ผู้เขียน | กองบรรณาธิการศิลปวัฒนธรรม |
---|---|
เผยแพร่ |
เผยเรื่องจริง “คนรัก” เฟรดดี้ เมอร์คิวรี นักร้องนำ วง Queen ต่างจาก หนัง Bohemian Rhapsody มากน้อยแค่ไหน?
เฟรดดี้ เมอร์คิวรี (Freddie Mercury 5 กันยายน ค.ศ. 1946 – 24 พฤศจิกายน ค.ศ. 1991) คือศิลปินผู้เป็นตำนานของวง Queen ที่แม้จะจากไปแล้ว แต่คนทั่วโลกก็ยังคงนึกถึงเขาเสมอ มีหนังสือมากมายที่เขียนเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับเฟรดดี้และวง Queen รวมทั้งมีภาพยนตร์เรื่อง Bohemian Rhapsody ว่าด้วยชีวประวัติวง “ราชาในนามราชินี” ออกฉายในปี 2018 ซึ่งในเรื่องมีรายละเอียดเกี่ยวกับความสัมพันธ์กับ “คนรัก” ของ เฟรดดี้ เมอร์คิวรี อยู่ด้วย แต่รายละเอียดในภาพยนตร์เรื่องนี้มีบางจุดแตกต่างจากข้อเท็จจริงบ้าง
หนัง Bohemian Rhapsody เปิดตัวสัปดาห์แรกในอเมริกาเหนือด้วยรายได้ 50 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ทะยานติดลิสต์หนังชีวประวัติบุคคลวงการดนตรีที่ทำรายได้เปิดตัวมากที่สุดเป็นอันดับ 2 โดยเป็นรองจากรายได้ภาพยนตร์ประวัติวง NWA วงแร็ปจากคอมป์ตันอย่างเรื่อง “Straight Outta Compton” เมื่อปี 2015 แม้ภาพยนตร์ Bohemian Rhapsody จะสร้างความประทับใจให้คนดูไม่น้อย แต่สำหรับเหล่าแฟนวง Queen และนักวิจารณ์หลายรายมองว่า หนังชีวประวัติของวงพลาดโอกาสบอกเล่าเรื่องราวอีกด้านของ เฟรดดี้ เมอร์คิวรี
นักวิจารณ์จากสื่อกระแสหลัก ตั้งแต่สำนักข่าว นิวยอร์ก ไทม์ส (New York Times), เอ็นพีอาร์ (NPR), โรลลิงสโตน (Rolling Stone) ต่างมองว่า Bohemian Rhapsody เป็นภาพยนตร์ที่พยายามเลือกเล่าเนื้อหาอย่างระมัดระวัง จนกลายเป็นเหมือนเรื่องราวเชิง “ประโลมโลก” แต่ไม่ได้เจาะลึกลงไปในเส้นทางต่างๆ ของวงที่มีเหตุการณ์มากมายเกิดขึ้น
องค์ประกอบหนึ่งที่แฟนเพลงสนใจคือการเล่าเรื่องความสัมพันธ์ในชีวิตรักของ นักร้องนำวง Queen ซึ่งภาพยนตร์เอ่ยถึงแมรี่ ออสติน (Mary Austin) และ จิม ฮัตตัน (Jim Hutton) รายละเอียดส่วนนี้ในภาพยนตร์มีหลายจุดที่แตกต่างจากข้อมูลอันเป็นข้อเท็จจริง ที่อาจไม่ได้เป็นเรื่องราวซึ่งถูกจัดเป็นพฤติกรรม “ดีงาม” น่าโสภาตามบรรทัดฐานของสังคม แต่ถือได้ว่าเป็นข้อมูลที่สะท้อนเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับตำนานนักร้องคนนี้ได้มากทีเดียว
แมรี่ ออสติน “Love of My Life” ของ เฟรดดี้ เมอร์คิวรี
แมรี่ ออสติน เคยเป็นคู่เดตของนักร้องเสียงสูง โยฮันดา เดสตา (Yohanda Desta) คอลัมนิสต์ของแวนิตี้ แฟร์ (Vanity Fair) ระบุว่า ภาพยนตร์บอกเล่าเรื่องราวใกล้เคียงกับข้อเท็จจริง โดย ค.ศ. 1969 แมรี่ในวัย 19 ปี ทำงานในร้านค้าบูติกในอังกฤษ พบกับเฟรดดี้ที่ขณะนั้นอายุ 24 ปีเป็นครั้งแรก ช่วงเวลานั้นเฟรดดี้ เริ่มเป็นนักร้องที่มีผลงานบ้างแล้ว แต่ยังไม่ได้โด่งดังระดับโลก อย่างไรก็ตาม บุคลิกที่ดูเป็นศิลปินและน่าดึงดูดก็ทำให้เธอสนใจในตัวนักร้องหนุ่ม
การพบกันครั้งแรกของทั้งคู่ ไม่ได้เกิดขึ้นในคืนเดียวกับที่เฟรดดี้เข้าร่วมวงแบบในภาพยนตร์ แต่ในความเป็นจริงแล้วซับซ้อนกว่านั้นอยู่บ้าง ว่ากันว่าแมรี่เคยคบกับ ไบรอัน เมย์ (Brian May) มือกีตาร์ของวงมาก่อน และไม่ได้ทำความรู้จักกับเฟรดดี้ จนกระทั่งเขาเป็นนักร้องนำของวง
หลังจากนั้นไม่นานทั้งคู่ก็เริ่มคบหากัน ในปี 1973 เฟรดดี้ขอแมรี่แต่งงาน โดยใช้เซอร์ไพรส์คลาสสิกในวันคริสต์มาสที่เขาให้กล่องของขวัญซ้อนกล่องของขวัญขนาดเล็กลงไปเรื่อยๆ เมื่อเปิดไปจนสุดถึงพบแหวนหยกในกล่องขนาดเล็กที่สุด เธอให้สัมภาษณ์กับเดลิเมล์ (Daily Mail) แห่งอังกฤษเมื่อปี 2013 เล่าความรู้สึกในเหตุการณ์ว่าเธอรู้สึกช็อก และไม่คิดว่าจะเกิดเหตุแบบนี้ขึ้น แต่สุดท้ายเธอก็กระซิบว่า เธอจะแต่งงานด้วย
อันที่จริงแล้ว เฟรดดี้ใส่เรื่องราวความชื่นชอบของเขาที่มีต่อแมรี่ลงในเนื้อหาของเพลง “Love of My Life” และยังพาเธอไปพบพ่อแม่ของเขาด้วย แต่งานแต่งถูกยกเลิกหลังจากเฟรดดี้เปิดเผยกับเธอว่า เขาเป็น “ไบเซ็กชวล” (bisexual) มีรสนิยมทางเพศที่ตอบสนองต่อทั้งชายและหญิง แม้ว่าทั้งคู่จะยุติความสัมพันธ์แบบคู่รักลง แต่ยังเป็นเพื่อนสนิทกันหลังจากนั้น เฟรดดี้ซื้อบ้านให้เธอ และพูดถึงเธอในแง่บวกเสมอ
“คู่รักของผมต่างถามกันว่าทำไมพวกเขาไม่สามารถทดแทนแมรี่ได้ ซึ่งผมว่ามันเป็นเรื่องเป็นไปไม่ได้ เพื่อนคนเดียวของผมคือแมรี่ และผมไม่ต้องการคนอื่น สำหรับผม เธอคือภรรยาตามกฎหมาย สำหรับผมมันคือการแต่งงาน เราเชื่อมั่นในกันและกัน ซึ่งนั่นเพียงพอสำหรับผม” เฟรดดี้ให้สัมภาษณ์กับนิวยอร์ก โพสต์ (New York Post) เมื่อปี 1985
หลังเฟรดดี้เสียชีวิตในปี 1991 เขายกทรัพย์สินหลายอย่าง รวมถึง “การ์เดน ลอดจ์” (Garden Lodge) แมนชั่นในลอนดอนให้แมรี่ ซึ่งเธอยังเป็นผู้ถือครองจนถึงปัจจุบัน และเธอยังทำตามคำขอก่อนเสียชีวิตของเฟรดดี้ ที่ให้แยกเถ้าอัฐิของเฟรดดี้ออกไปหลายแห่ง โดยที่ไม่ได้เปิดเผยสถานที่จัดเก็บต่อสาธารณะ
จิม ฮัตตัน
สำหรับความสัมพันธ์กับชายหนุ่ม มีชื่อ จิม ฮัตตัน เข้ามาเกี่ยวข้อง ในภาพยนตร์เล่าว่า จิมเป็นสมาชิกของทีมดูแลความสะอาดที่ไปเกี้ยวพาราสีกับ เฟรดดี้ เมอร์คิวรี หลังจากปาร์ตี้ในบ้าน แต่ในความเป็นจริงแล้ว หนุ่มไอริชรายนี้เป็นช่างแต่งผม เขาให้สัมภาษณ์เมื่อปี 2006 ว่า เขาพบกับนักร้องนำของวงชื่อดังใน “เฮเว่น” (Heaven) บาร์ชายรักชายยุค 1980s ขณะที่การสานความสัมพันธ์กันก็ต่อเนื่องยาวนานถึง 7 ปี จนกระทั่งนักร้องดังเสียชีวิตในปี 1991
จิมเล่าความหลังเมื่อพบกันครั้งแรกว่า เฟรดดี้เสนอเลี้ยงเครื่องดื่มให้เขา แต่เขาปฏิเสธและเล่าว่าจำไม่ได้ว่าชายรายนี้เป็นนักร้องซูเปอร์สตาร์ ทั้งสองไม่ได้ติดต่อกันอีกนานปีเศษ จิมเล่าว่า พวกเขาเจอกันในไนท์คลับอีกครั้ง เฟรดดี้ก็เสนอเลี้ยงเช่นกัน คราวนี้จิมยินยอม หลังจากนั้นก็เริ่มเดตกัน ไม่ถึง 6 เดือนหลังจากนั้นจิมก็ย้ายเข้ามาที่การ์เดน ลอดจ์ โดยยังทำงานเป็นช่างแต่งผมอยู่
ความสัมพันธ์ระหว่างจิมกับเฟรดดี้ดำเนินเรื่อยมา โดยที่นักร้องดังไม่เคยเปิดเผยต่อสาธารณะ ซึ่งจิมเผยว่า เขาไม่ได้ซีเรียสกับเรื่องนี้แต่อย่างใด ถึงแม้จะยังอยู่ด้วยกัน แต่จิมบอกว่า ความสัมพันธ์ของพวกเขาก็ไม่คงที่ มีทะเลาะกันบ้าง จากที่จิมเคยพบเห็นนักร้องดังกับชายอีกรายในไนท์คลับ จิมอ้างว่า เฟรดดี้บอกว่าที่ทำแบบนี้เพื่อให้เขาอิจฉา และยังมีเรื่องราวคล้ายกันนี้อีกครั้งหนึ่ง จนจิมยื่นคำขาดให้เฟรดดี้ตัดสินใจ
จิมเป็นคนที่อยู่ใกล้ชิดกับเฟรดดี้ ทำให้สัมผัสช่วงเวลาสำคัญของวงหลายครา หนึ่งในนั้นคือการแสดงในโชว์ “Live Aid” เมื่อปี 1985 ซึ่งจิมเล่าความรู้สึกครั้งนั้นว่า ฝูงชนที่ตอบสนองต่อการแสดงของวงทำให้เขาทึ่งและประหลาดใจอย่างมาก หลังจาก Queen แสดงจบก็เป็นคิวของเอลตัน จอห์น (Elton John) ซึ่งจิมจำได้ว่า เอลตันถึงกับเอ่ยปากว่า “บ้าเอ๊ย พวกนายขโมยช่วงเด่นไปหมด”
บทสนทนาสุดท้ายที่ทั้งคู่พูดคุยกันก่อนหน้าเฟรดดี้เสียชีวิต คือช่วงเช้าที่เฟรดดี้อยากดูภาพเขียนของเขา แต่ไม่สามารถลงบันไดได้ จิมเล่าว่า เขาเสนอแบกเฟรดดี้ลงไป แต่สุดท้ายเฟรดดี้ก็ลงไปด้วยตัวเอง จิม เป็นผู้หยิบเก้าอี้มาให้เฟรดดี้ และเปิดไฟให้ชมภาพ
“มันสวยงามมาก” จิมเล่าคำพูดที่เฟรดดี้เอ่ยชื่นชมภาพเขียนในที่พักของเขา
แม้ว่าแมนชั่นในลอนดอนจะตกเป็นของแมรี่ แม้จิมอ้างว่าเฟรดดี้อยากให้เขาครอบครองมากกว่าก็ตาม แต่รายงานข่าวเผยว่า จิมได้รับเงิน 5 แสนปอนด์ และเดินทางกลับไอร์แลนด์ ต่อมาจิมเป็นผู้เขียนหนังสือเล่าความสัมพันธ์ของเขากับเฟรดดี้ ชื่อ “Mercury and Me” จิมต่อสู้กับโรคมะเร็งหลายปี และเสียชีวิตเมื่อปี 2010 ขณะอายุ 60 ปี
เกร็ดอื่นเกี่ยวกับ เฟรดดี้ เมอร์คิวรี และวง Queen
นอกเหนือจากรายละเอียดเรื่องความสัมพันธ์แล้ว ใน Bohemian Rhapsody ยังมีรายละเอียดเกี่ยวกับวงที่ต่างจากเหตุการณ์จริง อาทิ วงไม่มีผู้บริหารค่ายชื่อเรย์ ฟอสเตอร์ (Ray Foster) ตามที่ภาพยนตร์ใส่ตัวละครนี้เข้าไป แต่ตัวละครนี้อ้างอิงจากรอย เฟเธอร์สโตน (Roy Featherstone) หัวเรือของค่ายอีเอ็มไอ (EMI) ในขณะนั้น ในความเป็นจริงแล้วเขาไม่ได้เกลียดเพลง “Bohemian Rhapsody” และปัดให้วงออกเป็นซิงเกิลแบบในภาพยนตร์ รอยเป็นแฟนตัวยงของวงด้วยซ้ำ แม้ว่าเขาจะแสดงความคิดเห็นทำนองว่า เพลงอมตะนี้ยาวเกินไปบ้าง แต่นอกเหนือจากนั้นเป็นเรื่องที่ภาพยนตร์เสริมขึ้น
ขณะที่การแสดงในโชว์ “Live Aid” ก็ไม่ได้เป็นการแสดงที่วงกลับมารวมตัวกัน ภาพยนตร์เล่าว่า ก่อนหน้าการแสดงโชว์ใหญ่ เฟรดดี้ต้องการแยกจากวง และเผยว่าเขาเซ็นสัญญาทำงานเดี่ยวมูลค่า 4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่ที่จริงในปี 1983 วงต้องการเวลาพักบ้างเท่านั้น เนื่องจากทัวร์อย่างหนักตลอดทศวรรษที่ผ่านมา แต่ในภาพยนตร์เล่าว่า สมาชิกในวงไม่คุยกับเฟรดดี้เกือบปี ในความจริงแล้วช่วงปลายปี 1983 วงก็เริ่มทำงานในอัลบั้ม The Works ด้วย
ในภาพยนตร์ยังบอกเล่าเหตุการณ์ที่เฟรดดี้เปิดเผยกับวงช่วงซ้อมขึ้นคอนเสิร์ต Live Aid ว่า เขาติดเชื้อ HIV อย่างไรก็ตาม ช่วงเวลาที่นักร้องดังบอกข้อมูลสำคัญต่อสมาชิกในวงยังเป็นที่ถกเถียงกันจนถึงวันนี้ ผู้สันทัดกรณีเห็นตรงกันว่า น่าจะอยู่ระหว่างปี 1986-1987 เท่ากับว่า หากเป็นไปตามข้อสันนิษฐานนี้ ช่วงแสดงคอนเสิร์ตใหญ่ ทุกคนในวงยังไม่รู้เรื่องการติดเชื้อ
แม้เจ็บป่วย แต่ เฟรดดี้ เมอร์คิวรี ยังคงทำงานดนตรีที่เขารัก และเก็บเรื่องอาการป่วยไว้โดยไม่เปิดเผยต่อสาธารณชน เขาปรากฏตัวในมิวสิควิดีโอเพลง “These Are the Days of Our Lives” ซึ่งถ่ายทำในเดือนพฤษภาคม ปี 1991 ก่อนจะเสียชีวิตเมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน ปีเดียวกัน
อ่านเพิ่มเติม :
- “มึงมันชั่ว” เพลงที่นายกฯ อย่างจอมพลสฤษดิ์ทนฟังไม่ได้ และสั่งแบน
- 31 พ.ค. 1977 บีบีซีสั่งแบนเพลง “God Save the Queen” ของ The Sex Pistols อ้าง “รสนิยมต่ำ”
สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่
อ้างอิง :
Desta, Yohana. Bohemian Rhapsody: The True Story Behind Freddie Mercury’s Relationships. Vanity Fair. 1 Nov 2018. <https://www.vanityfair.com/hollywood/2018/11/freddie-mercury-true-story-relationships-mary-austin-jim-hutton?mbid=social_facebook&fbclid=IwAR1hc7POznd8UFMzMTZfN1vvptsLs3FQ1hnld-Co2nKJXoZ_puO3xREuk2A>
Greene, Andy. Fact-Checking the Queen Biopic, ‘Bohemian Rhapsody’. Rolling Stone. 1 Nov 2018. <https://www.rollingstone.com/music/music-news/freddie-mercury-queen-biopic-bohemian-rhapsody-movie-fact-check-746195/>
McClintock, Pamela. Weekend Box Office: ‘Bohemian Rhapsody’ Soars to $50M Bow; ‘Nutcracker’ Bombs. The Hollywood Reporter. 4 Nov 2018. <https://www.hollywoodreporter.com/news/box-office-bohemian-rhapsody-soars-50m-bow-nutcracker-bombs-1157967>
เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 6 พฤศจิกายน 2561