้เป็นเพียงแค่ตำราที่ว่าด้วยเรื่องเพศศาสตร์อย่างเดียว แต่ยังเป็นการสะท้อนถึงแนวคิดของผู้ชายในการจัดลำดับขั้นตอนการพิชิตใจหญิง และแสดงให้เห็นรายละเอียดความใส่ใจที่มีต่อฝ่ายหญิง ตลอดจนการวิเคราะห์อากัปกิริยาของฝ่ายหญิงที่ต่อเพศตรงข้ามเมื่อยามมีความรัก

กามสูตรมีความสำคัญต่อชาวฮินดูเช่นเดียวกับธรรมะ (บัญญัติของชาวฮินดูเพื่อกระทำสิ่งต่างๆ ) อัตรา (วิชาการบริหารทรัพย์สิน การปกครอง) และกามา ไม่ได้เป็นเพียงแค่คู่มือในการสร้างความสุขทางเพศ เห็นได้จากในตอนท้ายของกามสูตรที่ว่า

“งานเขียนนี้หาได้ตั้งใจเพียงใช้เป็นเครื่องมือแห่งการสนองความปรารถนา ผู้ที่รู้จักหลักการของศาสตร์นี้ และรักษาธรรมะ อัตรา และกามา และคำนึงถึงวิถีปฏิบัติของผู้คน ย่อมเป็นนายเหนือสำนึกของเขา”

อ่านเพิ่มเติม :

สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่


อ้างอิง :

วาตสยายน, หนุมาน กรรมฐาน แปล. กามสูตร. นนทบุรี : ศรีปัญญา, 2558


เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 14 กุมภาพันธ์ 2562