
ผู้เขียน | กองบรรณาธิการศิลปวัฒนธรรม |
---|---|
เผยแพร่ |
เราเห็นการนำเสนอ “ภาพก่อนตาย” ในเรื่องเล่าหรือสื่อสมัยใหม่อยู่บ่อย ๆ โดยนัยคือเป็นสัญญาณว่าผู้ตายจะไปสู่ภพภูมิไหน หรือต้องชดใช้กรรมในโลกหน้าอย่างไร คอนเซปต์ดังกล่าวไม่ได้ถูกอุปโลกน์ขึ้นมาลอย ๆ แต่มีการอธิบายอย่างจริงจังโดยปัญญาจารย์ทางพุทธศาสนา ในชื่อเรื่อง “มรณาสันนวิถี”
เรื่องนี้อยู่ในตำรา โลกทีปนี ของพระเทพมุณี (วิลาศ ญาณวโร ป.ธ. 9) อดีตเจ้าอาวาสวัดดอน ยานนาวา เผยว่า เมื่อสัตว์ทั้งหลายใกล้จะมรณะไปสู่แดนมฤตยู ก่อนจะไปบังเกิดในโลกอื่นต่อไปนั้น จะเกิด มรณาสันนวิถี หรือวิถีจิตใกล้จะตาย โดยมีอารมณ์ (นิมิต) 3 ประการ ปรากฏปฏิสนธิจิตก่อนลาโลก ดังต่อไปนี้
1. กรรมารมณ์ คือการเห็นกรรมที่ตนเคยกระทำไว้มาปรากฏให้ระลึกได้
ในขณะที่กำลังร่อแร่จะสิ้นลม ถ้าเป็นผู้มีบาป เคยทำอกุศลกรรมไว้ ในขณะนั้นจะปรากฏเป็นภาพให้เห็นชัดเจนในมโนทวาร (ใจ) เช่น หากเคยฆ่าคน ภาพที่ตนฆ่าคนก็มาปรากฏ หากเคยถีบด่าว่าพ่อแม่ หรือเคยติดเหล้าดื่มสุราเมรัยประจำ เคยทำอทินนาทานลักขโมยและปล้นคนอื่น เคยประพฤติมิจฉา นอกใจคู่ครองของตน ก็จะปรากฏเป็นภาพให้เห็นชัดเจนอย่างที่ทำไว้
จิตจะยึดหน่วงเอาภาพเหล่านั้นเป็นอารมณ์ เมื่อสิ้นชีวิต จะน้อมนำไปเกิดในทุคติภูมิ เช่น โลกนรก
หากเคยทำกุศลกรรมไว้ ในขณะนั้นจะปรากฏเป็นภาพให้เห็นอย่างชัดเจนในใจ เช่น หากเคยบริจาคทาน ทำบุญเลี้ยงพระ ขุดสระ สร้างศาลา เคยรักษาศีล จะเห็นเป็นภาพตนเองเคยทำสิ่งต่าง ๆ เหล่านั้น ทำให้ใจคอชุ่มชื่นก่อนหมดลม อารมณ์อันดีงามจะน้อมไปเกิดในสุคติภูมิ
ทั้งหมดทั้งมวลจะเห็นเฉพาะตัวบุคคลที่จะล่วงลับดับขันธ์ คนรอบข้างไม่เห็นด้วย ดังพระเทพมุณีมีอรรถาธิบายว่า “เขาเห็นของเขาอยู่คนเดียวเท่านั้น เราท่านเวลานี้ยังไม่เห็น เพราะยังไม่ตาย ยังมีชีวิตเป็นปรกติดีอยู่ ถ้าอยากเห็นต้องอดใจรอไปก่อน โน่นจวนจะดับจิตตายไปโน่นแหละเป็นเห็นแน่”

2. กรรมนิมิตตารมณ์ คือมีอุปกรณ์ของการกระทำในอดีตมาปรากฏให้เห็น เพราะการประกอบกรรมทุกชนิด ย่อมมีอุปกรณ์เครื่องมือ เช่น จะทำปาณาติบาตฆ่าสัตว์ ฆ่าคน ต้องมีดาบ มีด ปืน ฯลฯ เป็นเครื่องมือ หรือจะทำบุญทำทาน ก็ต้องมีอาหาร เครื่องใช้ไม้สอยต่าง ๆ เป็นเครื่องมือ อุปกรณ์เหล่านี้จะปรากฏเป็นกรรมนิมิตในขณะจะดับจิต คือมองเห็นเป็นภาพนั่นเอง
ในทางอกุศล จะปรากฏเครื่องมือของการทำบาปให้เห็น ไม่ว่าจะเป็นอาวุธสำหรับประหัตประหารหรือสร้างความรุนแรงในรูปแบบต่าง ๆ หรือสิ่งของเนื่องในอบายมุข เช่น เครื่องมือการพนัน สุดแต่เคยทำชั่วด้วยสิ่งใด จะมาปรากฏให้จิตยึดหน่วงไว้เป็นอารมณ์ก่อนไปทุคติภูมิ
แต่ถ้าเคยทำบุญด้วยอะไร สิ่งนั้นก็จะมาปรากฏเหมือนกัน เช่น เห็นผ้าไตรทอดกฐินที่ตนเคยทอดถวาย เห็นเครื่องสักการบูชาดอกไม้ที่ตนเคยทำบูชาไว้ ฯลฯ จิตจะยึดเป็นอารมณ์ก่อนดับขันธ์ แล้วส่งให้ไปอุบัติในสุคติภูมิ
3. คตินิมิตตารมณ์ เป็นนิมิตต่าง ๆ ที่บ่งบอกถึงโลกที่จะต้องไปเกิดหลังเสียชีวิต โดยปรากฏชัดในมโนทวารเช่นกัน บางทีอาจเป็นภาพที่เคยเห็น (เดจาวู) บางทีไม่เคยเห็น แต่ส่วนมากจะเป็นอย่างหลัง คตินิมิตตารมณ์แบ่งเป็นประเภทย่อยได้ ดังนี้
1) หากเห็นเปลวไฟร้อนระอุ เห็นหม้อเหล็กแดง ไม้งิ้วมีหนามเหล็ก เห็นฝูงผีปีศาจราชทูตรูปร่างพิกลถือไม้ฆ้อนหรือหอกเหล็ก หรือเห็นแร้งกากำลังจะมาฉีกกัดเลือดเนื้อของตน จนทำให้ตกใจสะดุ้งกลัว ร้องโวยวายให้คนช่วย “เขาผู้นั้นต้องไปตกนรกอย่างแน่นอน”
2) หากเห็นหุบเขาหรือถ้ำมืด เห็นแกลบและข้าวลีบมากมาย ให้ความรู้สึกหิวโหยอาหารและกระหายน้ำ บ้างเห็นเลือด น้ำหนอง ของเหลวน่ารังเกียจ หรือเห็นเป็นอสุรกายร่างใหญ่โตน่าเกลียด เนื้อตัวสกปรกรุงรัง “เขาผู้นั้นจะได้ไปเกิดเป็นเปรตอสุรกาย”
3) หากเห็นทุ่งหญ้า ป่าไม้ เชิงเขา ชายน้ำ กอไผ่ ภูเขา หรือเห็นเป็นรูปสัตว์ต่าง ๆ เช่น เนื้อถึก โค กระบือ หมู หมา เป็ด ไก่ ไส้เดือน ฯลฯ “เขาผู้นั้นจะได้ไปบังเกิดในกำเนิดสัตว์เดรัจฉาน”
4) หากเห็นก้อนเนื้อ คือ เป็นก้อนเนื้อเล็ก ๆ ในครรภ์มารดา หรือเห็นครรภ์มารดาในชาติหน้าซึ่งจะมาถึงในพริบตาข้างหน้า “เขาผู้นั้นจะต้องมาเกิดเป็นมนุษย์โลกนี้”
5) หากเห็นทิพยวิมาน ปราสาทราชวังอันสวยสดงดงามที่ไม่มีในเมืองมนุษย์ หรือเห็นต้นกัลปพฤกษ์ (ต้นไม้สวรรค์) หรือสิริไสยาสน์ ที่นอนอันประเสริฐในทิพยวิมาน ประกอบด้วยแก้วแหวนเงินทองงดงาม บ้างเห็นเทพบุตรเทพธิดาชาวฟ้าชาวสวรรค์พากันขับระบำรำฟ้อนอย่างรื่นเริง สวยใส่อาภรณ์ประณีตงดงาม ทำให้ผู้จะสิ้นใจมีจิตเพลิดเพลินโสมนัส
“ถ้ามีผู้สังเกตดูหน้าก็จะรู้ได้ว่า เขาจะหลับตาตายอย่างสุขสงบไปพบสุคติแน่ในไม่ช้า เพราะนิมิตนี้ชี้ให้รู้ว่า เขาผู้นั้นจักได้ไปเกิดในสวรรค์เมืองฟ้าเป็นเทวดาแน่นอน”

พระเทพมุณีชี้ว่า นิมิตทั้งหมดนี้อาจไม่ปรากฏเพียงอย่างหนึ่งอย่างเดียว เพราะบางคนเคยทำกุศลไว้ แต่พร้อมกันนั้นก็ทำบาปกรรมด้วย คือทำดีทำชั่วปนกัน พอถึงคราวตายจึงเห็นนิมิตหลายอย่าง ไม่มีตายตัวว่านิมิตแบบไหนจะมาก่อนหลัง
ถึงอย่างนั้น นิมิตที่ปรากฏทีหลังย่อมมีกำลังกว่า เพราะเป็นสิ่งสุดท้ายที่จะเหนี่ยวนำจิตใจของผู้ตายนั่นเอง
อ่านเพิ่มเติม :
- “สุขาวดี” คืออะไร? ทำอย่างไรจึงจะได้เข้าสู่แดนสวรรค์อันบริสุทธิ์ของชาวพุทธ
- หมอบรัดเลย์ ชวนคุยเรื่องนรกสวรรค์ สาวชาวบ้านว่า “ต้องตกลงกับสามีก่อน…”
- “ความฝัน” 4 ประเภท จาก 4 สาเหตุในคัมภีร์พุทธศาสนา ฝันเวลาไหนมักเป็นลางบอกเหตุ?
สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่
เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 27 พฤษภาคม 2568