เมื่อรัชกาลที่ 6 มีพระราชดำรัสเล่าประสบการณ์ “เจอผี”

พระราชวังดุสิต ประสบการณ์เจอผี
พระที่นั่งอุดรภาค (ในวงกลม) พระราชวังดุสิต (ภาพจาก www.vajiravudh.ac.th)

เมื่อรัชกาลที่ 6 มีพระราชดำรัสเล่าประสบการณ์เจอผี

ในโลกนี้มี “ผี” ไหม? ใครเคยเจอผีบ้าง? นี่เป็นประสบการณ์เจอผีที่รัชกาลที่ 6 และเหล่าเจ้านายทรงเล่าประทานบุคคลใกล้ชิด และข้าราชบริพารของพระองค์ ที่มีการบันทึกไว้ในเอกสารต่างๆ

วชิราวุธานุสรณ์สาร ปีที่ 2 ฉบับที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2525 มีบทความหนึ่ง เขียนโดยผู้ใช้นามปากกาว่า “บัวบาน” กล่าวถึงประสบการณ์เจอผีของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว จากการบอกเล่าของคุณพระมหาเทพกษัตรสมุห (เนื่อง สาคริก) ว่า

Advertisement

เมื่อคุณพระมหาเทพกษัตรสมุห อายุประมาณ 22 ปี ได้รับพระราชทานบรรดาศักด์เป็น “นายเสนองานประภาษ” มีหน้าที่รับใช้ในห้องทรงพระอักษร คืนหนึ่งคุณพระรับใช้ใต้เบื้องพระยุคลบาทอยู่สองต่อสอง ตกดึกประมาณ 5 ทุ่มเศษ (23.00 น.) เกิดกลัวผีขึ้นมา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระอักษรอยู่ พอพระองค์ท่านทรงหยุดพัก จึงได้รวบรวมความกล้ากราบบังคมทูลถามพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวว่า “ผีมีจริงไหม พ่ะย่ะค่ะ”

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระสรวลและทรงมีพระราชดำรัสตอบว่า “ตามทางวิทยาศาสตร์เขาว่าผีไม่มี แต่ข้าเคยถูกหลอกมาแล้ว”

และในคืนนั้นได้ทรงพระมหากรุณาเล่าเรื่องที่ทรงเคยถูกผีหลอกหลายเรื่อง เช่น เมื่อเสด็จพระราชดำเนินซ้อมรบเสือป่าที่พระราชวังสนามจันทร์ และที่อื่นๆ อีกหลายแห่ง ทรงเล่าเรื่องผีตั้งแต่ 23.00 น. เศษ จนถึงเวลา 03.30 น. จึงได้เสด็จเข้าห้องพระบรรทม

หากพิจารณาระยะเวลาที่ทรงใช้ นับว่าพระองค์ทรงมีประสบการณ์ไม่น้อย และนอกจากคุณพระมหาเทพกษัตรสมุห ก็ยังมีข้าราชบริพารใกล้ชิดคนอื่นที่พระองค์ทรงพระมหากรุณาเล่าเรื่องเหล่านี้ให้ฟัง ดังที่พระยาบำรุงราชบริพาธ ได้เขียนบันทึกไว้

เมื่อพระบรมวงศ์เธอ กรมพระนเรศวรฤทธิ์  สิ้นพระชนม์ [10 สิงหาคม ปี 2468] ขณะนั้นพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จประทับอยู่ที่พระที่นั่งอุดร [พระที่นั่งองค์เล็กมีเฉลียงเชื่อมต่อจากพระที่นั่งอัมพรสถานทั้งชั้นบนและชั้นล่าง] จะเสด็จพระราชทานน้ำสรงพระศพ

พระที่นั่งอัมพรสถานและพระที่นั่งอุดรภาค (ในวงกลม) พระราชวังดุสิต (ภาพwww.vajiravudh.ac.th)

การเสด็จพระราชดำเนินจากพระที่นั่งอุดร ไปประทับรถพระที่นั่งยังหน้าพระที่นั่งอัมพร จึงเสด็จพระองค์เดียวไม่มีใครตามเสด็จด้วย ตามธรรมดาก็มักจะเสด็จทางเฉลียงบนเป็นส่วนมาก แต่บางคราวอาจเสด็จพระราชดำเนินทางเฉลียงล่าง ตามพระราชอัธยาศัย และในวันนั้นก็บังเอิญเสด็จทางเฉลียงล่าง

พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงนำมาเล่าที่โต๊ะเสวยว่า [ตามบันทึกพระยาบำรุงราชบริพาธบันทึก]

พอเสด็จลงอัฒจันทร์ชั้นบน เลี้ยวออกพระทวารจเสด็จลงอัฒจันทร์ชั้นล่าง ก็ทอดพระเนตรเห็น นายพันโทจมื่นฤทธ์รณจักร (กรับ โฆษะโยธิน) ผู้บังคับการทหารรักษาวัง และเป็นราชองครักษ์เวรยืนเฝ้าถวายการเคารพอยู่ริมถนนเชิงอัฒจันทร์ ทรงก้าวลงจากอัฒจันทร์ พลางยกพระหัตถ์ขึ้นรับการเคารพ และทรงนึกในพระทัยว่า อีตาคนนี้เป็นราชองครักษ์เวร ทำไมไม่ไปคอยเฝ้ารับเสด็จที่หน้าพระที่นั่งอัมพร มายืนเฝ้าอยู่ที่นี่ทำไม

หรือจะมาคอยเฝ้าถวายหนังสือ บางทีอาจจะมีเรื่องที่จะกราบบังคมทูลเฉพาะพระองค์บ้างกระมัง แต่ก็เปล่า ไม่เห็นถวายหนังสือ หรือกราบบังคมทูลอะไรเลย และทรงรู้สึกแปลกพระทัยว่าวันนี้หมายกำหนดการให้แต่งเต็มยศขาว ทำไมตาคนนี้แต่งเต็มยศใหญ่

ครั้งจะทรงทักว่าแต่งตัวผิด ก็ทรงเกรงว่าเจ้าตัวจะตกใจกระทำให้เกิดปฏิกิริยาขึ้น จึงเสด็จพระราชดำเนินผ่านไปโดยมิได้รับสั่งทักทายอย่างหนึ่งอย่างใด เสด็จมาประทับรถพระที่นั่ง หน้าพระที่นั่งอัมพรสถาน เลยมิได้เอาพระทัยใส่ต่อนายพันโท จมื่นฤทธิ์รณจักร [เน้นโดยผู้เขียน]

จนการพระราชทานน้ำสรงพระศพ กรมพระนเรศวรฤทธิ์ ตามราชประเพณีเสร็จเรียบร้อย ครั้นเสด็จกลับมาถึงพระที่นั่งอุดรก็ทอดพระเนตร เห็นดอกไม้ธูปเทียนถวายบังคมทูลลาตายตั้งอยู่ จึงทรงหยิบซองหนังสือขึ้นเปิดทอดพระเนตรมีข้อความว่า

“ดอกไม้ธูปเทียนของข้าพระพุทธเจ้า นายพันโทจมื่นฤทธิ์รณจักร (กรับ โฆษะโยธิน) ขอพระราชทานกราบบังคมลาถึงแก่กรรม ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะฯ

ทันใดนั้นก็ทรงระลึกได้ว่า นายพันโท จมื่นฤทธิ์รณจักร แต่งเต็มยศใหญ่มาเฝ้าทรงรู้สึกผิดสังเกตอยู่แล้วนั้น ที่แท้ก็เพื่อมากราบถวายบังคมลาตายด้วยตนเอง

ย่าเหล รัชกาลที่ 6 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงฉลองพระองค์อย่างอยู่กับบ้าน ประทับฉายพระบรมฉายาลักษณ์พร้อมด้วย “ย่าเหล” สุนัขทรงเลี้ยง

สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ ก็ทรงมีประสบการณ์เจอผี เช่นกัน และทรงเล่าประทานหม่อมเจ้าหญิง ดวงจิตร จิตรพงศ์ พระธิดาของพระองค์ได้ทราบ หม่อมเจ้าหญิง ดวงจิตรยังทรงเขียนประสบการณ์เหล่านี้ไว้ใน “ป้าป้อนหลาน” ว่า

ป้าเกิดที่วังท่าพระอยู่ที่นั่นมาจนโต ที่วังท่าพระนั้นเป็นวังเก่า มีประวัติยืดยาวซับซ้อน ชาวบ้านละแวกนั้นเคารพนับถือกันว่ามีสิ่งศักดิ์สิทธิ์และวิญญาณคุ้มครองอยู่ เมื่อเจ็บไข้ได้ทุกข์ ก็มักขออนุญาตเข้าไปบูชาบนบานกันอยู่เสมอ คนที่เคยอยู่ในวังก็เล่าว่า เคยเห็นผีถูกผีหลอกผีอำกันมานักต่อนัก ป้าเคยทูลถามเสด็จปู่ เช่นเดียวกับที่หลานถามป้าบัดนี้ ท่านรับสั่งว่า

“พ่อไม่เคยเห็นผี แต่เคยมีเหตุการณ์เกิดขึ้นบางครั้งที่อธิบายไม่ได้ว่า เกิดขึ้นได้อย่างไร พ่อลืมตาตื่นขึ้นกลางดึกรู้สึกหนาว มองดูหน้าต่างข้างเตียงเห็น ส.อยู่ทั้งสองบาน แสงเดือนส่องทอดเข้ามาที่พื้นห้องสว่างเป็นลํา พ่อลุกขึ้นนั่งบนเตียงคิดจะเดินไปปิดหน้าต่าง เห็นข้างนอกเดือนหงายสว่างจ้า พระจันทร์กําลังเต็มดวงส่องลอด กิ่งจันทน์เป็นลางส่วน ที่ถูกกิ่งไม้บังอยู่ก็เห็นเป็นเงาดําประปรายลมพัดกิ่งไม้โยกไปมางามเหลือเกิน นั่งดูอยู่เป็นครู่ใหญ่ด้วยคิดจะจําไว้เขียน พอจะนอนต่อจึงลุกไปปิดหน้าต่างเอื้อม มือออกไปเจอะหน้าต่างปิดลงกลอนเรียบร้อยแล้วทั้งสองบาน ไม่เข้าใจเลยว่าฝันหรือละเมอ หรืออะไร ทําไมจึงเป็นไปได้เช่นนั้น อธิบายไม่ได้จนบัดนี้

อีกครั้งหนึ่งพ่อกําลังนั่งกินข้าวอยู่ข้างบน ได้ยินเสียงใครเคาะโลหะอะไรอย่างหนึ่งที่ในห้องใต้ชั้นต่ำ ดังรัวกังวานได้ยินถนัดหมดทุกคน (ห้องใต้ชั้นต่ำนี้อยู่ชั้นล่างตรงกับห้องเสวย เป็นที่ทรงเก็บศิลปวัตถุและเครื่องดนตรี มักจะปิดใส่กุญแจไว้ เปิดเป็นเวลาเช่นลูก ๆ ลงไปเล่นปิงปองกัน หรือครูมาสอนหนังสือ ในเวลามีงาน มีแขกเป็นต้น)

จึงต่างก็โจษกันแซ่ว่าเสียงใครเคาะอะไรในห้องนั้น จะมีใครเข้าไปเคาะได้อย่างไรในเมื่อห้องก็ปิดใส่กุญแจไว้ พ่อออกความเห็นว่าอาจจะเป็นหนูขึ้นไปไต่บนฆ้องวง เหยียบไม้ตีฆ้องซึ่งวางพาดอยู่ กระดกไปถูกลูกฆ้องเข้า จึงให้เด็กลองลงไปเปิดห้องเคาะพิสูจน์ดูก็ไม่ใช่ ทั้งไม่มีเครื่องดนตรีใดๆ เกิดเสียงเหมือนเช่นนั้นเลย ครั้นลองเคาะเครื่องโลหะอื่นๆ ดูต่อไปอีกก็ปรากฏว่าดัง เหมือนเสียงที่เคาะพระพุทธรูปทรงเครื่อง ต่างพูดเถียงกันว่าทําไมดังขึ้นเองได้

พ่อก็เอ่ยขึ้นถ้า ครูแรงจะได้ไหว้ครู’ พอพูดขาดคําก็มีเสียงเคาะขึ้นอีกครั้งหนึ่ง ดังรัวกังวานได้ยินชัดทุกคน นี่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่หาเหตุผลมาอธิบายไม่ได้ว่าทําไมจึงเป็นเช่นนั้น จึงคิดไปเสียในทางดีว่าครูมาเตือนสติมิให้เป็นคนประมาทขาดความเคารพครูบาอาจารย์ พ่อ ก็เลยไหว้ครูตั้งแต่นั้นมาทุกปีจนบัดนี้

ไม่ทราบท่านผู้อ่านมีประสบการณ์เรื่องเหล่านี้ บ้างหรือไม่ หวังว่าจะไม่ได้คำตอบเดียวกับที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ทรงมีพระราชดำรัสตอบคุณพระมหาเทพกษัตรสมุห ว่า “ตามทางวิทยาศาสตร์เขาว่าผีไม่มี แต่ข้าเคยถูกหลอกมาแล้ว”

อ่านเพิ่มเติม :

สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่


อ้างอิง :

บัวบาน. “พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวเสวยปูเค็ม”ใน, วชิราวุธานุสรณ์สาร ปี่ที่ 2 ฉบับที่ 11 มกราคม 2525

พระยาบำรุงราชบริพาธ. “ผีมาเฝ้าและการประชวรจนสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว”ใน, พิมพ์เป็นอนุสรณ์ในงานพระราชทานเพลิงศพ สดสุข กาญจนาคม ณ เมรุวัดทเพศิรินทราวาส 12 กันยายน 2515

หม่อมเจ้าหญิง ดวงจิตร จิตรพงศ์. ป้าป้อนหลาน, สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กันยายน 2541


เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 13 พฤษภาคม 2562