ผู้เขียน | ชุติพงศ์ ปะทาเส |
---|---|
เผยแพร่ |
นครังยังมีเท่าผีแหน
กว้างยาวแสนหนึ่งคืบสืบยศถา
เมืองห้างกวีรีหับระยับตา
พันหญ้าคาปูรากเป็นฉากบัง
จากบทประพันธ์ที่กล่าวมาข้างต้น เป็นบทเปิดเรื่องของสรรพลี้หวน วรรณกรรมท้องถิ่นทางภาคใต้ ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะในการใช้คำผวน หรือคำที่นำมาสลับเสียงสระและพยัญชนะภายในคำแล้วมีความหมายที่ต่างจากคำเดิม (โดยคำนั้นมีตั้งแต่สองพยางค์ขึ้นไป) แทรกอยู่ในตัวบท คำผวนในสรรพลี้หวนนั้นก็ยังขึ้นชื่อในเรื่องความหมายไปในทางเพศจนอาจจะเรียกได้ว่าเป็นความทะลึ่งลามก ซึ่งความทะลึ่งลามกก็เป็นสิ่งที่ถูกนำมาล้อเลียนให้กลายเป็นเรื่องชวนขับขันหรือกลายเป็นเรื่องตลกสำหรับผู้อ่านวรรณกรรมเรื่องนี้
แน่นอนว่าสำหรับสังคมโดยทั่วไปการนำเรื่องเพศมากล่าวล้อเลียนในวงสังคมถือว่าเป็นเรื่องตลกขบขับ หรือเป็นการเสริมอรรถรสในการพูดกันในหมู่เพื่อนฝูงคนสนิท แต่ในทางกลับกันเป็นสิ่งที่สังคมเองก็ไม่ได้ให้การยอมรับเสียส่วนใหญ่และถือว่าคำเหล่านี้ (ที่สื่อในเรื่องเพศ) เป็นคำที่หยาบคาย ถึงกระนั้นการพูดในเชิงล้อเลียนเรื่องเพศก็ยังคงมีอยู่ในสังคม สรรพลี้หวนจึงเป็นวรรณกรรมที่เรียกเสียงหัวเราะและสร้างความขบขันให้กับผู้อ่านที่ชื่นชอบในเรื่องเหล่านี้
เนื้อหาของวรรณกรรมเรื่องสรรพลี้หวนก็เป็นเรื่องตามแบบวรรณกรรมไทยจักรๆ วงศ์ๆ ทั่วไป แต่จะแตกต่างจากเรื่องอื่นตรงที่การแต่งโดยมีคำผวนเข้ามาแทรกในบท อย่างที่ทราบกันดีว่าคำผวนในสรรพลี้หวนล้วนเป็นคำที่สื่อไปในทางเพศ และไม่ได้ปรากฎเป็นเพียงแค่คำที่นำมาเสริมในตัวบท แต่มันยังเป็นคำที่ใช้เรียกชื่อตัวละครในเรื่อง เช่น ท้าวโคตวย เจ้าคีแหม เจ้าชายใดหยอ นางไหหยี ฤษีแหบ เป็นต้น หรือการนำคำผวนมาใช้ในการบรรยายอาหาร เช่น “หอยกับหมียีหำยำให้พอ ดาวให้ยอไข่เป็ดเด็ดให้ยำ” ซึ่งคำผวนที่ปรากฎล้วนส่งอิทธิพลกับตัวเนื้อเรื่องของวรรณกรรม จึงทำให้วรรณกรรมเรื่องนี้มีเนื้อหาที่ล้อเลียนของสงวนของเพศ
แต่ถ้าหากมองในทางกลับกัน วรรณกรรมที่แต่งคำประพันธ์โดยใช้กลอนสุภาพ หรือกลอนแปด ก็มีมากมายและหลากหลายเรื่อง และการแต่งก็จะเน้นในเรื่องของคำและเสียงที่ไพเราะในตัววรรณกรรม สำหรับสรรพลี้หวนกลับฉีกขนบการแต่งที่เน้นความไพเราะของเสียงตามแบบวรรณกรรมทางภาคกลาง โดยใช้คำผวนเป็นจุดเด่นแต่ยังคงไว้เรื่องเสียงของตัววรรณกรรม ซึ่งแสดงให้เห็นความสามารถของผู้แต่ง (ไม่ปรากฎว่าผู้แต่งเป็นใคร) ที่มีความเป็นอัจฉริยะในการใช้ภาษาและสามารถดึงผู้อ่านตลกขับขันไปกับเรื่อง
สะท้อนให้เห็นว่าผู้แต่งเป็นคนที่มีอุปนิสัยที่แสนจะขบขัน ทั้งยังเข้าใจความตลกขบขันของคนที่มักจะเป็นเรื่องล้อเลียนของสงวนทางเพศโดยการนำมาปรับใช้ในการแต่งวรรณกรรมขึ้นมาในรูปแบบคำผวนที่ปรากฏในเรื่อง และการนำคำในภาษาถิ่นภาคใต้มาใช้ที่แสดงให้เห็นเป็นเอกลักลัษณ์ของวรรณกรรมภาคใต้
สรรพลี้หวน ไม่ได้เป็นเพียงแค่วรรณกรรมคำกลอนที่ชวนให้ขบขันเสมอไป แต่มันยังสะท้อนจิตใต้สำนึกของมนุษย์ที่มีความรุนแรงและความขบขันในเรื่องเพศ แม้ว่าสังคมจะคิดว่าเรื่องเหล่านี้จะเป็นสิ่งที่ “ต่ำทรามหรือหยาบคาย” กระนั้นสังคมก็ยังมีเรื่องพวกนี้ปรากฎอยู่ในวงสนทนาของสังคม
เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 19 พฤศจิกายน 2561