
ผู้เขียน | วิภา จิรภาไพศาล |
---|---|
เผยแพร่ |
“สุสานแต้จิ๋ว” หรือที่คนแต้จิ๋วเรียกว่า “หงี่ซัว” ตั้งขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 เมื่อ พ.ศ. 2442 ปัจจุบันเรียกกันทั่วไปว่า “ป่าช้าวัดดอน” ด้วยที่ตั้งของสุสานอยู่บริเวณซอยวัดปรก 1 ถนนจันทน์ แขวงทุ่งวัดดอน เขตสาทร กทม. สุสานแห่งนี้เป็นที่ฝังศพของคนแต้จิ๋วโพ้นทะเลที่เข้ามาทำมาหากินในไทยยุคแรกๆ
สุสานแต้จิ๋ว
สุสานแห่งนี้เกิดขึ้นจากความร่วมมือของคหบดีและชาวแต้จิ๋วในไทย ที่ร่วมกับบริจาคเงินซื้อที่ดินทั้งหมด 4 ครั้ง เป็นเงิน 33,500 บาท ได้เนื้อที่ 120 ไร่ โดยผู้ที่มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่ง คือ หลวงสิทธิ์สุโรปกรณ์ หรือ “ไหล่คือไต่ย” (บ้างเรียก “ไน้คือไต่ย” ปัจจุบันทายาทของท่านใช้นามสกุล สุจินัย)

ชื่อของหลวงสิทธิ์สุโรปกรณ์ อาจไม่แพร่หลายเหมือนเจ้าสัวดังหลายตระกูล แต่ในสังคมชาวจีนเวลานั้นท่านเป็นที่ยกย่อง ด้วยเป็นบุคคลที่มีฐานะ มีชื่อในสังคมจีน และมีใจช่วยเหลืองานสาธารณประโยชน์อยู่เสมอ สมัยรัชกาลที่ 6 ท่านได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้จัดการโรงสุราบางยี่ขัน ทั้งยังเป็นกรรมการยุคบุกเบิกของสมาคมแต้จิ๋ว
อาจารย์ถาวร สิกขโกศล ให้ข้อมูลเรื่องนี้ว่า เมื่อจะจัดสร้างสุสาน พื้นที่ที่กำหนดยังเป็นที่รกร้าง มีชาวบ้านเลี้ยงวัวหากิน หลวงสิทธิ์สุโรปกรณ์ใช้เงินส่วนตัวชดเชยชาวบ้านที่ทำกินอยู่เดิม จนสามารถสร้างสุสานสำหรับฝังร่างของคนจีนแต้จิ๋วทั่วไป และไม่เป็นผู้ยากไร้ โดยตั้งชื่อสุสานว่า “หงี่ซัว” คำว่า “หงี่” มาจาก “หงี่อังกุ๋ง” อันเป็นชื่อดั้งเดิมของเมืองแต้จิ๋ว
เริ่มมีการฝังศพแรกชื่อ “อื้อกิมไถ่” เมื่อเมษายน พ.ศ. 2443
เจตนารมย์
ธรรมเนียมหนึ่งเกี่ยวกับความตายของคนจีน คือการฝังศพ และถ้าจะให้ดีก็ต้องกลับไปฝังที่สุสานบ้านเกิด แต่ดีกว่านั้นคือการกลับไปตายที่บ้านเกิด ดังจะเห็นได้ว่าบรรดาเจ้าสัว, เถ้าแก่ใหญ่จำนวนหนึ่งมักเกษียณตัวเองจากกิจการโพ้นทะเลกลับไปใช้ชีวิตบั้นปลายที่เมืองจีน

แต่ในความเป็นจริง คนจีนโพ้นทะเลจำนวนมากที่ออกมาเผชิญโชคไม่มีโอกาสกลับบ้านเกิดที่จากมา เพราะเสียชีวิตเสียก่อน เพราะไม่ประสบความสำเร็จในอาชีพจึงละอายที่จะกลับ หรือซ้ำร้ายกว่านั้นบางคนเสียชีวิตในต่างแดนแบบไร้ญาติขาดมิตร
ดังกลอนคู่ 1 บทที่สุสานของคนแต้จิ๋ว บทแรกเขียนว่า “เจี๊ยะก๊วยโอวจุ้ย โต้วก๊วยโข่วจุ้ย เจ๊กเผี่ยงซิ้มซือฮู้หลิ่วจุ้ย-ผ่านความยากลำบากในทะเล เผชิญความทุกข์ยากชีวิต (ในต่างแดน) ความหวังทั้งหลายมลายไปกับสายน้ำ” บทที่ 2 เขียนว่า “เสี่ยจ้อจ่อซัว บ่อฮวยตึ้งซัว เจ๊กฮู้กุกเท้าจึงหงี่ซัว-หวังจะมาเป็นเจ้าสัว ไม่มีโอกาสกลับตึ้งซัว (เมืองจีน) กระดูกทั้งร่างฝังที่สุสานแต้จิ๋ว” (สำนวนแปลโดย พัฒนพงษ์ อายุวนานนท์)
สุสานของจีนกลุ่มต่างๆ จึงเกิดขึ้นในต่างแดน รวมทั้งเมืองไทย สมัยรัชกาลที่ 5 พระนครมีหลุมฝังศพราว 15,884 หลุม ส่วนมากอยู่ทางตอนใต้ของพระนคร (ปัจจุบันคือพื้นที่สีลม บางรัก ถนนตก ถนนจันทน์) ในจำนวนนี้ ป่าช้าสุเหร่าบ้านอู่มีจำนวนมากที่สุด 6,000 หลุม (บริเวณซอยข้างโรบินสัน บางรัก) รองมาคือ สุสานของแต้จิ๋ว 4,200 หลุม
อ่านเพิ่มเติม :
- สีลม-บางรัก-สาทร “ป่าช้าวัดดอน” ทำเลสุสานฝังศพสุดฮิตสมัยรัชกาลที่ 5
- ธรรมเนียมนิยม “เจ้าสัว-เถ้าแก่” รุ่นบุกเบิกในไทย มีเมียคนจีน ส่งลูกไปจีน ศพฝังที่จีน
สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่
อ้างอิง :
กนกวรรณ จันทร์พรหม. การจัดการพื้นที่สาธารณะในเขตเมือง: กรณีศึกษาสุสาน แต้จิ๋ว กรุงเทพมหานคร, วิทยานิพนธ์ หลักสูตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาผังเมือง คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์และการผังเมือง มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ปีการศึกษา 2560
สัมภาษณ์ ผศ. ถาวร สิกขโกศล เมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2568.
ผศ. ดร. นิภาพร รัชตพัฒนากุล. “‘นาสิกประสาตภัย’: ประวัติศาสตร์ของกลิ่นเหม็นในเมืองกรุงเทพฯ” ใน, ศิลปวัฒนธรรม มกราคม 2562.
เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 26 มีนาคม 2568